วิธีเลือก "ประกันชีวิต" เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้ปลายปี
เปิดหนึ่งในสิทธิประโยชน์ของการ "ลดหย่อนภาษีเงินได้" คือ ประกันชีวิต ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภทที่นำมาลดหย่อน
กรมสรรพากร ระบุ สิทธิการลดหย่อนภาษีโดยการนำเบี้ยประกันชีวิตมาหักลดได้ โดยประกันชีวิตที่ทำต้องคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ซึ่งประเภทของประกันชีวิตที่สามารถนำเบี้ยมาลดหย่อนภาษีได้ก็มี 2 ประเภท คือ ประกันชีวิตแบบทั่วไป ประกันชีวิตแบบบำนาญ
ฟื้นแล้ว ธุรกิจประกันชีวิตปี65 ดีขึ้น โตสูงสุด 2%
เช็กเงื่อนไข “ค่าเบี้ยประกัน” หักลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่
พรุ่งนี้น้ำมันลง "โออาร์" ลดราคาเบนซิน 30-50 สต. ต้อนรับวันที่ 11 เดือน 11
ประกันชีวิตแบบทั่วไป ประกันชีวิตแบบทั่วไป นำเบี้ยมาลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงสูงสุดถึง 100,000 บาท ซึ่งประกันชีวิตแบบทั่วไปมีหลายอย่าง
ประกันชีวิตตลอดชีพ คุ้มครองชีวิตยาวนาน 90 หรือ 99 ปี มีระยะเวลาการชำระเบี้ยประกันประมาณ 10 / 15 หรือ 20 ปี เพื่อเป็นมรดกให้กับคนข้างหลังในวันที่ผู้ทำประกันเสียชีวิต
ประกันชีวิตชั่วระยะเวลาที่เน้นคุ้มครองชีวิตจากการเสี่ยงภัยในระยะไม่กี่ปี เช่น 3 ปี 5 ปี หรือ 10 ปี เป็นต้น (ประกันชีวิตประเภทนี้สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ หากมีอายุกรมธรรม์ 10 ปี ขึ้นไป)
ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ คุ้มครองชีวิตและเป็นเงินออมในขณะเดียวกัน ผู้ทำประกันจะได้รับเงินตามจำนวนที่ระบุเอาไว้ในกรมธรรม์เมื่อเสียชีวิตหรือเมื่อสัญญาครบกำหนด ซึ่งมีระยะเวลาตั้งแต่ 10 ปี 20 ปี หรือ 30 ปี หรือครบอายุผู้เอาประกัน 60 ปี ถ้าหากได้รับเงินหรือผลประโยชน์จากประกันในระหว่างอายุกรมธรรม์ จะต้องได้ไม่เกิน 20% ของเบี้ยประกันชีวิตรายปี จึงมีสิทธินำเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีได้
ประกันชีวิตแบบบำนาญ
หรือแบบเงินได้ประจำเป็นประกันชีวิตที่ทำเพื่อเป็นรายได้ยามชรา โดยบริษัทประกันชีวิตจะจ่ายให้ผู้เอาประกันเป็นงวดๆ เหมือนเงินบำนาญนับตั้งแต่ปีที่สัญญาครบกำหนด เช่น เมื่อผู้เอาประกันอายุ 55 ปี - 85 ปี หรือมากกว่านั้น
เบี้ยประกันชีวิตประเภทนี้ที่จ่ายในแต่ละปี สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้มากกว่าประกันชีวิตแบบทั่วไป คือ ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุด 200,000 บาท โดยต้องไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมินแต่เมื่อรวมกับเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เงินสะสมเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เงินที่ลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และเงินสะสมเข้ากองทุนการออมแห่งชาติ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
ปลายปีนี้ลองหามองหาประกันชีวิตมาไว้กับตัวสักแผน เพราะการทำประกันชีวิตก็คือการสร้างความมั่นคงอย่างหนึ่งคล้ายกับการออมเงินเผื่ออนาคตและเหตุการณ์ไม่คาดฝัน โดยเงินที่ทำประกันสามารถให้ผลตอบแทนหรือชดเชยความเสียหายได้