“เสียงบ่น” ของผู้สูงอายุ สัญญาณบอกโรคที่ไม่ควรมองข้าม
"เสียงบ่น" ของผู้สูงอายุในบ้าน อาทิ ปวดหลัง,ปวดขา,ตามองไม่ค่อยเห็น,พูดอะไร กันฟังไม่รู้เรื่อง อาจเป็นสัญญาณบอกโรคที่ไม่ควรมองข้าม เช็ก! เสียงบ่นบอกโรคผู้สูงวัยได้ที่นี้!
ร่างกายผู้สูงอายุมีการเปลี่ยนแปลงและสึกหรอตามอายุที่มากขึ้น ทำให้อาการแสดงของโรคหรือปัญหาสุขภาพหลายๆ หลายครั้งที่เราอาจได้ยินการบ่นให้ฟังว่าไม่สบาย ปวดตรงโน้น ป่วยตรงนี้ แต่ทราบหรือไม่ว่าหลายๆ ครั้งการบ่นย้ำๆ ของผู้สูงวัย อาจหมายถึงกำลังมีปัญหาสุขภาพบางอย่างที่เริ่มบั่นทอนความสุขในการใช้ชีวิต
“อ่านหนังสือไม่เห็น ดูทีวีไม่ชัด มีฝุ่นลอยไปลอยมาในดวงตา”
5 โรคร้ายที่ผู้สูงวัย… ควรต้องระวัง!
สธ.แนะดูแลกลุ่มเสี่ยงรับมืออากาศเปลี่ยนแปลงเลี่ยงป่วยฉับพลัน
ปกติแล้วความเสื่อมของส่วนประกอบของดวงตาเริ่มเกิดตั้งแต่วัยกลางคนและจะเสื่อมเร็วขึ้นถ้ามีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง หรือถ้าใช้สายตาไม่ถูกวิธี ปล่อยให้ตาแห้งเกินไป
โรคตาที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ เช่น
- ต้อกระจก (Cataract)
- ต้อหิน (Glaucoma)
- จอประสาทตาเสื่อม (macular degeneration)
- เบาหวานขึ้นตา และมีเลือดออกในจอประสาทตา (diabetic retinopathy, retinal hemorrhage)
- วุ้นในตาเสื่อมจนมีภาวะจอประสาทตาหลุดลอก (retinal detachment)
ปัญหาการมองเห็นทำให้ผู้สูงอายุใช้ชีวิตประจำวันได้ลำบากขึ้น และเลิกทำงานอดิเรกซึ่งเป็นกิจกรรมผ่านคลายได้ สูญเสียกิจกรรมที่ตัวเองชอบ เป็นอาการที่ไม่ควรละเลย เพราะความเสื่อมของตาเป็นภาวะที่รักษาได้ แต่ควรเจอตั้งแต่เนิ่นๆ
“พูดอะไรกัน ฟังไม่รู้เรื่อง”
การเริ่มเปิดทีวีเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ พูดเสียงดังๆ เวลาคุยกันต้องให้พูดซ้ำๆช้าๆ หรือต้องคอยอ่านปากว่าพูดว่าอะไร หลายๆ ท่านอาจจะเลิกคุยไปเลยเพราะคุยกันไม่รู้เรื่อง นำไปสู่ภาวะซึมเศร้า หรือสมองไม่ถูกกระตุ้นให้คิด ทำให้สมาธิสั้น สมองเสื่อมลงได้ อาจมาจาก สาเหตุ ...
- ภาวะเส้นประสาทหูเสื่อม แก้ไขได้ด้วยการใส่เครื่องช่วยฟัง ซึ่งปัจจุบันรูปลักษณ์จะดูน่าใช้ และมีประสิทธิภาพดีกว่าเมื่อก่อนมาก ผู้สูงอายุที่ใช้เครื่องช่วยฟังอยู่แล้วแต่ยังฟังไม่ชัด ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเช็กเครื่องสม่ำเสมอ และปรับให้เข้ากับเส้นประสาทของแต่ละคน
- โรคติดเชื้อเรื้อรังในหูชั้นกลาง (otitis media) ของผู้สูงอายุ บางครั้งอาการไม่ชัดเจน บางคนไม่ปวดหู แต่มีหูอื้อ มีเสียงวิ้งๆ ในหู หรือมีเวียนหัวบ้านหมุน โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ควบคุมน้ำตาลได้ไม่ดี อาจมีการติดเชื้อราในช่องหู หรือในโพรงไซนัสได้โดยไม่รู้ตัว
- ภาวะขี้หูอุดตัน พบได้บ่อย โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ชอบใช้ไม้พันสำลีปั่นหู สามารถมาพบแพทย์ให้ดูดออกปีละ 1-2 ครั้ง จะทำให้ได้ยินชัดขึ้น
“กินอะไรก็ไม่อร่อยเลย ”
เมื่อผู้สูงวัยบ่นว่ากินอะไรก็ไม่อร่อย ซื้อของกินอะไรให้ก็ไม่ถูกใจ หวานไป เค็มไป ไม่ถูกปากสักอย่างทั้งๆที่เคยเป็นอาหารที่ชอบ ปัญหาการกินไม่อร่อยของผู้สูงอายุอาจจะเกิดจากปัญหาทางกายที่ซ่อนอยู่ เช่น
- มีฟันผุ เหงือกอักเสบ โรคปริทันต์ หรือรากฟันติดเชื้อ ทำให้ปวดฟันโดยเฉพาะเวลาเคี้ยวอาหาร
- ฟันปลอมไม่พอดี หลุดบ่อย หรือกดเหงือกเป็นแผล
- ยาบางชนิดมีผลข้างเคียงทำให้น้ำลายน้อยลง ลิ้นรับรสชาติไม่ปกติ และเบื่ออาหารได้
- มีปัญหาการย่อยอาหาร มีแผลในกระเพาะหรือลำไส้
- มีนิ่วในถุงน้ำดีทำให้ท้องอืดง่ายๆ
- มีภาวะขาดฮอร์โมนไทรอยด์ (Hypothyroidism) ทำให้ไม่อยากอาหารแต่น้ำหนักขึ้น
- มีภาวะซึมเศร้าจากเหตุการณ์กระทบกระเทือนจิตใจ
- สุดท้ายแล้วหากไม่มีปัญหาข้างต้น และเบื่ออาหารจนน้ำหนักลดอย่างมากโดยไม่ทราบสาเหตุ ก็เป็นสัญญาณที่ ควรจะพาผู้สูงอายุมาตรวจหาโรคติดเชื้อเรื้อรัง เช่น วัณโรค โรคเนื้องอกหรือมะเร็งของอวัยวะภายใน
“ถ่ายลำบาก ท้องผูก ปวดท้อง”
การถ่ายลำบากจนกระทบกับการกินอาหาร หรือการใช้ชีวิตประจำวัน สาเหตุส่วนใหญ่ของอาการท้องผูกเกิดจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เช่น การรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อยลงเพราะเคี้ยวไม่ได้ การดื่มน้ำน้อยลง หรือการขยับเคลื่อนไหวน้อยลงเพราะปวดขา หรือกล้ามเนื้อไม่มีแรง ซึ่งแก้ไขด้วยการทานยาระบายและการปรับพฤติกรรม แต่ก่อนที่จะสรุปว่าเป็นเพราะตัวผู้สูงอายุนั้น จำเป็นต้องตรวจหาโรคทางกระเพาะอาหารและลำไส้ที่จำเป็น โดยเฉพาะในผู้ที่อยู่ๆ ก็มีการขับถ่ายเปลี่ยนไปจากเดิม มีท้องผูกสลับท้องเสีย มีปวดบิดหรือปวดหน่วงทวารหนักมากผิดปกติเวลาขับถ่าย มีถ่ายอุจจาระสีดำกลิ่นเหม็นคาว หรือมีถ่ายเป็นเลือดสด หรือเป็นมูกปนเลือด
- โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ หากเจอในระยะแรกๆ สามารถรักษาให้หายขาดได้ และปัจจุบันสามารถป้องกันได้ด้วยการส่องกล้องลำไส้ใหญ่เพื่อคัดกรองโรคมะเร็ง ทำการตัดติ่งเนื้อที่น่าสงสัยก่อนที่จะลุกลาม
- ภาวะริดสีดวงทวารและแผลเรื้อรังบริเวณหูรูดทวารหนัก ทำให้มีอาการเกร็งเจ็บเวลาอุจจาระ และจะกลายเป็นหูรูดเกร็งปิด เบ่งอุจจาระไม่ได้ตามมา หากปล่อยไว้เรื้อรังอาจเกิดการติดเชื้อ เป็นฝีที่รอบๆ รูทวารหนักได้
“เข้าห้องน้ำบ่อย ปัสสาวะเล็ด เปลี่ยนกางเกงบ่อย หรือต้องใส่ผ้าอ้อมผู้ใหญ่”
การต้องคอยมองหาห้องน้ำในทุกๆ ที่ที่ไป หรือการต้องระวังไม่ดื่มน้ำเยอะเพราะกลัวกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เป็นความคับข้องใจของผู้สูงอายุ สุดท้ายอาจจะตัดปัญหาด้วยการไม่ออกไปไหนไกลๆ
- ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ (incontinence)
- เบาหวานขึ้นสูง ทำให้เส้นประสาทควบคุมการขับถ่ายไม่ทำงาน แก้ไขได้โดยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ปกติ และฝึกวินัยในการเข้าห้องน้ำ ไม่ใช่รอจนปวดมากจึงจะเข้า
- มดลูก และ/หรือผนังช่องคลอดหย่อน พบได้บ่อยในผู้หญิงวัยทอง ที่มีลูกหลายคน หรือมีน้ำหนักตัวมากมีแรงดันในช่องท้องสูง ความรุนแรงของภาวะนี้มีตั้งแต่อาการปัสสาวะเล็ด จนถึงมีส่วนของปากมดลูกโผล่ยื่นออกมา หากรีบปรึกษาสูตินรีแพทย์แต่เนิ่นๆ จะสามารถแก้ไขให้กลับมาใช้ชีวิตนอกบ้านได้
- ต่อมลูกหมากโต นอกจากปัสสาวะบ่อยแล้ว คุณพ่อ คุณตา จะยังมีอาการปัสสาวะไม่สุด ไม่พุ่งเป็นลำ ปัสสาวะออกช้าหรือต้องเบ่ง กลั้นไม่ได้มีปัสสาวะหยดเปื้อนกางเกง รวมไปถึงตื่นปัสสาวะกลางคืนเกือบทุกชั่วโมง ภาวะนี้เป็นเรื่องปกติของชายวัยใกล้เกษียณ ซึ่งก็สามารถบรรเทาให้ดีขึ้นได้ไม่ว่าจะด้วยการปรับวินัยในการปัสสาวะ การใช้ยา หรือการลดขนาดต่อมลูกหมากด้วยการผ่าตัดแบบส่องกล้อง
“เดินมากๆ แล้วปวดขา”
หลายครั้งที่อยากพ่อแม่ไปเที่ยวแต่ต้องเบรกโปรแกรมเอาไว้เพราะท่านบ่นว่า “ไปไม่ไหว ปวดขา”
- โรคข้อเสื่อมที่ตำแหน่งต่างๆ ได้แก่ ข้อเข่า ข้อสะโพก ข้อเท้า อาการข้อบวมอักเสบจะเห็นชัดเจน อาการปวดจะทำให้เดินลำบาก แต่ถ้าอยู่เฉยๆ นานเกินไปโดยเฉพาะในห้องที่อากาศเย็น ก็จะปวดตึงบริเวณข้อได้
- โรคกระดูกสันหลังเสื่อม สังเกตได้จากอาการปวดเมื่อยเอว นั่งนานๆ ไม่ได้ อาจมีกระดูกสันหลังทรุดทับเส้นประสาท เวลาเดินจะมีอาการปวดแปล๊บคล้ายไฟฟ้าช็อตจากเอวด้านหลังลงไปถึงน่อง ถ้าเป็นมากอาจมีอาการชาขา ขาอ่อนแรง หรือกลั้นปัสสาวะอุจจาระลำบาก
- ภาวะกล้ามเนื้อน้อยและไม่แข็งแรง (sarcopenia) พบได้บ่อยในผู้สูงอายุที่ขาดสารอาหาร หรือมีภาวะอ้วน ซึ่งในระยะยาวจะช่วยทำให้สามารถควบคุมโรคประจำตัวอื่นๆ เช่น เบาหวาน ได้ดีขึ้นด้วย
- ยาขับปัสสาวะบางตัวมีผลข้างเคียงทำให้สารโพแทสเซียมต่ำ ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อต้นขาอ่อนแรง
- ภาวะกระดูกพรุน และมีกระดูกสันหลังทรุดโดยไม่รู้ตัว ผู้ที่มีกระดูกพรุนมากๆ อาจมีกระดูกหักได้จากการกระแทกเบาๆ บางครั้งอาจไม่ทราบด้วยซ้ำว่าไปกระทบกระแทกตอนไหน รู้อีกทีคือบ่นว่าปวดหลัง ไม่ยอมลุกไม่ยอมเดิน หากผู้สูงอายุไม่ยอมลุกจากเตียง อาจไม่ใช่ความเสื่อมตามอายุ ควรพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้อง
วิจัยพบสาร “ไซโตไคน์” ทำข้อเสื่อม แนะกินวิตามินดี-อีเสริมช่วยชะลอโรค
“ทำอะไรก็เวียนหัว”
หลายครั้งที่ผู้สูงอายุไม่สามารถแยกได้ว่าอาการที่เป็นคือ ปวด หรือ วิงเวียน หรือ แน่นท้องแล้วคลื่นไส้ หรือ ใจสั่น/ใจหวิวๆ หรือ หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม อาจมีสาเหตุมากจาก
- ความดันโลหิตขึ้นสูงหรือลดต่ำเกินไป หรือมีความดันโลหิตตกอย่างรวดเร็วขณะเปลี่ยนจากท่านอนเป็นนั่ง หรือนั่งเป็นยืน
- ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เร็วไป หรือช้าไป เช่น ภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (atrial fibrillation), สัญญาณไฟฟ้าหัวใจถูกขัดขวาง (heart block)
- โรคหลอดเลือดหัวใจ หลายครั้งที่ผู้สูงอายุอาจไม่ได้มีอาการเจ็บแน่นหน้าอกเหมือนคนวัยทำงาน แต่อาจมาด้วยอาการเหนื่อยง่ายกว่าปกติ เพลีย วิงเวียน จุกแน่นลิ้นปี่จนหายใจลำบาก
- มีแคลเซียมเกาะในประสาทหูชั้นในแล้วเกิดหลุดลอยออกไปรบกวนการนำสัญญาณประสาท ทำให้เกิดอาการ “บ้านหมุน”
- ภาวะซีด หรือโลหิตจาง จากการขาดธาตุ จะทำให้หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม เหนื่อยง่าย หายใจหอบแม้ออกแรงเพียงเล็กน้อย ถ้าไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้หัวใจทำงานหนัก เกิดหัวใจล้มเหลวได้
- โรคเส้นเลือดสมองตีบ จะต้องสงสัยในผู้สูงอายุที่มีอาการเวียนหัวรุนแรงเฉียบพลัน (มักจะมีบ้านหมุนร่วมด้วย) และมีอาการอื่นทางระบบประสาทร่วมด้วย เช่น แขนขาชา / อ่อนแรง ปากเบี้ยว ลิ้นแข็ง พูดไม่ชัด กลืนน้ำลายลำบาก ทรงตัวไม่ได้ทั้งท่านั่งและท่ายืน หรือเดินเซ หรือหากมีแต่อาการบ้านหมุนอย่างเดียวแต่เป็นรุนแรง เป็นนาน ไม่ตอบสนองต่อยาแก้เวียน ควรรีบพามาโรงพยาบาล
- ยาหลายๆ ตัวมีผลข้างเคียงทำให้มึนศีรษะ จึงจำเป็นที่ต้องให้ผู้สูงอายุแจ้งรายการยาที่ใช้กับคุณหมอทุกท่าน ทุกครั้งที่ไปพบ และหลีกเลี่ยงการซื้อยารับประทานเอง
สัญญาณเตือนจากเสี่ยงบ่นเหล่านี้ ไม่ควรมองข้าม ซึ่งการตรวจสุขภาพเป็นประจำตามวงรอบจะช่วยจัดการปัญหาสุขภาพที่ถูกต้องให้กับผู้สูงวัยได้
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลสมิติเวช
วัคซีนโควิด19 จำเป็นกับผู้สูงอายุ ลดอาการแทรกซ้อนและเสียชีวิตได้
รายการตรวจสุขภาพที่จำเป็น ในวัย 50+ ให้ของขวัญผู้สูงอายุด้วยการใส่ใจ