ครั้งแรกในไทย ! Audi Q5 Sportback ปลั๊ก-อิน ไฮบริด เติมไลน์อัพโมเดลครบ
อาวดี้ ประเทศไทย เปิดตัว Audi Q5 55 TFSI e ใหม่ ซึ่งมาพร้อมกับเครื่องยนต์ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด โดยมี 2 รุ่นหลัก 3 รุ่นย่อย ราคาเริ่มต้น 3.69 ล้านบาท
นายกฤษณะกร เศวตนันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อาวดี้ ประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวรถยนต์ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด รุ่นที่ 3 ได้แก่ Audi Q5 55 TFSI e ภายหลังจากก่อนหน้านี้ได้มีการเปิดตัว อาวดี้ เทคโนโลยี ปลั๊ก-อิน ไฮบริด 2 รุ่นแรก คือ Audi Q7 TFSI e และ Audi Q8 TFSI e
Audi Urbansphere รถต้นแบบ MPV ไฟฟ้า 100% วิ่งได้ 750 กม./ชาร์จ
ถอดบทเรียน AUDI แบรนด์ 5 ปีในไทย ที่โดนโควิดกินเวลากว่าครึ่ง
ตัวแรง ! Audi RS 7 Sportback quattro 600 แรงม้า ค่าตัว 10.7 ล้านบาท
สำหรับ Audi Q5 55 TFSI e เปิดตัวพร้อมกัน 2 รุ่นหลัก 3 รุ่นย่อย ได้แก่
- Audi Q5 55 TFSI e quattro S line
- Audi Q5 55 TFSI e quattro S line Black Edition
- Audi Q5 Sportback 55 TFSI e quattro S line Black Edition
"รุ่นที่นำเข้ามาเปิดตัวล่าสุด เป็นพรีเมียมเอสยูวี รุ่นที่ลูกค้ารอคอยและถามถึงมากที่สุด นั่นคือ The New Audi Q5 55 TFSI e 2 รุ่นและ The New Audi Q5 Sportback 55 TFSI e ซึ่งนับเป็นการเปิดตัว สปอร์ต เอสยูวี ขนาดกลางครั้งแรกในประเทศไทยของเรา”
The New Audi Q5 55 TFSI e quattro และ The New Audi Q5 Sportback 55 TFSI e quattro มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.0 TFSI ให้กำลังสูงสุด 265 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร กับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร เมื่อผนวกพละกำลังกันแล้ว ทำให้มีกำลังแรงม้า รวมสูงสุด 367 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับเกียร์ 7 สปีด S tronic ส่งกำลังผ่านระบบ quattro with ultra technology โดยระบบขับเคลื่อนจะสามารถปรับให้ขับเคลื่อนแค่ล้อหน้าได้ในกรณีที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เพื่อช่วยในการประหยัดน้ำมันและจะสามารถเปลี่ยนเป็นระบบขับเคลื่อนแบบสี่ล้อได้ทันที เมื่อมีความจำเป็น
นอกจากนี้ ยังมีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ขนาด 17.9 กิโลวัตต์ มีอัตราสิ้นอยู่ที่ 52.6 กิโลเมตรต่อลิตร มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 5.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 239 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเมื่อใช้กำลังจากแบตเตอรี่ไฟฟ้าอย่างเดียว สามารถวิ่งได้ไกลถึง 54.3 กิโลเมตร และความเร็วสูงสุดของมอเตอร์ไฟฟ้าอยู่ที่ 135 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากความเร็วมากกว่านั้น เครื่องยนต์จะติดขึ้นมาเพื่อเสริมแรงบิดร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า รูปแบบการใช้พลังงานในการขับขี่ได้ 2 แบบ คือ EV mode และแบบ Hybrid
ส่วนการจัดการพลังงานแบบ Hybrid แบ่งออกเป็น 3 โหมดได้แก่
- Auto Hybrid ตัวรถจะมีการจัดการการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างอัตโนมัติ ตามสภาวะการขับขี่
- Battery Hold เป็นโหมดที่จะรักษาระดับพลังงานของแบตเตอรี่ไว้ให้คงเดิม
- Battery Charge ตัวรถจะมีการชาร์จแบตเตอรี่ให้ได้มากที่สุด โดยเครื่องยนต์จะมีบทบาทในการทำงานมากขึ้น
อีกทั้ง ยังมี on board charger ขนาด 7.4 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ใช้เวลาชาร์จประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง เมื่อชาร์จด้วยระบบไฟ Industrial ที่มีแรงดันไฟฟ้า 400 โวลต์ 16 แอมป์ หรือ Wallbox ที่มีกำลังไฟ 7.4 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง เป็นต้นไป และยังมาพร้อมกับเครื่องชาร์จแบบ Compact สำหรับการชาร์จด้วยไฟบ้าน
The New Audi Q5 55 TFSI e มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย คือ S line และ S line black edition ในรุ่น S line เป็นรุ่นเริ่มต้น แต่มีชุดแต่ง S line สี Chromium พร้อมกับล้อขนาด 19 นิ้ว มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเพียงพอต่อการใช้งาน เช่น ไฟหน้า LED มาพร้อมไฟ daytime เปิดปิดไฟหน้าและปัดน้ำฝนอัตโนมัติ เบาะคู่หน้าแบบสปอร์ตปรับไฟฟ้า ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ ควบคุมอุณหภูมิแยกอิสระ 3 โซน ระบบช่วยปรับอุณหภูมิในห้องโดยสารก่อนเริ่มขับขี่ Comfort key และ Virtual cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว
MG VS HEV แรงดุดันเร่ง 0-100 กม./ชม. ต่ำกว่า 9 วินาที
ลงเรือมาแล้ว 100 คัน !! VOLT CITY EV พร้อมส่งมอบ ต.ค. นี้
ขณะที่ ใน รุ่น S line Black Edition มาพร้อมกับความสปอร์ตที่มากขึ้นด้วยล้อขนาด 20 นิ้ว และชุดแต่ง S line Black Edition ซึ่งถูกตกแต่งด้วยขอบคิ้วกระจกและช่องลมต่างๆ สีดำ ซึ่งต่างจากตัวเริ่มต้น ที่เป็นสี Chromium ภายในเป็นแบบ S line ด้วยเช่นเดียวกัน พวงมาลัยแบบสปอร์ตท้ายตัด พร้อมสัญลักษณ์ S line เบาะแบบ Sport ลาย Diamond cut หุ้มหนัง Fine Nappa พร้อมสัญลักษณ์ S line ระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียม Bang&Olufsen พร้อมระบบ 3 มิติ และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ซึ่งประกอบไปด้วย ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตาเมื่อเปลี่ยนเลน (Lane change assist)ระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายรถเมื่อจะเปิดประตูลงจากรถ (Exit warning) ระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายรถเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง (Rear cross-traffic assist)
สำหรับ The New Audi Q5 Sportback 55 TFSI e นับเป็นครั้งแรกของการเปิดตัว Q5 ทรง Sportback ในประเทศไทย เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบความสปอร์ตที่เหนือกว่า ด้วยรูปทรงที่ด้านท้ายลาดลงแบบสไตล์รถคูเป้ Audi Q5 Sportback 55 TFSI e มาพร้อมกับความสปอร์ตที่มากขึ้นด้วยล้อขนาด 20 นิ้ว และชุดแต่ง S line Black Edition ซึ่งถูกตกแต่งด้วยขอบคิ้วกระจกและช่องลมต่างๆ สีดำ ซึ่งต่างจากตัวเริ่มต้นที่เป็นสีเงิน ภายในเป็นแบบ S line ด้วยเช่นเดียวกัน พวงมาลัยแบบสปอร์ตท้ายตัด พร้อมสัญลักษณ์ S line เบาะแบบ sport ลาย Diamond cut หุ้มหนัง Fine Nappa พร้อมสัญลักษณ์ S line
นอกจากนั้น The New Audi Q5 Sportback 55 TFSI e ยังมีอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบ อาทิ ไฟหน้า LED มาพร้อมไฟ daytime เปิดปิดไฟหน้าและปัดน้ำฝนอัตโนมัติ เบาะคู่หน้าแบบสปอร์ตปรับไฟฟ้า ระบบช่วยปรับอุณหภูมิในห้องโดยสารก่อนเริ่มขับขี่ Comfort key หน้าจอ Virtual cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติแยกอิสระ 3 โซน ระบบ comfort key หลังคา Panoramic sunroof และระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียม Bang&Olufsen พร้อมระบบ 3 มิติ และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ซึ่งประกอบไปด้วย ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตาเมื่อเปลี่ยนเลน (Lane change assist) ระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายรถเมื่อจะเปิดประตูลงจากรถ (Exit warning) ระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายรถเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง (Rear cross-traffic assist)
นายกฤษณะกร กล่าวว่า เทคโนโลยี ปลั๊ก-อิน ไฮบริด และแบตเตอรี่ของ Audi Q5 55 TFSI e ถูกออกแบบให้สามารถรองรับเทคโนโลยีในอนาคตหากมีการเปลี่ยนแปลงหรือมีการเพิ่มความจุของขนาดแบตเตอรี่ตามการพัฒนาเทคโนโลยี พร้อมทั้งแบตเตอรี่ในรถยนต์คันนี้ยังสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่แยกแต่ละโมดูลได้ โดยคาดว่าจะมีราคาเฉลี่ยราว 60,000 บาท/โมดูล
โรเบิร์ต บ๊อช เตรียมเปิดบริการซ่อมรถยนต์ไฟฟ้าในไทยที่แรกในอาเซียน
Sleek EV แบรนด์มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าน้องใหม่ สัญชาติ ไทย-สิงคโปร์
สำหรับราคาของ Audi Q5 55 TFSI e มีดังนี้
- Audi Q5 55 TFSI e quattro S line ราคา 3,699,000 บาท
- Audi Q5 55 TFSI e quattro S line Black Edition ราคา 3,950,000 บาท
- Audi Q5 Sportback 55 TFSI e quattro S line Black Edition ราคา 4,190,000 บาท
พร้อมกันนี้ Audi Q5 55 TFSI e เปิดจองตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย. 2565 เป็นต้นไป พร้อมทยอยส่งมอบได้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2566 ซึ่ง Audi เป็นรถยนต์นำเข้ามาตรฐานเยอรมันทุกรุ่น ซึ่งจะได้รับการดูแลจาก Audi Protection การรับประกันรถใหม่ 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน รถ Plug-in Hybrid TFSI e ใหม่ ทุกรุ่นรับประกันแบตเตอรี่แรงดันสูง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance ทั่วประเทศ 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี