ฺรายการ Business Canvasจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา หรือ ท็อป บิทคับ คนไทยที่ได้ไปร่วม World Economic Forun งานรวมตัวกันของผู้นำจากทั่วโลกในปีล่าสุด และจะออกมาบอกเล่าเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้าว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง
ส่วนภายในงาน มี 4 ประเด็นหลักๆ เรื่องแรก คือ
เศรษฐกิจโลก
Geopolitics
เทคโนโลยี
พื้นที่ของพวกเราในอาเซียน
ในเรื่องของเศรษฐกิจโลก Kristalina Georgieva จาก IMF กล่าวว่า ปี 2025 และ 2026 โลกจะโตอยู่ที่ประมาณ 3.3% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยติดลบ 4% โดยที่ผ่านมาโตอยู่ที่ 3.7% โลกนั้นเติบโตไม่เท่ากัน แต่อเมริกายังคงเติบโตต่อไป โดยในปีนี้โตอยู่ที่ 2.7% ซึ่งเหตุผลที่อเมริกายังคงเติบโตต่อไป ข้อแรก คือ Capital Market มีความหลากหลายกว่าทุกชาติ และแตกต่างมากๆ และ USA Economy ใหญ่เกินกว่ารัฐบาลใดรัฐบาลนึง ที่จะไปดิสรัปชันได้ ส่วนเหตุผลที่สอง คือ อเมริกามี Central of Innovation นวัตกรรมใหม่ๆล้วนอยู่ที่นี้ ส่วนเหตุผลที่สาม คือ Cheap Energy คือ มีเอเนอร์จี้ที่ถูกมากๆ ซึ่งในยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ต้องใช้เอเนอร์จี้เยอะมาก และอเมริกามีเอเนอร์จี้ที่ถูก ซึ่ง 3 อย่างนี้ทำให้อเมริกาโตต่อไปแน่นอน
อินเดียจะเติบโตมหาศาล New Factory Hub
อินเดียก็เป็นประเทศที่จะเติบโตมหาศาลเช่นกัน ในอนาคตอินเดียจะเป็น New Factory Hub แทนจีนโดย Supply Chain ย้ายออกจากจีนหมด และอินเดียคนเยอะสามารถลดเงินเฟ้อที่มาจากต้นทุนวัตถุดิบและต้นทุนของเงินเดือนทั่วโลก จึงมองว่าอินเดียจะเป็น Centre of Growth
โดยสิ่งที่เกิดขึ้น คือ อเมริกาจะทำให้โลกแตกเป็นเศษส่วน ไม่มี One World และจะขับเคลื่อนด้วย generalization ซึ่งพอจีนกับอเมริกางัดกัน ประเทศอื่นจะรวมตัวกันเพื่อให้ยังอยู่ได้
สรุปคือ อเมริกา อินเดีย Middle East เติบโตแต่ จีน กังวัลเรื่อง short term issue และยูโรเปี้ยนตามโลกไม่ทัน อาเซียนติดเรื่อง Productivity ตกลงมา จาก 0.25% เหลือ 0.2% ถ้าแก้ไขได้เม็ดเงินจะไหลเข้ามาเยอะมาก ซึ่งตอนนี้ Productivity ไปอยู่ที่อเมริกา และตอนนี้มี DEFA เกิดขึ้นมาเพื่อรวม 10 ประเทศผ่าน Digital Economy ภายในปี 2030 หากรวมกันสำเร็จ จะมีเงินถึง 2 ล้านล้าน USD ไหลเข้ามาในอาเซียน ซึ่งจะทำให้อินโดนีเซียโตอีก 150% ส่วนลาว กัมพูชา พม่า จะโตอย่างน้อย 3 – 5 เท่า ซึ่งประเทศไทยก็จะได้ประโยชน์จากตรงนั้นด้วย
ฺรายการ Business Canvasจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา หรือ ท็อป บิทคับ คนไทยที่ได้ไปร่วม World Economic Forun งานรวมตัวกันของผู้นำจากทั่วโลกในปีล่าสุด และจะออกมาบอกเล่าเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้าว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง
โดยจะเพิ่มมูลค่ารายได้ของประเทศ เป็นการผลิตแบตเตอรี่รถไฟฟ้าทุกคัน และฟิลิปปินส์ก็จะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วเช่นกัน โดยจะเป็น Digital Economy Hub ส่วนประเทศไทย จุดขายจะเป็น Detress destination ต้องยกระดับเรื่องของ การดูแลสุขภาพ ท่องเที่ยว อาหาร Soft Power และผลักดันเรื่อง Financial Hub และ BETA Center
คนที่ 4 กลุ่มที่จะตกงานเยอะ
คน 4 กลุ่ม ที่จะตกงานเยอะ คือ Health Care , ไฟแนนซ์ , นักกฎหมาย , Education ทุกอย่างที่ใช้ AI ได้รับผลกระทบหมด และในอีก 5 ปีข้างหน้า จะมี AI ใหม่เข้ามาแทนและฉลาดกว่ามนุษย์มากขึ้นไปอีก
รัฐบาลตามไม่ทัน AI แน่นอน ซึ่งน่าจะพัฒนา AI จะขับเคลื่อนโดยเอกชนเป็นหลัก ตอนนี้เกิด AI COLD War ระหว่างจีนกับอเมริกา ซึ่งเมื่อเกิดสงคราม ความปลอดภัยจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่มอง เพราะมองแค่ใครจะชนะก่อน ซึ่งภาครัฐไม่เข้าใจแน่นอน