จับตา! ค่าเงินบาท สัปดาห์นี้ เคลื่อนไหวที่ 32.40-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาด กรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ เคลื่อนไหวที่ 32.40-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ จับตา ! สหรัฐ-จีน เจรจาภาษี
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท และตลาดหุ้นไทยตลอดสัปดาห์นี้ (2-6 มิ.ย.68) พบว่า เงินบาทกลับมาอ่อนค่าเล็กน้อยท้ายสัปดาห์ หลังเงินดอลลาร์ฯ ฟื้นตัวบางส่วนรับข่าวการหารือระหว่างประธานาธิบดี (ปธน.) โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดี สี จิ้นผิงของจีน ทั้งนี้ เงินบาททยอยแข็งค่าในช่วงแรกสอดคล้องกับทิศทางราคาทองคำในตลาดโลกที่กลับขึ้นไปทดสอบแนว 3,400 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์

ส่วนความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย พบว่า ดัชนีหุ้นไทยปิดลบตามแรงขายของนักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างชาติ หลังไร้ปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาหนุน ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทย ร่วงลงแรงช่วงกลางสัปดาห์ซึ่งเป็นวันทำการแรกหลังหยุดยาว โดยเผชิญแรงกดดันหลัก ๆ จากแรงขายหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่งจากความกังวลเกี่ยวกับการปรับปรุงการคำนวณดัชนีของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยจำกัดน้ำหนักหลักทรัพย์รายตัวที่เป็นองค์ประกอบในดัชนี SET50, SET50FF, SET100 SET100FF มีน้ำหนักไม่เกิน 10% เพื่อลดอิทธิพลของหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ต่อดัชนี ซึ่งจะมีผลตั้งแต่เดือนก.ค. 2568 เป็นต้นไป นอกจากนี้แรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มแบงก์และพลังงานก็มีส่วนกดดันดัชนีหุ้นไทยด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดีดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นช่วงสั้น ๆ ในเวลาต่อมา ก่อนจะปรับตัวลงอีกครั้งในช่วงท้ายสัปดาห์ แม้จะมีปัจจัยบวกจากรายงานข่าวเกี่ยวกับการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และจีนก็ตาม เนื่องจากไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน ประกอบกับมีแรงกดดันจากแรงขายหุ้นบิ๊กแคป โดยเฉพาะหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่งและบริษัทด้านการกลั่นน้ำมันรายใหญ่แห่งหนึ่งจากประเด็นน้ำมันดิบรั่วไหลกลางทะเล
ทั้งนี้ สัปดาห์ระหว่างวันที่ 9-13 มิ.ย. 2568 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.40-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก สัญญาณการเจรจาการค้าของสหรัฐฯ และคู่ค้า ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิต เดือนพ.ค. ของสหรัฐฯ และจีน เชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือนมิ.ย. ของสหรัฐฯ ข้อมูลจีดีพีไตรมาส 1/2568 ของญี่ปุ่น และตัวเลขการส่งออกเดือนพ.ค. ของจีน
ขณะที่ ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย KSecurities คาดแนวรับที่ 1,115 และ 1,100 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,145 และ 1,155 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ประเด็นเกี่ยวกับนโยบายภาษีของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนพ.ค. ของสหรัฐฯ และจีน ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2568 และดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนพ.ค. ของญี่ปุ่น ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย. ของญี่ปุ่น อังกฤษ และยูโรโซน ตลอดจนข้อมูลการส่งออกเดือนพ.ค. ของจีน