'ฟอร์ด' ปรับขึ้นราคาทุกรุ่นสูงสุด 3 หมื่นบาท สรุปผลงานปี'66 ขึ้นท็อป 4
ฟอร์ด ประเทศไทย ลุ้นรัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจปี'67 หนุนตลาดรถยนต์รวมโต คาดการณ์ตัวเลข 8.3-8.4 แสนคัน แม้เศรษฐกิจยังส่งสัญญาณชะลอต่อเนื่อง
นายรัฐการ จูตะเสน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทประกาศปรับขึ้นราคารถยนต์ทุกรุ่นของแบรนด์เฉลี่ย 5,000-30,000 บาท ทั้ง ฟอร์ด เรนเจอร์ และ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ จากปัจจัยการปรับเพิ่มของต้นทุนที่บริษัทแบกรับมาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/2566 ประกอบกับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น ๆ ในตลาดปรับเพิ่มราคาขึ้นของรถในกลุ่มรถกระบะ การปรับขึ้นราคาดังกล่าวยังไม่รวมกับการเปลี่ยนเทคโนโลยีสู่ มาตรฐานยูโร 5 ซึ่งจะมีอัตราต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ราว 2-3% โดยมีผลบังคับใช้ 1 ม.ค. 2567
ตลาดรถกระบะร่วงหนักสัดส่วนเหลือ 32% ฟอร์ดอัดแคมเปญหนักหวังซื้อใจ
แบรนด์ 'ฟอร์ด' ติดภาพสินค้ามีปัญหา ผู้บริหารคนใหม่แก้อย่างไร ?

ทั้งนี้ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต่างขอผ่อนผันเป็น 1 เม.ย. 2567 จากการประเมินเบื้องต้นคาดว่าผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์จะไม่ปรับเพิ่มขึ้นราคาในช่วงแรก
ขณะที่ มองว่าหากมีการปรับเปลี่ยนไปสู่ มาตรฐานยูโร 5 แล้วนั้น รัฐบาลจะต้องออกมาตรการควบคู่ด้วยการยกเลิกการยกเลิกขายน้ำมัน มาตรฐานยูโร 4 เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อรถยนต์มาตรฐานยูโร 5 ซึ่งจะต้องขึ้นอยู่กับภาครัฐกำหนด
นาทีนี้ถือเป็นความท้าทายของอุตสาหกรรมยานยนต์เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าของจีนเข้ามาตีตลาดอย่างรวดเร็ว หลายแบรนด์ปรับตัวไม่ทัน อีกทั้งการตั้งราคารถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์จีนถูกกว่ารถยนต์สันดาปภายในด้วยซ้ำ และความแตกต่างของราคาพลังงานระหว่าง น้ำมัน กับ ไฟฟ้า ที่ต่างกันมาก
นายรัฐการ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดรถยนต์ในประเทศไทยปี 2567 คาดว่าจะอยู่ที่ 8.3-8.4 แสนคัน จากปี 2566 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 7.77 แสนคัน หรือลดลงจาก ปี 2565 ที่อยู่ที่ 8.49 แสนคัน ซึ่งปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจในปี 2567 อัตราผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของประเทศไทยยังฟื้นตัวไม่เท่ากับในช่วงก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ประกอบกับในอุตสาหกรรมหลักอื่น ๆ ที่ขับเคลื่อนจีดีพีของประเทศ อาทิ ภาคการท่องเที่ยว, ภาคการส่งออก รวมถึง การใช้จ่ายของผู้บริโภค เป็นต้น

นอกจากนี้ แม้ว่าการใช้จ่ายของภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น 6% ในปีที่ผ่านมา แต่การเปลี่ยนแปลงของรัฐบาลส่งผลให้ไม่เกิดการลงทุนของภาครัฐจึงส่งผลกระทบต่อตลาดหลักของอุตสาหกรรมยานยนต์อย่าง รถกระบะ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องจับตาคือการเติบโตของกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าที่ในปี 2566 คาดว่าจะอยู่ที่ 8-8.5 หมื่นคัน และจะเติบโตขึ้นเป็น 1.2 แสนคัน ในปี 2567 จากกระแสตอบรับของผู้บริโภคและมาตรการสนับสนุนของรัฐ ส่วนตลาดรถยนต์ระดับพรีเมี่ยมได้รับผลกระทบอย่างมากจากตลาดหุ้นที่ลดลงและเศรษฐกิจชะลอตัว ด้านตลาดรถยนต์สันดาปภายในชะลอตัวจากความเข้มงวดของสถาบันการเงิน (ไฟแนนซ์) โดยเฉพาะในกลุ่ม รถกระบะ รวมถึงการปรับพอร์ตของไฟแนนซ์ที่ให้ความสำคัญกับรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น
ปัจจัยตัวเลขตลาด 8.3-8.4 แสนคันในปี 2567 มีความเป็นไปได้หากรัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาคธุรกิจและต่อเนื่องถึงตลาดรถกระบะ
นายรัฐการ กล่าวว่า ยอดขายของ ฟอร์ด ในปี 2566 อยู่ที่ 36,483 คัน ลดลง 16% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีอัตราเติบโตที่ลดลง แต่บริษัทมียอดขายสูงอันดับที่ 4 ของตลาดรถยนต์รวมทั้งประเทศเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา โดยบริษัทมี 2 ผลิตภัณฑ์คือ 1.รถกระบะ และ 2.รถกระบะดัดแปลง (พีพีวี) โดย รถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ มีส่วนแบ่งในตลาดรถกระบะเพิ่มขึ้นจาก 8.5% เป็น 9.2% และ รถพีพีวี ฟอร์ด เอเวอเรสต์ มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจาก 14% เป็น 19% ในปี 2567 บริษัทตั้งเป้าหมายส่วนแบ่งทางการตลาดของ ฟอร์ด เรนเจอร์ เพิ่มขึ้น 1% และ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เพิ่มขึ้น 3% จากปีที่ผ่านมา
วันหยุดเดือนมกราคม 2567 เช็กวันหยุดราชการ-หยุดยาววันไหนบ้าง
อัปเดต!“เงินอุดหนุนบุตร 2567”เงื่อนไขรับสิทธิ-ปฏิทินรับเงินเช็กที่นี่!