ลองขับ ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ เปลี่ยนฟีลลิ่งเน้นเอาใจผู้ขับ
Honda Accord e:HEV เจเนอเรชันที่ 11 มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมากทั้งอุปกรณ์ของตัวรถและฟีลลิ่งการขับขี่ ซึ่งวันนี้ไปนำผลการลองขับมารายงานให้ทราบ
PPTVHD36 พาคุณผู้ชมทุกท่านไปทดลองขับ ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ (Honda Accord e:HEV) ที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดใหญ่ (D-Segment) และเป็นรถยนต์ที่มีความแข็งแกร่งของ ฮอนด้า ซึ่งแม้ว่าตลาดนี้จะลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ ฮอนด้า ก็ยังเดินหน้าทำตลาดต่อไป
เปิดเหตุผล ฮอนด้า ยังเดินหน้า 'Honda Accord' แม้ตลาดหดตัวกว่าครึ่ง
Honda CR-V ใหม่ เทียบระหว่าง e:HEV หรือ VTEC Turbo เลือกรุ่นไหนดี ?
Honda Accord ในอดีตที่เรารู้จักกันคือรถยนต์สำหรับผู้บริหาร รถยนต์ที่มีความหรูหราพรีเมี่ยม สำหรับการต่อกรสู้กับรถยนต์พรีเมี่ยมของฝั่งแบรนด์ยุโรป แต่การเปิดตัวของ Honda Accord e:HEV ในครั้งนี้ซึ่งเป็น เจเนอเรชั่นที่ 11 แล้ว
ที่ต้องชื่นชมอย่างแรกเลยคือ ครั้งนี้ ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ มาพร้อม Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย แต่ก็มีจุดที่น่าขัดใจอยู่บางอย่างคือ แม้จะให้มาทุกรุ่นย่อยก็จริง แต่ในรุ่นเริ่มต้นก็มีการตัดลด เซ็นเซอร์ถอยหลัง ออกไป อันนี้เป็นข้อสังเกตุมากว่าอุตส่าห์ให้มีครบแต่ก็ยังมีกั๊กตัดไว้เป็นลูกเล่นให้เซลล์แถมอีก
อีกจุดคือ ฟีลลิ่งการขับขี่ในรุ่นนี้เปลี่ยนไปค่อนข้างชัดเจนจากรุ่นก่อนหน้าคือการใส่ระบบฟูลไฮบริด e:HEV เข้ามาให้ในทุกรุ่นย่อย ซึ่งทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว พร้อมระบบเกียร์ E-CVT ที่ให้แรงบิดสูงสุด 335 นิวตัน-เมตร และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ ซึ่งขับดีมาก ! อัตราการตอบสนองของคันเร่งทันใจ มาไวเร่งแซงเร็ว สนุกทุกย่านความเร็ว
สอดรับกับช่วงล่างที่นิ่งและมั่นคงซับแรงกระแทงได้ดี เกาะถนนหนึบแม้ในบางช่วงของเส้นทาง ภูเก็ต-พังงา-กระบี่ รวมระยะทางกว่า 268 กิโลเมตร จะมีฝนตกลงมาสลับลงมาบ้างประกอบกับเส้นทางที่มีทางโค้งเยอะและแคบ ก็สัมผัสได้ถึงความสนุกในการขับขี่ ซึ่งจุดพีคอีกอย่างคือ การเก็บเสียงภายในห้องโดยสารดีมาก เงียบสงบ แต่ก็จะมีเสียงจากพื้นขึ้นมาอยู่บาง ๆ แต่ก็ไม่ได้กระทบต่อความรู้สึกอย่างใด พวงมาลัยน้ำหนักดี แม่นยำ พารถไปในทิศทางที่ต้องการได้ตามใจคิด
ส่วนด้านหน้าตาการออกแบบก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล แต่ส่วนตัวมองว่าการออกแบบในเจเนอเรชั่นนี้ดูย้อนยุคไปนิด ซึ่งอาจจะรับกับกระแส Retrolism ก็เป็นไปได้ แม้ทางวิศวกร ฮอนด้า จะบอกว่า เน้นไปทางแนวสปอร์ตโฉบเฉี่ยวก็ตาม รุ่นที่เราได้ขับคือ รุ่น e:HEV RS ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุด และในรุ่น e:HEV RS ยังเป็นครั้งแรกที่มีการใส่ชุดแต่ง RS ไว้ใน e:HEV อีกด้วย
ภายในห้องโดยสาร เน้นให้ความสำคัญกับตอนหน้ามากยิ่งขึ้นซึ่งนั่นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกอะไรบางอย่างของการปรับเปลี่ยนทุกส่วนของรถยนต์คันนี้ จึงไม่แปลกใจที่รถคันนี้ขับสนุกมากกว่าการนั่งโดยสารตอนหลัง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกทุกอย่างที่มีให้ก็ครบครันมากพอที่เราจะนึกออกกันในยุคสมัยนี้มีครบหมด แต่สิ่งที่ชอบเป็นพิเศษคือ Google built-in ที่มาพร้อมแอปพลิเคชั่นและบริการของ Google ตรงนี้สะดวกมาก ๆ ซึ่งอาจจะไม่ต้องเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับตัวรถเสียเลยด้วยซ้ำ
บรรยากาศภายในห้องโดยสารแบบปรับเฉดสีได้ (Multi-color Ambient Light) ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-up Display: HUD) ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว เชื่อมต่อ USB Type C 4 ตำแหน่ง และใหม่ ครั้งแรกของรถยนต์ฮอนด้า กับฟังก์ชันการอัปเดตซอฟต์แวร์ Over-The-Air (OTA)
และที่ชอบอีกอย่างหนึ่งคือ ปุ่ม Experience Selection Dial บนคอลโซลหน้า ดูเผิน ๆ ทำหน้าที่เหมือนเป็นแค่นาฬิกาดิจิทัล ที่แปลกตาไป แต่จริง ๆ แล้ว คือปุ่มที่สามารถเป็นคีย์ลัดเข้าการทำงานได้ในหลากหลายส่วยด้วยปุ่มนี้และใช้วิธีการหมุนและกดง่ายดีแต่ต้องปรับตัวทำความเข้าใจหน่อยซึ่งไม่ยากนัก
ส่วนระบบความปลอดภัย Honda SENSING มีมาให้ดังนี้
- ระบบ Adaptive Cruise Control
- ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) หรือ ใหม่ ครั้งแรกใน แอคคอร์ด กับระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (Adaptive Driving Beam: ADB) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในเวลากลางคืนและปรับองศาของแสงไฟเพื่อลดการรบกวนรถด้านหน้าและคนเดินถนน
- ใหม่ ครั้งแรกใน แอคคอร์ด กับ ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)
พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัยและเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่อื่น ๆ อาทิ ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-view Camera System: MVCS) (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS) เซ็นเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS) ไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (Active Cornering Light: ACL) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) ใหม่ ระบบเพิ่มความเสถียรและความคล่องตัวในการขับขี่ (Motion Management System: MMS) ถุงลม 8 ตำแหน่ง ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) ใหม่ ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า และใหม่ ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหลัง และระบบควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสาร (ANC) และ ใหม่ รุ่น e:HEV RS มาพร้อมเซนเซอร์ตรวจจับเสียงรบกวนจากพื้นถนน (Road noise ANC) เป็นต้น
เปิดราคา Honda Accord 3 รุ่นย่อย เริ่มต้นที่ 1.5 - 1.7 ล้านบาท
ส่วนห้องโดยสารตอนหลังที่ไม่ค่อยกล่าวถึงเพราะเดิมเคยเป็นไฮไลท์ที่สุดของรถยนต์คันนี้ แต่ตอนนี้กลายเป็นไม่โดดเด่นเท่าไรนัก แม้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนให้องศาเบาะที่นั่งรับกับสรีระผู้โดยสารมากขึ้น นั่นก็ให้ความสะดวกสบายที่มากขึ้นจริง พื้นที่ขา พื้นที่ศรีษะ มีเยอะจริงตามที่ ฮอนด้า เคลมไม่ผิดเลยจริง แต่ก็ 'ไม่โดดเด่น' เมื่อเทียบกับคู่แข่งในลาด ที่ยังคงรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของรถในกลุ่มนี้ได้ดีกว่า
กล่าวคือ วันนี้ Honda Accord e:HEV เป็นรถที่ขับสนุกมากขึ้นและให้ความสำคัญกับผู้ขับขี่มากยิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และการใส่เทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามา พร้อมระบบฟูลไฮบริดที่ช่วยขับเคลื่อนและตอบสนองได้ดี มาทดแทนความสบายของผู้โดยสารตอนหลัง ที่วันนี้ถูกทั้งคู่แข่งและรถประเภทอื่น ๆ แย่งชิงไปแล้ว
ซูเปอร์คอมทำนายแชมป์พรีเมียร์ลีก พร้อม 20 อันดับ สเปอร์ส หลุดยาว
ครม.ไฟเขียวจ่ายเงินชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่
"ชิกิต้า" (CHIQUITA) เด็กไทยมาแล้ว! ทีเซอร์แรก BABYMONSTER นับถอยหลังเดบิวต์