แบรนด์ 'ฟอร์ด' ติดภาพสินค้ามีปัญหา ผู้บริหารคนใหม่แก้อย่างไร ?
สัมภาษณ์พิเศษ 'รัฐการ จูตะเสน' กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย คนใหม่ กับความท้าทายในการบริหารงานหลังเข้ารับตำแหน่ง 1 ม.ค. 66
ช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมา ฟอร์ด ประเทศไทย ได้ประกาศแต่งตั้ง "รัฐการ จูตะเสน" ขึ้นดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 โดยรับไม้ต่อจาก 'วิชิต ว่องวัฒนาการ' ที่วางแผนเกษียณอายุวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา
ฟอร์ด เปิดตัวรถให้บริการเคลื่อนที่ ยกระดับบริการนอกสถานที่
ชมรถคันจริง ! ฟอร์ด 3 รุ่น เจเนอเรชั่นใหม่ ครั้งแรกในประเทศไทย ที่งานมอเตอร์โชว์ 2022
ฟอร์ดร่อนจดหมายแจงสาเหตุลูกค้าทุบรถ 'ฟอร์ด เอเวอเรสต์' ที่ นครราชสีมา
PPTV Online สัมภาษณ์พิเศษ รัฐการ จูตะเสน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย ถึงวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจรวมถึงความท้าทายในการบริหารงานหลังเข้ารับตำแหน่งสำคัญนี้ในองค์กร
รัฐการ จูตะเสน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย ให้สัมภาษณ์กับ PPTV Online ว่า นับตั้งแต่การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ของฟอร์ดในช่วงกลางปี 2565 ที่ผ่านมา ส่งผลดีต่อผลิตภัณฑ์และภาพลักษณ์ของแบรนด์โดยทำให้ดีลเลอร์มีกำไร ซึ่งจะผลักดันให้เกิดความแข็งแกร่งของเครือข่ายการให้บริการและผลักดันให้เกิดความแข็งแกร่งในปี 2566
การมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้นั้น เราต้องสร้างความเชื่อให้กับผู้แทนจำหน่าย (ดีลเลอร์) ของเราเชื่อก่อนว่าจะทำให้เกิดขึ้นได้จริงอย่างที่ลูกค้าต้องการจากนั้นสร้างการยอมรับและต่อยอดเพื่อให้เกิดความยั่งยืน รวมถึงการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ถูกมองว่าสินค้ามีปัญหาด้วยคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการที่เชื่อถือได้
3 โฟกัสหลักในการทำงาน
- แบรนด์ (Brand) - ที่ผ่านมามีลูกค้าส่วนหนึ่งที่ไม่กล้าใช้รถยนต์แบรนด์ ฟอร์ด (Ford) เนื่องจากยังติดภาพลบในอดีต โดยจะต้องมีการสื่อสารสิ่งที่แบรนด์ได้มีการพัฒนาซึ่งอาจจะช่วยให้ลูกค้าสบายใจมากขึ้น ซึ่ง 2 ผลิตภัณฑ์หลักของแบรนด์คือ Ford Ranger และ Ford Everest เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้แบรนด์แข็งแรงมากขึ้น
- ผลิตภัณฑ์ (Product) - บริษัททำงานร่วมกับโรงงานผลิตอย่างหนักในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยตั้งเป้าว่าการผลิตรถยนต์ออกจากโรงงานต้องไม่มีปัญหา ! โดยเราเอาบทเรียนที่ได้รับมาพัฒนาคุณภาพการผลิต ตัวอย่างเช่น การเปิดตัว Ford Ranger Next Gen ในปีที่ผ่านมานั้น ได้มีการนำมาทดลองบนถนนในประเทศไทยก่อนการเปิดตัวจริงถึง 8 เดือน เพื่อค้นหาปัญหาการใช้งานจริงให้เจอมากที่สุดและแก้ไข โดยมองว่าอันดับแรกของการแก้ไขปัญหาต้องมาจากต้นทาง
- เครือข่ายผู้แทนจำหน่าย (Network) - ปัจจุบันมีผู้แทนจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 180 แห่ง ทั่วประเทศ โดยบริษัทได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด และจะมีการต่อยอดพัฒนาความแข็งแกร่งของเครือข่ายผู้แทนจำหน่าย ลงในรายละเอียดของจำนวนพนักงานขายต่อปริมาณการจำหน่ายที่เหมาะสม, การพัฒนาคุณภาพการบริการหลังการขาย ซึ่งในปีนี้ไม่มีแผนการขยายเครือข่ายผู้จำหน่าย
ทุกแบรนด์ไม่มีคันไหน 100% แต่ถ้ามีปัญหาแล้วทำอย่างไร
แน่นอนว่าการผลิตรถยนต์ออกมาไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใดก็ตามไม่มีคันไหนที่จะสมูบรณ์ 100% แต่ประเด็นสำคัญคือเมื่อเกิดปัญหาแล้วทำอย่างไรต่างหาก สิ่งที่ ฟอร์ด ทำก็คือ การตั้งหน่วยงานแก้ไขปัญหาครอบคลุมทั่วประเทศ 13 จุด ที่ประกอบไปด้วย ฝ่ายขาย, ฝ่ายบริการ, ฝ่ายเทคนิค และ เจ้าหน้าที่ Call Center โดยได้มีการกำหนดระยะเวลาในการเข้าจัดการปัญหาให้รวดเร็วที่สุด
นอกจากนั้น ยังได้มีการมอนิเตอร์โลกออนไลน์ว่าผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในมือผู้บริโภคจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือไม่ และทีมฟอร์ดแก้ไขปัญหานั้นอย่างไร เพื่อให้สามารถปิดเคสนั้นได้ เมื่อมีการกล่าวถึงด้านลบต่อแบรนด์ ฟอร์ด
ขณะที่ อีกส่วนสำคัญหนึ่งคือ การรับประกัน 5 ปี หรือ 1.5 แสนกม. จากโรงงานของ ฟอร์ด ซึ่งเริ่มต้นดำเนินการมาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2565 ที่ผ่านมา จะทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความมั่นใจต่อผลิตภัณฑ์ โดยเป็นนโยบายถาวรหลังจากนี้
อั้นไม่ไหว !! ต้นทุนเพิ่มต้องปรับราคาเพิ่ม
ตั้งแต่ 1 มกราคม 2566 เป็นต้นไป เชื่อว่าบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทุกแบรนด์จะต้องมีการปรับขึ้นราคาอย่างแน่นอน เพราะการปรับเพิ่มของต้นทุนที่เพิ่มขึ้นส่งผลต่อราคารถยนต์ที่ปรับเพิ่มขึ้นตาม เช่นเดียวกับ ฟอร์ด มีการปรับขึ้นราคา ฟอร์ด เรนเจอร์ ปรับขึ้น 1-1.5 หมื่นบาท, ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ปรับขึ้น 5 หมื่นบาท และ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ปรับขึ้น 2 หมื่นบาท
เป้าหมายทางธุรกิจปี 2566
ยอดขายในปี 2565 ภาพรวมตลาดรถยนต์ในประเทศไทยคาดว่าจะอยู่ที่ 8.6 แสนคัน หรือเติบโตขึ้น 14% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ส่วน ฟอร์ด มียอดขายรวมอยู่ที่ 4.3 หมื่นคัน เติบโตขึ้น 31% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
สำหรับในปี 2566 คาดว่าภาพรวมตลาดจะอยู่ที่ระดับ 9.3 แสนคัน เติบโตขึ้นจากปี 2565 ราว 8% จากปัจจัยการเปิดรับนักท่องเที่ยว ซึ่งส่งผลดีต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องรวมถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคตามมา ส่วนด้านการส่งออกจะต้องลุ้นว่าสถานการร์เศรษฐกิจโลกจะเป็นอย่างไร ขณะเดียวกันปัญหาการขาดแคลนชิปที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาจะยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องในปีนี้ แต่ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของแต่ละแบรนด์
ทั้งนี้ เป้าหมายยอดขายของ ฟอร์ด ในปี 2566 คาดว่าจะอยู่ที่ 6 หมื่นคัน และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดของ ฟอร์ด เรนเจอร์ จากปี 2565 ที่อยู่ที่ 8.9% เป็น 10.5% ในปี 2566
จับตาตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ประมาทไม่ได้ !!
กระแสรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเนื่องจากหลายแบรนด์เปิดตัวลงสู่ตลาดในช่วงปีที่ผ่านมาจำนวนมาก รวมถึงผู้เล่นรายใหญ่ที่เข้าสู่ตลาดนี้เช่นกัน โดยความสำเร็จของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยปีที่ผ่านมาเกิดขึ้นหลักจากนโยบายการส่งเสริมของรัฐบาล และ สร้างกระแสให้กับคนรุ่นใหม่ แต่กระนั้นในมุมมองส่วนตัวการเติบโตอย่างยังยืนต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ราคาสามารถเข้าถึงได้ง่าย
ปี 2565 ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเดิมทีคาดว่าน่าจะอยู่ที่ราว 2 หมื่นคัน แต่เมื่อไม่สามารถส่งมอบได้ส่งผลให้จะลดลงเหลือราว 1 หมื่นคัน ซึ่งในปี 2566 คาดว่าจะอยู่ที่ 4-5 หมื่นคัน ซึ่งแม้จะมีปริมาณเติบโตขึ้น แต่เมื่อเปรียบเทียบกับภาพรวมตลาดรถยนต์นั้น รถยนต์ไฟฟ้า ยังมีสัดส่วนน้อยอยู่เมื่อเทียบปริมาณทั้งตลาด แต่ก็ประมาทไม่ได้เพราะเป้นกระแสที่ต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด
ถ้าคู่แข่งขยับเราก็ประมาทไม่ได้ เราได้ทำฉากทัศน์ (Scenario) ไว้สำหรับเรื่องดังกล่าว ว่าถ้าเกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร ถ้าไม่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร และฟอร์ดจะต้องทำอย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องจับตามากกว่า
ภายใต้การกุมบังเหียนของ รัฐการ จูตะเสน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย คนใหม่ ถือได้ว่าน่าจับตาไม่น้อยกับการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ ฟอร์ด ที่ถือเป้นโจทย์สำคัญกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ที่หลังจากนี้คงได้เห้นการพัฒนาเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง