เส้นทางขมปนหวานของ “Hershey” แบรนด์ช็อกโกแลตเก่าแก่ 130 ปี
ย้อนประวัติยาวนานกว่า 130 ปีของ “Hershey” แบรนด์ช็อกโกแลต เจ้าของสูตรบาร์ช็อกโกแลตผสมนมสดเจ้าแรกของโลก
“Hershey” (เฮอร์ชีย์) คือชื่อของบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายขนมหวานที่มีคนรู้จักทั่วโลก มีสินค้าที่หลากหลายทั้งคุ้กกี้ เค้ก หรือแม้แต่มิลก์เชก แต่ผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นที่สุดและสร้างชื่อให้พวกเขา คือ “ช็อกโกแลต”
ซึ่งเรื่องราวชีวิตของผู้ก่อตั้ง Hershey อย่าง “มิลตัน เฮอร์ชีย์” นั้น ต้องบอกว่าไม่ต่างอะไรจากรสชาติของช็อกโลกแลต คือมีทั้งช่วงเวลาที่ขมขื่นจากความยากจน และรสชาติที่หอมหวานหลังกัดฟันสู้จนประสบความสำเร็จ

ความยากจนคือบ่อเกิดของความฝัน
มิลตันเคยเล่าว่า ความยากจนข้นแค้นในวัยเด็กเป็นสิ่งที่ติดตรึงอยู่ในความทรงจำเขาตลอดทั้งชีวิต และผลักดันให้เขาพยายามที่จะประสบความสำเร็จ รวมถึงก่อตั้งโรงเรียนสำหรับเด็กกำพร้าขึ้นมาในภายหลัง
มิลตันเกิดในรัฐเพนซิลเวเนียเมื่อวันที่ 13 ก.ย. 1867 หรือ 2 ปีหลังสงครามกลางเมืองสหรัฐฯ สิ้นสุด พ่อของเขาเป็นนักธุรกิจผู้รักการอ่านหนังสือ เคยทำมาแล้วทั้งฟาร์มผลไม้ เนิร์สเซอรี ฯลฯ แต่ไม่ประสบความสำเร็จแม้แต่อย่างเดียว และมักพาครอบครัวย้ายที่อยู่ไปเรื่อย ๆ เมื่อเขาเริ่มต้นธุรกิจใหม่
นั่นทำให้มิลตันต้องย้ายบ้านและย้ายโรงเรียนบ่อยครั้ง จนเมื่อพ่อแม่ของเขาแยกทางกัน มิลตันเลือกอยู่กับแม่ ซึ่งไม่สนับสนุนให้เขาเรียนหนังสือเท่าไรนัก เพราะมองว่าการอ่านหนังสือไม่ได้ช่วยให้ประสบความสำเร็จ โดยจำฝังใจมาจากพ่อของมิลตันนั่นเอง
เมื่อไม่ได้เรียนหนังสือ มิลตันจึงเริ่มทำงานแรกเป็นลูกมือให้กับบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ภาษาเยอรมันเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในเมืองแลงคาสเตอร์ ไม่นานเขาก็ถูกไล่ออกเพราะทำหมวกฟางหล่นลงไปในเครื่องพิมพ์
ต่อมา แม่ของเขาส่งเขาไปเป็นลูกศิษย์ของ โจ รอยเออร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตขนมหวานและไอศกรีมในแลงคาสเตอร์ ที่นี่เองที่เขาได้เรียนรู้พื้นฐานการทำขนมหวาน
แต่มิลตันมีความทะเยอทะยานมากกว่านั้น และไม่อยากเป็นแค่ลูกมือ แต่ต้องการมีอาณาจักรของหวานของตัวเอง
ตร.ไซเบอร์ รวบนักร้องนำวงเมทัล ดูแลบัญชีเว็บพนัน รับใช้เงินเกินตัว ติดกินหรูอยู่แพง!
พยากรณ์ล่วงหน้า ช่วงปีใหม่อากาศแปรปรวน-มีฝนรบกวนช่วงวันหยุดยาว
20 ที่เที่ยวปีใหม่ ใกล้กรุงเทพฯ ไปเช้าเย็นกลับ เดินทางง่าย

“นม” สร้างล้านแรก
ในปี 1876 มิลตันตัดสินใจย้ายไปฟิลาเดลเฟียเพื่อเริ่มต้นธุรกิจขนมหวานของเขา โดยยืมเงินจำนวนหนึ่งมาจากญาติ ๆ แต่เหมือนต้องคำสาปที่ตกทอดมาจากพ่อ คือเขาไม่ประสบความสำเร็จเลย แม้ต่อมาจะย้ายไปทั้งเดนเวอร์ นิวยอร์ก ชิคาโก และแม้แต่ในนิวออร์ลีนส์
หลังล้มเหลวต่อเนื่อง 10 ปีเต็ม มิลตันแบกความผิดหวังกลับมาแลงคาสเตอร์ พร้อมกับสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง นั่นคือความรู้ที่ได้จากคนทำขนมในเดนเวอร์ว่า “นมสด” เป็นวัตถุดิบที่ทำขนมได้ดี ซึ่งจะเป็นความลับที่ทำให้เขาร่ำรวยในภายหลัง
ในปี 1886 มิลตันไม่มีเงินแม้แต่สตางค์เดียว ญาติ ๆ ก็ไม่ให้ความช่วยเหลือแล้วเพราะเงินที่ยืมไปไม่เคยได้คืน แต่โชคยังพอเข้าข้าง เมื่อเขาไปรับความช่วยเหลือจาก วิลเลียม เฮนรี เลบคิเชอร์ ซึ่งมิลตันเคยทำงานด้วยตอนอยู่ฟิลาเดลเฟีย
เมื่อเริ่มจะมีทางออก มิลตันจึงมีเวลามากพอที่จะทำการทดลองสร้างขนมหวานที่มีนมสดเป็นส่วนผสม และได้ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์แรกนั่นคือ “Hershey’s Crystal A” ลูกอมคาราเมลที่ละลายในปาก
ลูกอมคาราเมลนี้ขายดีมาก และได้รับคำสั่งซื้อจำนวนมากจากผู้นำเข้าขนมในอังกฤษ ทำให้มิลตันไปขอสินเชื่อจากธนาคาร เพื่อขยายธุรกิจเป็นบริษัท Lancaster Caramel Company และประสบความสำเร็จแบบพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ มีเงินล้านดอลลาร์แรกในชีวิต

“ช็อกโกแลต” สร้างหลายพันล้านต่อ ๆ มา
คาราเมลทำให้มิลตันมีล้านดอลลาร์แรก แต่ช็อกโกแลตคือสิ่งที่สร้างเงินล้านต่อ ๆ มาให้กับเขาจนกลายเป็นสิบล้าน ร้อยล้าน พันล้าน
มิลตันได้ลิ้มรสช็อกโกแลตเป็นครั้งแรกขณะเดินทางไปร่วมงาน World’s Columbian Exposition ที่ชิคาโกในปี 1893 ซึ่งทำให้เขาสนใจเครื่องจักรทำช็อกโกแลตจากเยอรมัน
มิลตันซื้ออุปกรณ์ดังกล่าวและนำมาติดตั้งที่โรงงานในแลงคาสเตอร์ และตั้งบริษัททำช็อกโกแลตขึ้นมาในปี 1894 นันคือ “Hershey Chocolate” เริ่มผลิตช็อกโกแลตขึ้นมา 114 ชนิด
แต่ช็อกโกแลตทั้ง 114 ชนิดนั้นเป็นสูตรเดียวกับที่มีวางขายอยู่ในตลาดโดยเจ้าอื่นอยู่แล้ว เขาต้องการอะไรที่แตกต่างมากกว่านั้นเพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ของเขาแตกต่างและโดดเด่นจากคนอื่น
นั่นทำให้เขานึกถึง “นมสด” วัตถุดิบที่เคยเปลี่ยนชีวิตเขามาแล้วรอบหนึ่ง และเขาหวังว่ามันจะนำความสำเร็จมาสู่ช็อกโกแลตของเขาได้ด้วย
ในช่วงปลายทศวรรษ มิลตันตระหนักว่า ตลาดช็อกโกแลตกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และเชื่อมั่นว่าอนาคตของเขาอยู่ที่การผลิตช็อกโกแลตมากกว่าคาราเมล ในปี 1900 เขาจึงขายบริษัท Lancaster Caramel ให้กับคู่แข่งในราคา 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเริ่มทุ่มเทพลังงานทั้งหมดของเขาให้กับสูตรการทำช็อกโกแลตผสมนมสด
อดีตพนักงานของ Hershey รายหนึ่งที่เคยทำงานกับมิลตันเคยได้ยินเขาพูดว่า “คาราเมลเป็นแค่กระแสนิยม ช็อกโกแลตสิเป็นกระแสถาวร ผมจะทำช็อกโกแลต”
ก่อนที่จะมีช็อกโกแลตนมของ Hershey บริษัทได้ผลิต “ช็อกโกแลตวานิลลาหวาน” ขึ้นมาก่อน เป็นช็อกโกแลตกึ่งหวานสวีต คล้ายกับช็อกโกแลตดำที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน
ในส่วนของช็อกโกแลตนมนั้น ต้องทราบก่อนว่า Hershey ไม่ใช่เจ้าแรกที่ผลิตช็อกโกแลตผสมนม เพราะในสวิตเซอร์แลนด์มีการทำมาก่อนแล้ว แต่ที่แตกต่างคือ มิลตันเป็นคนแรกที่ผลิตช็อกโกแลตนมจาก “นมสด” โดยใช้เทคนิคการผลิตจำนวนมาก ขณะที่ชาวสวิสจะผลิตช็อกโกแลตนมจากนมผง
เขาคิดถูกที่คิดว่านมสดจะมีรสชาติดีกว่าและเก็บไว้ได้นานกว่า อย่างไรก็ตาม เขาไม่รู้ว่าการทำช็อกโกแลตด้วยวิธีนี้เป็นเรื่องยากมาก
มิลตันใช้เวลาหลายปีในการทดลองเพื่อเอาชนะอุปสรรคในการทำช็อกโกแลตนมด้วยนมสด เขาไม่มีความรู้ด้านเคมีที่จะช่วยให้เขาค้นหาสูตรได้ ดังนั้นวิธีการของเขาจึงต้องลองผิดลองถูก
ความท้าทายแรกที่เขาเจอคือปริมาณน้ำในนม ซึ่งสูงถึงประมาณ 87% และความชื้นเป็นศัตรูของช็อกโกแลต วิธีแก้ปัญหาที่มิลตันคิดขึ้นมาคือการควบแน่นนมก่อนจะเติมลงในช็อกโกแลต
ความท้าทายที่สองคือปริมาณไขมันของนมสด ในตอนแรก เขาพยายามควบแน่นครีมนมโดยต้มในกาน้ำเปิด วิธีนี้มีปัญหาสองประการ ประการแรก กาน้ำเปิดทำให้ครีมนมร้อนเกินไป ประการที่สอง ช็อกโกแลตที่ทำด้วยครีมนี้มีกลิ่นหืน ดังนั้น ต่อมา เขาจึงพยายามควบแน่นนมสด แต่ไม่นานก็มีกลิ่นหืนเช่นกัน เขาจึงแก้ปัญหาด้วยการใช้นมพร่องมันเนยที่ควบแน่นในกาน้ำปิด
ความท้าทายต่อมาคือ การพิจารณาว่าจะเติมน้ำตาลเมื่อใดในระหว่างกระบวนการควบแน่น หลังจากทดลองหลายครั้ง มิลตันได้ค้นพบว่า การเติมน้ำตาลก่อนการควบแน่นทำให้เขาสามารถขจัดความชื้นของนมออกไปได้มากขึ้น และได้ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปเป็นส่วนผสมของน้ำตาลและนมที่ควบแน่นจนข้นคล้าย “แทฟฟี” (Taffy) หรือลูกอมที่มีความเหนียวนุ่ม ซึ่งผสมกับช็อกโกแลตได้ดี ทำให้ช็อกโกแลตนมมีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่สมบูรณ์แบบ
นี่คือจุดกำเนิดของบาร์ช็อกโกแลตนม Hershey’s Milk Chocolate Bar สุดโด่งดังของบริษัท ซึ่งเริ่มวางจำหน่ายในปี 1900 ด้วยราคาที่ถูกมาก เพียง 2 ถึง 10 เซ็นต์เท่านั้น ขึ้นอยู่กับขนาด ก่อนที่ต่อมาช็อกโกแลตแท่งละ 5 เซ็นต์จะกลายมาเป็นมาตรฐาน
เมื่อได้สูตร มิลตันตัดสินใจทุ่ทุนสร้างโรงงานช็อกโกแลตที่เมืองเดอร์รีในเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา และสร้างเสร็จในปี 1905 จากนั้นจึงเริ่มดำเนินการผลิตช็อกโกแลตเต็มรูปแบบ

เส้นทางสายช็อกโกแลต
เมื่อโรงงานช็อกโกแลต Hershey เริ่มดำเนินการผลิตในปี 1905 มิลตันก็ได้ทำให้ความฝันของเขาในการผลิตช็อกโกแลตนมจำนวนมากในราคาที่ทุกคนเอื้อมถึงได้เป็นจริง
แต่นอกจากบาร์ช็อกโกแลตแล้ว มิลตันยังเริ่มคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ เช่น ในปี 1907 เปิดตัว Hershey’s Kisses ซึ่งเป็นช็อกโกแลตขนาดพอดีคำที่ห่ออย่างประณีตด้วยฟอยล์สีเงินสะดุดตา นอกจากนี้ Hershey ยังขายผงโกโก้และน้ำเชื่อมช็อกโกแลตสำหรับการอบ การผสม และการราดอีกด้วย
ไม่เพียงแต่ช็อกโกแลต ในปี 1925 เขาได้เปิดตัว Mr. Goodbar แคนดี้บาร์ไส้ถั่วลิสง และในปี 1938 มิลตันประสบความสำเร็จอีกครั้งด้วยแท่งข้าวพองกรอบ Krackel
ขณะเดียวกัน นอกจากช็อกโกแลตของ Hershey เองแล้ว บริษัทยังเข้าซื้อกิจการหรือสิทธิการขายของแบรนด์ช็อกโกแลตเจ้าอื่น ๆ มาเสริมทัพกองพันสินค้าช็อกโกแลตของตัวเองด้วย
เช่น ในปี 1963 เข้าซื้อกิจการของ Reese Candy Company ซึ่งมีผลิตภัณฑ์บาร์ช็อกโกแลตสอดไส้พีนัตบัตเตอร์ หรือในปี 1969 Hershey ได้รับใบอนุญาตจาก Rowntree's ในการผลิตและทำการตลาด “Kit Kat” ในสหรัฐฯ
ต่อมา Nestlé ซึ่งเป็นคู่แข่งของ Hershey เข้าซื้อ Rowntree's ในปี 1988 แต่ Hershey ยังคงผลิตและทำการตลาดผลิตภัณฑ์ในสหรัฐฯ ต่อไปได้
Hershey สามารถทำรายได้หลัก 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีได้เป็นครั้งแรกในปี 1979 และทำรายได้ 5 พันล้านต่อไปได้ในปี 2008 ส่วนล่าสุดปี 2023 รายได้โดยรวมของ Hershey และบริษัทในเครืออยู่ที่ 1.11 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.82 แสนล้านบาท)
ปัจจุบัน Hershey เป็นบริษัทมหาชน มี Hershey Trust Company ที่มิลตันตั้งขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และอยู่ในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ โดยเคยมีมูลค่าสูงสุดในปี 2023 ด้วยมูลค่า 275 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9,400 บาท) ต่อหุ้น แต่ปัจจุบันอยู่ที่ระดับประมาณ 180 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6,100 บาท) ต่อหุ้น
แม้ว่าผลิตภัณฑ์และแบรนด์ของบริษัทจะขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตนมซึ่งมิลตันทุ่มเทชีวิตให้กับมันอย่างมากนั้นยังคงเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์จนถึงปัจจุบัน
ตลอด 130 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่บริษัท Hershey ก่อตั้งขึ้น มิลตันและผู้สืบทอดได้ดัดแปลงช็อกโกแลตและขนมหวานให้กลายเป็นผลงานอันยอดเยี่ยม ด้วยบาร์ช็อกโกแลตแปลกใหม่และรูปแบบคลาสสิกมากมาย เฮอร์ชีย์ได้สร้างอาณาจักรช็อกโกแลต และเป็นมหาอำนาจด้านของหวานที่ยืนหยัดอยู่จนถึงทุกวันนี้

การตลาดเทศกาลคริสต์มาส
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ Hershey เป็นที่รู้จักและนิยมในวงกว้าง คือการใช้กลยุทธ์โฆษณาในช่วงเทศกาลสำคัญ โดยเฉพาะคริสต์มาส ซึ่งผู้บริโภคมักซื้อสินค้ากลุ่มช็อกโกแลตเป็นของขวัญให้กัน
ในปี 1989 Hershey ออกโฆษณา “Christmas Bells” ทางโทรทัศน์ของสหรัฐฯ เพื่อโปรโมต Hershey's Kiss
โฆษณานี้ผลิตขึ้นโดยใช้แอนิเมชัน-สต็อปโมชัน และต่อมามีการสร้างใหม่โดยใช้แอนิเมชัน CGI โดยเน้น Hershey's Kisses ที่มีลักษณะคล้ายระฆังมือขนาดเล็ก กำลังบรรเลงเพลงคริสต์มาส “We Wish You a Merry Christmas”
โฆษณานี้ฉายในสหรัฐฯ และแคนาดาในช่วงวันหยุดทุก ๆ ปีต่อเนื่องถึงปี 2012 นับเป็นโฆษณาทางโทรทัศน์ของแบรนด์ Hershey ที่ออกอากาศยาวนานที่สุด ก่อนที่จะได้รับการสร้างใหม่โดยบันทึกเสียงใหม่และกราฟิกถูกสร้างใหม่ทั้งหมดด้วยแอนิเมชัน CGI ตั้งแต่นั้นมา
เวอร์ชันดังกล่าวเป็นเวอร์ชันที่ออกอากาศทุกปีจนถึงเดือน ต.ค. 2019 โดยปรับสโลแกนในวิดีโอจาก “Happy Holidays from Hershey's Kisses” เป็น “Warmest Holidays from Hershey's Kisses” นอกจากนี้ยังมี Hershey's Kiss สีแดงที่ทำให้หน้าที่เป็นโน้ตเพลงสุดท้ายเมื่อจบโฆษณา
โฆษณาเวอร์ชันใหม่ล่าสุดเปิดตัวเมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2020 เวอร์ชันนี้แสดงให้เห็นมือของเด็กผู้หญิงที่เอื้อมมือเข้าไปในเฟรมและหยิบ Hershey's Kissสีแดงที่เล่นโน้ตสุดท้าย และใช้มันในการอบคุกกี้ นอกจากนี้ยังมีอีกเวอร์ชันใน 1 เดือนต่อมา แต่ส่วนใหญ่ฉายอยู่ในแคนาดา โดย Hershey's Kiss ที่เด็กผู้หญิงเอาไปนั้นกระโดดกลับเข้าไปในเฟรมอย่างรวดเร็วเพื่อเล่นโน้ตสุดท้าย สร้างความยินดีให้กับ Hershey's Kiss อื่น ๆ
โฆษณานี้ถือเป็นอีกหนึ่งไอคอนิกของแบรนด์ Hershey ที่หลายคนจดจำได้จนถึงปัจจุบัน

มรดกของมิลตัน
นอกจากความสำเร็จในการทำธุรกิจและพัฒนาช็อกโกแลตแล้ว มิลตันยังได้รับการเชิดชูในฐานะผู้สนับสนุนให้เด็กได้รับการศึกษาที่เพียงพอ ซึ่งคาดว่าเกิดจากปมในวัยเด็กของเขาที่ไม่ได้เรียนหนังสือนั่นเอง
โดยมิลตันก่อตั้งโรงเรียน Milton Hershey School (ชื่อเดิม Hershey Industrial School) ขึ้นมาในปี 1909 ให้การศึกษาเด็ก ๆ ที่กำพร้าขัดสนหลายพันคน ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย
ในปี 1935 มิลตันได้ก่อตั้งมูลนิธิ M.S. Hershey ซึ่งเป็นมูลนิธิการกุศลเอกชนขนาดเล็กเพื่อมอบโอกาสทางการศึกษาและวัฒนธรรมให้กับผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่น ยังมีในปี 1963 วิทยาลัยการแพทย์ Milton S. Hershey Medical Center ของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐเพนซิลวาเนียถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อผลิตนักศึกษาแพทย์
มิลตันเสียชีวิตในปี 1945 ขณะอายุได้ 88 ปี แต่โรงเรียนและมูลนิธิของเขายังคงได้รับการสืบสานผ่านกองทุน Milton Hershey School ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนส่วนใหญ่จากกำไรของบริษัท Hershey
เส้นทางความสำเร็จของมิลตันและ Hershey นั้นเปรียบไปแล้วเหมือนกับรสชาติของช็อกโกแลต ที่มีทั้งรสขมและรสหวาน คล้ายชีวิตคนที่มีทั้งช่วงเวลาที่ทุกข์ยากและช่วงเวลาที่ได้เก็บเกี่ยวความสุข
ดังนั้นหากถามว่าเราได้แรงบันดาลใจใดจากเรื่องราวของ Hershey บ้าง หนึ่งในนั้นคงเป็นข้อคิดที่ว่า “แม้ในชีวิตที่เฝื่อนขมอมทุกข์ หากไม่ยอมแพ้ วันหนึ่งรสขมจะละลายไป เหลือไวเพียงรสชาติหอมหวานที่คุ้มค่าต่อการรอคอย”

เรียบเรียงจาก (1) (2) (3) (4) (5) (6)