ขุมทรัพย์ธุรกิจสถานีชาร์จรถไฟฟ้า 1.7 แสนล. เอเชียครองรายได้สูงสุดในโลก
ศูนย์วิจัยธนาคารกรุงไทย เปิดเผยข้อมูลของธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก คาดการณ์ปี 2569 มูลค่าเติบโตเป็น 1.2 ล้านล้านบาท และในไทยเป็น 8,200 ล้านบาท
ศูนย์วิจัยธนาคารกรุงไทย เปิดเผยข้อมูลของธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกในปี 2563 มีมูลค่าอยู่ที่ 1.7 แสนล้านบาท (ราว 5,030 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยมีรายได้ของธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในแต่ละภูมิภาคทั่วโลกดังนี้
- ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มีส่วนแบ่งมูลค่ารายได้อยู่ที่ 61%
- ภูมิภาคยุโรป มีส่วนแบ่งมูลค่ารายได้อยู่ที่ 24%
- ภูมิภาคอเมริกาเหนือ มีส่วนแบ่งมูลค่ารายได้อยู่ที่ 13%
ปตท. กางแผน 5 ปี อัดงบ 9.4 แสนล้านบาท รุกธุรกิจไฟฟ้าหมุนเวียน-รถยนต์ EV
เส้นทาง SHARGE สตาร์ทอัพสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า สู่เป้าหมาย 3,000 ล้าน
สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่มีรายได้ของธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสูงที่สุดในโลกของมูลค่ารายได้ทั่วโลกในปี 2020 ซึ่งส่วนมากมาจากจีนที่ครองส่วนแบ่งเกือบทั้งหมดอยู่ที่ราว 92% ส่วนภูมิภาคยุโรปมีประเทศเยอรมนี ฝรั่งเศส และอังกฤษเป็นผู้นำตลาด และ ภูมิภาคอเมริกาเหนือมีประเทศสหรัฐอเมริกาครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ราว 88% ของภูมิภาค
เอกชนหนีดอกเบี้ยขาขึ้น! เร่งออกหุ้นกู้ล็อกต้นทุน คาดแตะ 1.2 ล้านล้านบาท
ซิตี้แบงก์คาดเงินเฟ้อไทยปีนี้พุ่ง 5.6% กนง.ขึ้นดอกเบี้ยครึ่งปีหลัง
ขณะที่ Mordor Intelligence ประเมินแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกในปี 2569 จะมีมูลค่าอยู่ที่ 1.2 ล้านล้านบาท (ราว 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากปี 2563 อยู่ที่ 1.7 แสนล้านบาท (ราว 5,030 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ส่วนในปี 2565 มีมูลค่าอยู่ที่ราว 8,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการเติบโตของยอดขายยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการลงทุนในสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต่าง ๆ รวมถึงการสนับสนุนจากภาครัฐ เพื่อจูงใจให้ผู้บริโภคสนใจซื้อมากขึ้น
นอกจากนี้ เทคโนโลยีการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ารูปแบบใหม่มีแนวโน้มการพัฒนาอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น อาทิ การชาร์จแบบไร้สาย และ การชาร์จโดยหุ่นยนต์อัตโนมัติ โดยได้รับความสนใจจากผู้เล่นระดับโลกในหลากหลายธุรกิจ อาทิ ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และบริษัทสตาร์ทอัพ ในการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาดในอนาคต
สำหรับในประเทศไทย ปัจจุบันมีจำนวนหัวจ่ายไฟฟ้าสำหรับชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า 2,285 หัวจ่าย อยู่ในสถานที่ต่าง ๆ อาทิ สถานีบริการน้ำมัน ห้างสรรพสินค้า โรงแรม โรงพยาบาล โชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์ รวมถึงสาขาการไฟฟ้านครหลวง (MEA) สาขาการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) เป็นต้น
แนวโน้มของการลงทุนสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยคาดว่าจะเติบโตตามนโยบายการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าควบคู่ไปกับนโยบายสนับสนุนสถานีชาร์จไฟฟ้าของภาครัฐ โดยคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนเครื่องอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะแบบ Fast Charge 2,200-4,400 เครื่อง ในปี 2568 และจะเพิ่มเป็น 12,000 เครื่อง ในปี 2573 ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ทั้งเมืองใหญ่ พื้นที่ท่องเที่ยว จุดแวะพัก และพื้นที่ชุมชน เพื่อรองรับนโยบายที่ส่งเสริมให้รถยนต์ทุกคันที่ผลิตในไทยจะต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ในปี 2573 สอดคล้องกับผลการศึกษาที่ตั้งและจำนวนเครื่องอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าแบบ Fast Charge ที่เหมาะสมจาก สำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงานที่ประเมินว่าในปี 2030 ประเทศไทยควรมีสถานีรวม 567 แห่ง และมีจำนวนหัวจ่ายไฟฟ้ารวม 13,251 หัวจ่าย โดย สนพ. มองว่าสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าราว 90% ควรอยู่ในตัวเมือง ส่วนที่เหลือให้ตั้งในพื้นที่ทางหลวง
ศูนย์วิจัยธนาคารกรุงไทย ระบุว่า ปัจจุบันสถานีบริการน้ำมันในประเทศไทยเริ่มปรับตัวในการให้บริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า โดยคาดว่ามูลค่าตลาดสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยมีมูลค่าอยู่ที่ราว 1,300 ล้านบาท ในปี 2564 และจะเติบโตเป็นราว 8,200 ล้านบาท ในปี 2569 โดยมีแรงหนุนสำคัญจากนโยบายส่งเสริมของภาครัฐ การตื่นตัวของภาคเอกชนในการลงทุน และการใช้รถยนต์ไฟฟ้าของประชาชน
ปล่อยสินเชื่อขายฝากที่ดิน “ดอกเบี้ย 7-9%”
แอปฯ “ปลูกกัญชา” คึกคัก! เพียง 5 วัน ลงทะเบียนทะลุกว่า 7 แสน