MG จัดใหญ่มอเตอร์โชว์ พบกับ 2 อีวีรุ่นใหม่ คุ้มสุดกับอีวีราคาพิเศษเริ่มต้น 5 แสน
MG จัดชุดใหญ่ในงานมอเตอร์โชว์ 2025 เปิดตัวพรีเมียมอีวีอัจฉริยะ NEW MG IM6 มาพร้อมราคาพิเศษในงานเริ่มต้น 1.299 ล้านบาท อีกรุ่นกับ NEW MG S5 EV ชูจุดเด่น “ขับสนุก ชาร์จไว วิ่งไกล นั่งสบาย พร้อม Lifetime Warranty” เพิ่มความคุ้มค่าในรุ่น NEW MG4 ELECTRIC กับราคาพิเศษเฉพาะในงานเริ่มต้น 559,900 บาท และพบกับสีฟ้าเฉดใหม่ SOL BLUE ที่เพิ่มความพรีเมียมมากขึ้น
เอ็มจี เซลส์ ประเทศไทย เผย 3 ไฮไลต์ในงานมอเตอร์โชว์ 2025 กับ 2 อีวีรุ่นใหม่ NEW MG IM6 พรีเมียมอีวีที่ครบเครื่องด้วยเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้ายุคใหม่ ดีไซน์ไม่ซ้ำใคร พร้อมเสนอราคาพิเศษเฉพาะในงานมอเตอร์โชว์เริ่มต้น 1,299,900 บาท อีกรุ่นกับ NEW MG S5 EV อีวีที่จะผลิตในประเทศไทยอีกรุ่น พร้อมชูจดขายด้วยการเป็นอีวีที่ “ขับสนุก ชาร์จไว วิ่งไกล นั่งสบาย พร้อม Lifetime Warranty” และอีกหนึ่งสีสันใหม่กับ NEW MG4 ELECTRIC ที่มาพร้อมสีฟ้าเฉดใหม่ SOL BLUE ที่ดูพรีเมียมมากขึ้น

สำหรับ NEW MG IM6 รถยนต์พรีเมียมอีวีมาพร้อมคอนเซ็ปต์ขับเคลื่อนตัวตนบนความเป็นตัวเอง (I’M WHO I’M) มีความโดดเด่นด้านเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะ เช่น One Touch iAD ช่วยให้การจอดเป็นไปอย่างเรียบง่าย ชาร์จไว 396 กิโลวัตต์ ชาร์จไวสูงสุดในตลาดรถยนต์เมืองไทย 10 – 80% ต่ำกว่า 20 นาที มี Crab Mode สามารถเคลื่อนที่ในพื้นที่แคบได้ดี และมี Lifetime Warranty

NEW MG IM6 รถอีวีระดับพรีเมียม
ดีไซน์ภายนอก
- มิติตัวถัง 4,904 x 1,988 x 1,669 มิลลิเมตร (ยาว x กว้าง x สูง)
- ระยะความยาวฐานล้อ 2,950 มิลลิเมตร
- กระจกข้างแบบไร้กรอบ พร้อมกระจกรอบคัน 2 ชั้น
- ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights)
- ไฟหน้า ไฟท้าย และ ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
- ระบบควบคุมการ เปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ
- กระจกมองข้างพับ และปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว
- ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง
- หลังคากระจกพาโนรามิก
- ที่เปิดประตูแบบเก็บซ่อนในตัวรถ (Hidden Door Handle)
- ล้ออัลลอยด์ ขนาด 21 นิ้ว สำหรับรุ่น Performance AWD และขนาด 20 นิ้ว สำหรับรุ่น Premium 2WD
- ไฟหน้าดีไซน์แบบ L Shape
- ไฟท้ายพาดยาวแบบ Skyline Taillights

ดีไซน์ภายในและฟังก์ชันอำนวยความสะดวก
- ดีไซน์คอนโซลหน้าเน้นความเรียบหรูด้วยวัสดุ Soft Touch พร้อมที่วางแก้ว และรองรับการชาร์จ แบบไร้สายกำลังไฟสูงสุด 50 วัตต์ (Wireless Charger)
- ดีไซน์พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน หุ้มหนังปรับ 4 ทิศทาง ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ-วางโทรศัพท์
- เบาะนั่ง POPO Sofa ทรงขนมปังหุ้มด้วยวัสดุสังเคราะห์
- เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อม Lumbar Support และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง โดยเบาะคู่หน้าเป็นแบบระบายความร้อน พร้อมระบบนวดสำหรับผู้ขับขี่
- เบาะนั่งด้านหลังพนักพิง พับได้ 60:40
- หน้าจออัจฉริยะระบบสัมผัส Intelligent Immersive Touch Screens จำนวน 2 จอขนาดใหญ่ ประกอบด้วย หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทัลขนาด 26.3 นิ้ว และหน้าจอกลางแบบสัมผัสขนาด 10.5 นิ้ว สำหรับควบคุมส่วนต่าง ๆ ภายในรถ
- ระบบลำโพงรอบทิศทาง 20 จุด ประกอบด้วย ลำโพงรอบทิศทาง 16 จุด และลำโพงบริเวณหลังคา 4 จุด
- ระบบสั่งการอัจฉริยะ IM OS
- Interactive Ambient Light ที่สามารถเปลี่ยนได้ 256 เฉดสี
- กระจกไฟฟ้า One Touch Up-Down
- กระจกมองหลังแบบ Streaming Media Rearview Mirror
- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกโซนอิสระ พร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5
- ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
- พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหน้ารถ จุได้มากถึง 32 ลิตร
- พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายรถ จุได้มากถึง 596 ลิตร และเมื่อพับเบาะสามารถจุได้มากถึง 1,640 ลิตร พร้อมที่เก็บสัมภาระเพิ่มเติมที่ท้ายรถได้อีก 69 ลิตร
- ฝาท้ายไฟฟ้าพร้อมระบบเตะเปิดอัตโนมัติ
- ระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android แบบไร้สาย
- ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB TYPE C จำนวน 2 จุด
- เพิ่มเติมความพิเศษด้วย IM MAG HUB อุปกรณ์เสริมติดแม่เหล็กภายในตัวรถ เพื่อใช้ติดตั้งแอคเซสเซอรี่ต่าง ๆ อาทิ โคมไฟ กระจกแต่งหน้า ไฟอ่านหนังสือ ฯลฯ จำนวน 5 ตำแหน่ง
สมรรถนะการขับขี่ NEW MG IM6
- ขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor
- รุ่น Premium 2WD มอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง ให้พละกำลังสูงสุด 295 แรงม้า (217 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 5.9 วินาที
- รุ่น Performance AWD มอเตอร์คู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้พละกำลังสูงสุด 778 แรงม้า (572 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุด 802 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 3.48 วินาที โดยสามารถทำความเร็วสูงสุด (Top speed) ได้มากกว่า 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 2 ระดับ
- รัศมีวงเลี้ยว 5.09 เมตร ทำให้ขับเลี้ยวและเข้าออกในพื้นที่แคบได้อย่างง่ายดาย
- ดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมช่องระบายความร้อน จาก Continental
- ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ Double Wishbone พร้อมระบบถุงลม และด้านหลังแบบอิสระมัลติลิงค์พร้อมระบบถุงลมสำหรับรุ่น Performance AWD
- ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้ออัจฉริยะ (Intelligent Four-Wheel Steering System) ทำให้การเปลี่ยนเลนมีเสถียรภาพแม้ในช่วงความเร็วสูง รวมถึงทำให้การกลับรถในที่แคบได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
- ระบบ One Touch iAD ที่ช่วยในการถอยจอดด้านข้าง (One Touch Side Parking) รวมถึงการจอดและออกจากช่องจอดรถในพื้นที่จำกัด (One Touch Escape) และการถอยหลังอัตโนมัติเมื่อขับเจอซอยตัน (One Touch Reverse)
- ฟังก์ชัน Crab Mode เพื่อปรับมุมทั้ง 4 ล้อ ในมุมเดียวกัน เพื่อทำการเคลื่อนรถออกจากพื้นที่จำกัด
- ระบบการขับขี่ 6 โหมด ได้แก่ Eco / Comfort / Sport / Snow / Custom และ Super Eco ซึ่งจะดึงไฟสำรองจากแบตเตอรี่มาใช้อีก 80 กิโลเมตร สำหรับในยามฉุกเฉิน
- ระบบช่วงล่างถุงลมอัจฉริยะ (Intelligent Air Suspension) สามารถปรับสูง-ต่ำได้ 3 ระดับ ได้แก่ ระดับความสูงปกติ (Standard) ปรับเตี้ยลง 5 เซนติเมตร และปรับสูงขึ้น 2 เซนติเมตร พร้อมปรับการทำงานอัตโนมัติตามรูปแบบการขับขี่

ระบบความปลอดภัย
- ระบบอัจฉริยะแสดงผลในที่มืดและฝนตก (Intelligent Rainy Night Mode) ที่ผสานการทำงานของกล้องรอบคัน การปรับค่าช่วงล่างถุงลมอัตโนมัติ ช่วยลดปัญหาทัศนวิสัยในการมองเห็นระหว่างการขับขี่
- ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ APA (Auto Park Assist)
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
- ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
- ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-Lock Brake System) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake Force Distribution)
- ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
- ระบบควบคุมการทรงตัว VDC (Vehicle Dynamic Control System)
- ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
- ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HHC (Hill Hold Control)
- ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control)
- ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
- ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
- ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System)
- ระบบช่วยเบรก AEB (Automatic Emergency Braking)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LCC (Lane Centering Control)
- ระบบะช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
- ระบบช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตาที่ทำงานประสานกันทั้งระบบช่วยเตือน มุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection) ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบช่วยเบรกขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Braking) และระบบระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)
- ระบบไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (FOLLOW ME HOME)
ระบบการชาร์จ NEW MG IM6
- แบตเตอรี่ 12V Lithium-ion
- รุ่น Premium 2WD ขนาดความจุ 75 kWh ขับเคลื่อนด้วยแรงดันไฟฟ้าสูงถึง 400 โวลต์ สามารถวิ่งได้ระยะทาง 550 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC
- รุ่น Performance AWD ขนาดความจุ 100 kWh ขับเคลื่อนด้วยแรงดันไฟฟ้าสูงถึง 875 โวลต์ สามารถวิ่งได้ระยะทาง 634 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC
- ระบบ Cooling system เจนเนอเรชั่นใหม่ ที่สามารถระบายความร้อนได้ 15 องศาเซลเซียส ภายในเวลาเพียง 30 วินาที
- ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 10% - 80% ใช้เวลาน้อยกว่า 20 นาที* ด้วยแรงดันไฟฟ้า 800 โวลต์ รองรับการชาร์จแบบกระแสตรงสูงสุด 396 kW
- รองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าสูงสุด 6.6 kW

สี NEW MG IM6
- สีชมพู Ferdinand Pink
- สีขาว Raphael Beige
- สีดำ Ares Black
- สีเทา Rembrandt Grey

และความคุ้มค่าครั้งใหม่กับ NEW MG4 ELECTRIC โกลบอลโมเดลรุ่นยอดนิยม กับข้อเสนอพิเศษเพิ่ม โดย STANDARD RANGE รุ่น D จัดจำหน่ายในราคาพิเศษ 559,900 บาท จากราคาปกติ 709,900 บาท และ LONG RANGE รุ่น D จัดจำหน่ายในราคา 664,900 บาท จากราคาปกติ 769,900 บาท พร้อมข้อเสนอพิเศษในช่วงงานมอเตอร์โชว์เท่านั้น ได้แก่
- รับประกันแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อนตลอดอายุการใช้งาน
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. คุ้มครอง 1 ปี
- ฟรี MG HOME CHARGER จำนวน 1 ชุด พร้อมค่าติดตั้ง
- ฟรี ชุดพรมปูพื้น
หมายเหตุ : เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนดเท่านั้น
NEW MG4 ELECTRIC สปอร์ตพรีเมี่ยมกับสี SOL BLUE
ดีไซน์ภายนอก
- การออกแบบตัวรถใหม่แบบ AVANT-GARDE INDUCTIVE DESIGN
- ไฟหน้า LED GALAXY TECHNOLOGY MATRIX HEADLIGHTS
- ไฟท้าย LED ลาย CGYNUS SYMBOL DECORATIVE LIGHT
- หลังคาแบบทูโทน พร้อมสปอยเลอร์หลังแบบ TWIN ARROW WING
- ล้ออัลลอยด์ ขนาด 17 นิ้ว พร้อม AERO WHEEL COVER ในรุ่น D STANDARD และ รุ่น D LONG RANGE
- ล้ออัลลอยด์ ขนาด 18 นิ้ว รุ่น V LONG RANGE และ รุ่น XPOWER
- มิติตัวถัง 4,287 x 1,836 x 1,516 มิลลิเมตร (ยาว x กว้าง x สูง)
- ระยะความยาวฐานล้อ 2,705 มิลลิเมตร
ดีไซน์ภายในและฟังก์ชันอำนวยความสะดวก
- คอนโซลกลาง FLOATED CENTRAL CONTROL PLATFORM พร้อมอุปกรณ์ชาร์จแบบไร้สาย (Wireless charger)
- ดีไซน์พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน หุ้มหนังปรับ 4 ทิศทาง
- พวงมาลัย ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ - วางสายโทรศัพท์
- กระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ
- หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ Dual Screen แบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว (Digital Multi-function Display)
- ลำโพง 6 จุด
- ช่องจ่ายไฟ Power Outlet 12V
- รองรับการเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และ สมาร์ทโฟนระบบ Android แบบไร้สาย ในรุ่น STANDARD RANGE และ LONG RANGE
- พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB TYPE A และ C
- ระบบกรองอากาศ PM2.5
- เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง
- เบาะนั่งด้านหลังพนักพิง ปรับ 60:40
- โหมด Intelligent Smart Access เมื่อผู้ขับขี่อยู่ในตำแหน่งคนขับ เพียงเหยียบเบรกระบบการทำงานของรถจะสตาร์ทอัตโนมัติ

สำหรับในรุ่น STANDARD RANGE และ LONG RANGE จัดเต็มฟังก์ชันและฟีเจอร์เพิ่มเติม
- หน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 12 นิ้ว
- เพิ่มความสะดวกในการใช้งานกับ ช่องวางแก้วด้านข้างประตู
- เพิ่มราวมือจับสำหรับผู้นั่งโดยสาร (Assist Grip) 3 ตำแหน่ง
- ที่ปัดน้ำฝนด้านหลัง
สมรรถนะการขับขี่ NEW MG4 ELECTRIC
- ขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor
รุ่น STANDARD RANGE และ รุ่น LONG RANGE ให้พละกำลังสูงสุดที่ 170 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร
รุ่น XPOWER ให้พละกำลังสูงสุดที่ 435 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 3.8 วินาที
- เทคโนโลยี RUBIK’s CUBE BATTERY
รุ่น STANDARD ขนาดความจุ 49 kWh (LFP) สามารถวิ่งได้ระยะทาง 423 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC
รุ่น LONG-RANGE ขนาดความจุ 64 kWh (NMC) สามารถวิ่งได้ระยะทาง 540 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC
รุ่น XPOWER ขนาดความจุ 64 kWh (NMC) สามารถวิ่งได้ระยะทาง 480 กิโลเมตร* ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC
- แบตเตอรี่มาตรฐานความปลอดภัย IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น
- ระบายความร้อนได้เป็นอย่างดีด้วยระบบ LIQUID COOLING SYSTEM
- ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง (DYNAMIC REAR WHEEL DRIVE) และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ในรุ่น XPOWER
- ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 4 ระดับ ได้แก่ ระดับต่ำ กลาง สูง และแบบแปรผันตามการขับขี่ (ADAPTIVE)
- ระบบโครงสร้างพวงมาลัยรูปแบบใหม่ DUAL PINION ควบคุมด้วยไฟฟ้า
- รัศมีวงเลี้ยว 5.3 เมตร
- การกระจายน้ำหนักแบบสมมาตร 50:50 ควบคู่กับการออกแบบลักษณะ Low Centre of Gravity
ที่ให้จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำเพื่อการเกาะถนนที่ดีเยี่ยม - ดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบอิสระ 5-Link Suspension
- โหมดการขับขี่ 5 รูปแบบ ได้แก่ ECO, NORMAL, SPORT, CUSTOM และ SNOW
ช่างภาพพีพีทีวี
MG จัดใหญ่มอเตอร์โชว์ พบกับ 2 อีวีรุ่นใหม่ คุ้มสุดกับอีวีราคาพิเศษเริ่มต้น 5 แสน

ระบบความปลอดภัย
- ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
- ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake Force Distribution)
- ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
- ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
- ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
- ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
- ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนพร้อมปรับองศาพวงมาลัยหากออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping System) โดยผสานรวมระบบ LDP (Lane Departure Prevention) LKA (Lane Keep Assist) และ ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning) เข้าไว้ด้วยกัน
- ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
- ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
- ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- ระบบช่วยเตือนการชนด้านหลัง RCW (Rear Collision Warning)
- ระบบช่วยเบรกขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Braking)
- ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control)
- ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System)
- ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)
- ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
- ระบบตรวจสอบแบตเตอรี่ Battery Doctor บันทึกและวิเคราะห์ พฤติกรรมการใช้งาน พร้อมให้คำแนะนำในการดูแลรักษาแบตเตอรี่เพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานยิ่งขึ้น
- ระบบสั่งการ และระบบค้นหารถ Find My Car
- ระบบเตือนความผิดปกติของรถยนต์
- ระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ นัดหมาย และบันทึกการดูแลรักษารถยนต์ตามระยะ
- ระบบตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่ การชาร์จ และสถานีชาร์จ
- เฉพาะในรุ่น XPOWER เพิ่มเติมระบบ One Pedal ช่วยให้ขับขี่ได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
ช่างภาพพีพีทีวี
MG จัดใหญ่มอเตอร์โชว์ พบกับ 2 อีวีรุ่นใหม่ คุ้มสุดกับอีวีราคาพิเศษเริ่มต้น 5 แสน

ระบบการชาร์จ NEW MG4 ELECTRIC
รุ่น STANDARD
- ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 10% - 80% ใช้เวลาประมาณ 35 นาที
- ชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge ผ่าน MG HOME CHARGER 0% – 100% ใช้เวลาประมาณ
8 ชั่วโมง 30 นาที
รุ่น XPOWER และ LONG RANGE
- ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 10% - 80% ใช้เวลาประมาณ 26 นาที
- ชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge ผ่าน MG HOME CHARGER 0% – 100% ใช้เวลาประมาณ
9 ชั่วโมง 45 นาที - รองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า
สี NEW MG4 ELECTRIC
รุ่น STANDARD RANGE มี 1 รุ่นย่อย คือ รุ่น D ภายในสีดำ หลังคาสีเดียวกับตัวรถ
รุ่น LONG RANGE ประกอบด้วย 2 รุ่นย่อย คือ รุ่น V ภายในสีทูโทนเทา-ดำ และหลังคาแบบทูโทน (Blacktop) และในรุ่น D มาพร้อมภายในสีดำ พร้อมหลังคาแบบทูโทน (Blacktop) โดยมีสีตัวถังให้เลือก คือ สีส้ม (Fizzy Orange) สีขาว (Arctic White) สีเทา (Andes Grey) สีดำ (Black Knight) และสีฟ้า (Sol Blue)
รุ่น XPOWER AWD ภายในสีดำ พร้อมหลังคาแบบทูโทน (Blacktop) กับสีตัวถังที่โดดเด่นอย่าง สีเขียว (Wild Hunter Green)