จับเทรนด์อสังหาฯ ปักธง “ความยั่งยืน-ไลฟ์สไตล์-โลว์คาร์บอน”
“ตัวจริง” ในธุรกิจอสังหาฯ ชั้นนำของไทย แนะ “เจาะเทรนด์ใหม่อสังหาฯ” หลังโตแรง หวังเป็นโอกาสและทางรอดแห่งอนาคต
ท่ามกลางความกังวลถึง "หนี้เสีย-สต็อกบ้านและคอนโด" เหลือขายในระบบมากเป็นล้านล้านบาทที่ยังรอการแก้ไข ในอีกด้านของธุรกิจอสังหาฯ ไทย กลับพบว่ายังมี "โอกาส" อีกมากมายรออยู่
"เจาะเทรนด์ใหม่อสังหาฯ" เวทีระดมแนวคิดจาก "ตัวจริง" ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ร่วมกันถ่ายทอดมุมมอง กลยุทธ์ทางธุรกิจ และที่พลาดไม่ได้ก็คือเทรนด์ที่กำลังมาแรง ซึ่งเป็นหนึ่งในช่วง Prop2Talk ไฮไลต์ของงานเสวนากรุงเทพจตุรทิศ 2567 Property เจอหนี้ 10 ปีอสังหาฯ ไทยกลับไปไม่เหมือนเดิม
“Super Young Generation” เปย์บ้านหรู “เอสซี แอสเสท”
จากอายุ 40+ ที่เป็นประชากรกลุ่มใหญ่ของคนซื้อบ้าน วันนี้ต้องหลีกทางให้กลุ่ม Under 30 ที่กำลังมาแรงไม่หยุด กำลังซื้อบ้านหรูจากกลุ่มนี้มีอายุตั้งแต่ 26, 27, 28, 30, 32, 33, 37, 38 ปี ที่ความสำเร็จจากธุรกิจในโลกออนไลน์ มีไลฟ์สไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ และมีความพร้อมในการซื้อบ้านลักชัวรีราคาเริ่มต้น 80-150 ล้านบาท “ลูกค้าที่ซื้อ 80% เป็นคนอายุน้อยกว่า 40 ปี และในจำนวนนี้ มีมากถึง 50% ที่อายุน้อยกว่า 30 ปี”
รวมมือถือซัมซุง รองรับอัปเดต "One UI 6.1.1" นอกเกาหลีใต้ เดือนกันยายน
เหตุผลอะไรที่ทำให้เราสมัครบัตรเครดิตไม่ผ่าน และจะแก้ไขอย่างไร ?
ณัฏฐกิตติ์ ศิริรัตน์ หัวหน้าสายงานการตลาด บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า SC ทำวิจัย 2 ปี จากข้อมูลที่ได้ทำให้เห็นว่าบ้านที่ทำอยู่วันนี้ และปัจจัยในการตัดสินใจซื้อของลูกค้าจะไม่เหมือนเดิมแล้ว
จากการใช้โซเชียลมีเดีย และไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป สิ่งที่เป็น Old values เช่น ทำเลที่ตั้ง ลูกค้าจะมั่นใจว่าได้บ้านในทำเลที่ต้องการ จริง ๆ อาจต้องปรับไปตามกลยุทธ์ของแต่ละบริษัทฯ ขณะที่ “New values” สิ่งที่เติมเข้าไปให้กับลูกค้ายุคใหม่ เอสซีฯ จะใช้หลักคิด MLW ว่าด้วยเรื่องของ Mind, Lifestyle และ Health and Well-being
“Mind” หลังจากทำงาน เมื่อกลับบ้านแล้วลูกค้าต้องการอะไรบ้างที่มาช่วยชาร์ตพลัง ซึ่งสิ่งที่นำเสนอ คือ my space , my joy ไม่ว่าจะอยู่คนเดียว สองคน หรืออยู่รวมกันสามเจนเนอเรชัน ต่างก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัวอย่างในการทำกิจกรรม เช่น วาดรูป ที่ขาดไม่ได้คือสเปซที่เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัว และพื้นที่สีเขียว การใส่สวนขนาดเล็กเข้าไปสำหรับเป็นพื้นที่พักผ่อน
“Lifestyle” ในยุคนี้คนสะสมของมากขึ้น การมีแพสชัน รูม สำหรับดีไซเนอร์ทอยส์ รถยนต์ กระเป๋า และรองเท้า, ห้องที่มีไฟเปลี่ยนสีปรับเปลี่ยนตามอารมณ์ และ Lifestyle kitchen ไว้ทำขนมอบ อาหาร รวมทั้งสร้างคอนเทนต์สร้างรายได้จากออนไลน์
“Health and Well-being” แนวโน้มครอบครัวที่เล็กลง แต่ต้องการพื้นที่รองรับกิจกรรมที่ชื่นชอบกลับมีมากขึ้น พร้อมกันนี้บ้านยังต้องระบบป้องกันฝุ่น ห้องน้ำมีราวจับสำหรับผู้สูงอายุ และรถเข็นสามารถเข้าไปได้ ไปจนถึงมีลิฟต์สำหรับขึ้นลงแต่ละชั้น
“ความยั่งยืน” คำตอบในทุกก้าวเดิน “แสนสิริ”SC ไม่ได้ทำบ้านเท่านั้น แต่ทำโปรเจกต์ One size does not fit all เช่น บ้านคนโสด บ้านเกมเมอร์ และล่าสุดเปิดตัว บ้าน Introvert และ Extrovert ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นสำหรับไลฟ์สไตล์ และเป็นบ้านที่หาไม่ได้จากที่อื่น.....ณัฏฐกิตติ์ กล่าว
ความยั่งยืน (Sustainability) เป็นเรื่องใกล้ตัว แต่การลงมือทำนั้นไม่ง่าย จะเกิดขึ้นได้อยู่ที่การใส่ใจอย่างจริงจัง ไม่ใช่สิ่งแวดล้อมอย่างเดียว แต่ในมิติของสังคมด้วย ภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ ประธานผู้บริหารสายงานกลยุทธ์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) สะท้อนมุมมองของการเดินหน้าธุรกิจควบคู่กับความยั่งยืน กลยุทธ์เพื่อให้เกิดความยั่งยืนของ “แสนสิริ” มุ่งทำใน 3 เรื่องหลัก
- การก้าวไปสู่องค์กรคาร์บอนต่ำ โดยบริหารจัดการเสียหรือการกำจัดของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ
- การจัดซื้อจัดจ้างที่วางแนวทางการใช้พลังงานจากธรรมชาติมากขึ้น โดยร่วมกับพาร์ทเนอร์และซัพพลายเออร์ ในการปรับวิธีการทำงาน และทำไปด้วยกัน เช่น สัญญาที่ชัดเจนถึงวัสดุต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สีกันความร้อน ที่ใช้ต้องไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การติดตั้งแผงโซลาเซลล์ ซึ่งแสนสิริเตรียมทยอยติดตั้งให้กับลูกบ้าน 3,200 หลังภายในปีนี้
- การก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แสนสิริมีโรงงานพรีคาสท์สีเขียว 4 แห่งในไทย ซึ่งเป็นโรงงานผลิตที่มีการจัดการขยะ และนำขยะเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล พร้อมกันนี้ก็ได้จับมือกับ ทีพีไอ ในการนำกรีนซีเมนต์รักษ์โลกเข้ามาใช้ในการก่อสร้างที่อยู่อาศัย
ทั้งหมดที่กล่าวมาจะนำองค์กรไปสู่เป้าหมาย ในปี 2023 สร้างบ้านประหยัดพลังงาน ลดก๊าซเรือนกระจก 20% ปี 2030 บ้านคาร์บอนต่ำ ลดก๊าซเรือนกระจกได้ 50%, และ Net zero home ในปี 2050 ที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ นอกจากด้านสิ่งแวดล้อม ความยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้ต้องใส่ใจมิติทางสังคมด้วย.....ภูมิภักดิ์ กล่าว
ออกแบบเพื่อเมืองที่ยั่งยืน
ตลอดการทำงานกว่า 10 ปี “ไพทยา บัญชากิติคุณ” จาก ATOM DESIGN กล่าวถึงการทำงานร่วมกับบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ถึงคุณภาพโปรดักส์ดีต่อเมืองและผู้คน โดยการทำงานในแต่ละครั้งจะพยายามเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้มากกว่าที่ EIA กำหนด เช่น การสร้างสวนสีเขียวในโครงการ
การออกแบบเป็นสไตล์โมเดิร์น เน้น Passive design ทุกหลังมาพร้อมพูลวิลล่า ให้ความสำคัญกับความเป็นกลางทางคาร์บอน มีการคำนวณหาปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศเท่ากับปริมาณคาร์บอนที่ถูกดูดซับจากการปลูกต้นไม้ในพื้นที่ป่าที่กันเอาไวครึ่งหนึ่งของพื้นที่โครงการทั้งหมด
ส่วนตัวบ้าน เน้นลดการใช้กระจกติดตั้งรอบบ้าน ติดตั้งโซล่าร์ พาแนล เลือกใช้วัสดุที่ช่วยลดคาร์บอน ไปจนถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากพื้นที่ให้มากที่สุด เพื่อลดการขนส่ง ก่อสร้างด้วยคอนกรีตโลว์คาร์บอน ซึ่งจะทำให้ลดคาร์บอนได้ 20-25%
Pet Family เทรนด์มาแรงที่ยังโตไม่หยุด
เจเนอเรชันของคนในสังคมเปลี่ยนไป เป้าหมายการใช้ชีวิตก็เปลี่ยน “คนโสด” หรือคนที่แต่งงานแล้วแต่ไม่ต้องการมีลูก และกลุ่มคนที่ “แต่งงานแต่ตัดสินใจไม่มีลูก” รวมถึงชาว “LGBTQ” เป็นกลุ่มที่มองหาสัตว์เลี้ยงมาดูแลและใส่ใจเหมือนเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว
ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ที่ไม่ใช่แค่ “เจ้าของ” กับ “สัตว์เลี้ยง” แต่แนบแน่นกันเป็นครอบครัว เทรนด์นี้มาแรง และโตแรงไม่หยุด เฉลี่ยปีละ 10% สร้างมูลค่าการตลาดให้กับธุรกิจเกี่ยวเนื่องกว่า 70,000 ล้านบาท ได้แก่ โรงพยาบาล อาหารสัตว์ บริการอาบน้ำ และแต่งขนสัตว์เลี้ยง รวมไปถึง คอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้พบว่ามีการเติบโตของจำนวนยูนิตในตลาดมากถึง 4,000%
จากประสบการณ์ 25 ปี เพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เจ้าแรกในตลาดอสังหาฯ ที่พัฒนาคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ในปี 2544 พบว่ามีการตอบรับที่ดี ทำให้มีการปรับกลยุทธ์ต่อเนื่องเพื่อให้สอดรับกับเทรนด์ที่เติบโต โดยเริ่มจาก Pet allow ในยุคแรกที่เปิดกว้างให้เลี้ยง มาเป็น Pet Friendly ในปีที่แล้ว และพัฒนามาเป็น Pet Family ในปีนี้
ปัจจุบันเราเรียกตัวเองว่า Life scape developer ผู้พัฒนาภูมิทัศน์ของการใช้ชีวิตที่มีสัตว์เลี้ยงเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว และเป็นความสุขที่เท่าเทียมในแบบ Happetness.....เพชรลดา กล่าว
“เปลี่ยน” อสังหาฯ ให้สมาร์ทด้วยเทคโนโลยี
เทคโนโลยีกับการดูแลและบริหารโครงการอสังหาฯ เป็นสิ่งที่ท้าทาย หากทำได้จะนำมาซึ่งการบริหารจัดการต้นทุนที่คุ้มค่า และเกิดประสิทธิภาพ ขยล ตันติชาติวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมทเธียร์ จำกัด ผู้ให้บริการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์อัจฉริยะแบบครบวงจร กล่าวว่า การบริหารจัดการโครงการอสังหาฯ ห้างสรรพสินค้า โรงงาน และโรงพยาบาล ลดต้นทุนด้วยการใส่เทคโนโลยีเข้าไป เพื่อให้แรงงานและเทคโนโลยีทำงานด้วยกันได้
ในกรณีของ Smart building แต่ละอาคารมี AI CCTV ที่เก็บข้อมูลและนับจำนวนคนเดินทางเข้าออกอาการด้วยเทคโนโลยีตรวจจับใบหน้า วันนี้การเข้าออกอาคารไม่จำเป็นต้องแลกบัตร เพียงแค่ใช้ข้อมูลบัตรประชาชนเข้าสู่ระบบจากนั้นสแกนใบหน้า รวมถึงให้ AI CCTV ทำหน้าที่แทนพนักงานรักษาความปลอดภัยในช่วงเวลากลางคืน
บริการทางด้าน Visitor management เพื่อให้รู้ว่าพนักงาน บุคคลภายนอก ใครบ้างที่เข้าออกอาคาร จำนวนคนกับการใช้พลังงานในอาคาร เช่น แอร์ ที่ทำงานร่วมกับ Energy consumption management เก็บข้อมูลและวิเคราะห์จำนวนคนในอาคารกับการใช้พลังงาน หากจำนวนพนักงานน้อยลง การใช้งานเครื่องปรับอากาศ ไฟฟ้าควรต้องปรับลดลงตามไปด้วย ซึ่งเทคโนโลยีจะเข้ามาช่วยบริหารจัดการต้นทุนพลังงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ระบบยังช่วยลดการทำงานในรูปแบบของ Facility management การนำหุ่นยนต์แม่บ้านเข้ามาทำงานร่วมกับคน ทำให้โครงการขนาดใหญ่บางแห่งจากเดิมที่มีแม่บ้าน 300 คน ในการดูแล สามารถลดลงเหลือ 200 คนเท่านั้น
รวมทั้ง Security as a service เป็นหนึ่งในบริการด้านความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงที่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง รปภ.และเทคโนโลยี โดยระบบจะทำงานผ่านแอปพลิเคชั่น รู้ใจ พร้อมติดตั้ง AI CCTV ในจุดที่ควรเฝ้าระวัง โดยปีนี้เตรียมเปิดให้บริการในกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น ได้แก่ ตลาด โรงพยาบาล
ไม่ว่าภาพรวมตลาดอสังหาฯ และกลุ่มกำลังซื้อบ้านเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหนก็ตาม จะยังมีโอกาสใหม่ ๆ เกิดขึ้นได้เสมอ จากเทรนด์มาแรงวันนี้ และในอนาคต "ความยั่งยืน-ไลฟ์สไตล์-โลว์คาร์บอน"