อัตราป่วย“มะเร็งปอด” จากฝุ่น PM2.5 สูงขึ้น แนะกลุ่มเสี่ยงหลีกเลี่ยงพื้นที่โล่งแจ้ง
จากสถานการณ์ที่ค่าฝุ่น PM2.5 พุ่งสูง ทำให้หลายคนเกิดอาการแพ้ แสบจมูก คันยุบยิบตามตัว และที่สำคัญยังมีสารก่อมะเร็ง เนื่องจากมีองค์ประกอบทางเคมี อย่างปรอท แคดเมียม อาร์เซนิก หรือโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน
PM2.5 เสี่ยงมะเร็งปอด ?
ในอดีตเรามักคิดว่ามะเร็งปอดสัมพันธ์กับบุหรี่แต่ปัจจุบันจะเห็นว่าทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย คนที่ไม่สูบบุหรี่ก็ป่วยด้วยโรคมะเร็งปอดด้วยเช่นกันและเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ จากหลายๆสาเหตุ เช่น ใกล้ชิดกับคนที่สูบบุหรี่ หรือผู้สัมผัสสารพิษในโรงงานแร่ใยหิน หรือมีกรรมพันธุ์ก็อาจจะเกิดเป็นมะเร็งปอดขึ้นมาได้ เป็นต้น
ปัจจัยเหล่านี้เพิ่มความเสี่ยงประมาณ 2.5 เท่า หากเราไม่มีความเสี่ยงอะไรแต่เราอยู่ในสภาวะที่มี PM2.5 จะทำให้มีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปอดได้มากถึง 1-1.4 เท่า
สธ เตือนค่าฝุ่น PM2.5 แนวโน้มหนักกว่าปี 65 ขอกลุ่มเสี่ยงหลีกเลี่ยงที่โล่ง
ฝุ่น PM2.5 กระตุ้นภูมิแพ้-ปวดหัวไมเกรน อาการแพ้และวิธีการหลีกเลี่ยง
ซึ่ง PM2.5 เป็นสารก่อมะเร็งที่มีขนาดโมเลกุลเล็กเพียง 2.5 ไมครอน เล็กมากจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ดังนั้นเมื่อ PM2.5 ลอยเข้าไปในหลอดลมจนถึงปอด จะเข้าไปโดยที่เราไม่รู้สึกตัวและป้องกันไม่ได้ เมื่อเข้าไปในปอดแล้วก็จะทำให้เกิดการอักเสบ มีการกลายพันธุ์ของ DNA RNA หากร่างกายได้รับสาร PM2.5 ในปริมาณมากและยาวนานเกินไป ร่างกายต่อสู้ไม่ไหวจะทำให้กลายเป็นมะเร็งปอดได้ โดยมะเร็งที่พบสัมพันธ์กับ PM2.5 ก็คือเป็นชนิดอะดีโนคาร์ซิโนมา (Adenocarcinoma) หรือมะเร็งชนิดต่อม ซึ่งผู้หญิงมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดชนิดนี้ได้มากกว่าผู้ชาย ส่วนคนที่สูบบุหรี่อยู่แล้วเมื่อสูด PM2.5 เข้าไปจะเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งปอดจะทวีคูณขึ้นเป็น 2 เท่า
ด้านนพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เคยกล่าวไว้ว่า หากได้รับในปริมาณมากระยะยาวจะส่งผลให้เกิดโรคร้ายแรง ทั้งระบบหัวใจและหลอดเลือด และโรคมะเร็งได้ เมื่อฝุ่นเข้าสู่ร่างกาย นอกจากฝุ่น PM2.5 จะทำให้เกิดการอักเสบภายในร่างกายแล้ว ยังเข้าไปทำลายระบบต่าง ๆ ในเซลล์ของปอด ที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งปอดได้ในระยะยาว
โดยสำนักงานวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศ (IARC) ระบุว่า มลพิษอากาศโดยเฉพาะจาก PM2.5 ถูกจัดเป็นสารก่อมะเร็ง โดยองค์การอนามัยโลก ได้ประมาณการณ์ในปี 2559 ว่า ไทยมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดซึ่งมีสาเหตุมาจากมลพิษอากาศถึง 6,330 ราย สำหรับการเจ็บป่วยพบว่า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี โดยในปี 2563 พบรายงานผู้ป่วยมะเร็งปอด 122,104 ราย คิดเป็น 186.26 ต่อแสนประชากร
ข้อมูลจาก ศ.นพ.ชายชาญ โพธิรัตน์ จากหน่วยวิชาโรคระบบการหายใจ เวชบำบัดวิกฤตและภูมิแพ้ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุว่า แนวโน้มการเสียชีวิตในช่วงที่มีค่ามลภาวะทางอากาศสูงจากปี 2559-2562 เพิ่มขึ้นกว่า 200% นอกจากนี้จากการศึกษาขององค์การอนามัยโลกในส่วนของประเทศไทยพบว่า มีผู้เสียชีวิตจาก PM2.5 สูงเป็น 4 เท่าของการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุการจราจรทางบก
นอกจากนี้ PM2.5 ทำให้เกิดโรคอะไรได้?
- เกิดอาการไอ จาม หรือภูมิแพ้
- ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ฝุ่นอยู่แล้ว จะยิ่งถูกกระตุ้นให้เกิดอาการมากขึ้น
- เกิดโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง
- เกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจเรื้อรัง
- เกิดโรคปอดเรื้อรัง หรือมะเร็งปอด
แล้วแหล่งกำเนิดของฝุ่นพิษเกิดจากอะไร ?
แน่นอนว่า เป็นการยากที่เราจะหลีกเลี่ยงการหายใจเอาฝุ่นพิษเข้าไป นอกเสียจากการสวมหน้ากากอนามัยป้องกัน เพราะฝุ่นพิษนั้นเกิดจากหลายแหล่งรอบๆ ตัวเรา จากสถิติจะพบว่า... ฝุ่นพิษเกิดจาก
- การเผาในที่โล่ง ร้อยละ 54
- อุตสาหกรรมการผลิต ร้อยละ 17
- การคมนาคมขนส่ง ร้อยละ 13
- การผลิตไฟฟ้า ร้อยละ 9
- การประกอบกิจกรรมในที่อยู่อาศัยหรือธุรกิจการค้า ร้อยละ 7
วิจัยสหราชอาณาจักรพบ มลพิษทางอากาศ มีโอกาสนำไปสู่ “ภาวะซึมเศร้า”
วิธีรับมือกับฝุ่น PM 2.5
- สวมหน้ากากป้องกันฝุ่น N95 ซึ่งมีราคาสูงกว่าหน้ากากอนามัย
- ใช้หน้ากากอนามัยที่มีฟิลเตอร์ 3 ชั้น ซึ่งมักมีเขียนระบุบนผลิตภัณฑ์ว่าสามารถป้องกัน PM2.5 หรือใช้หน้ากากอนามัยธรรมดาแต่สวมทับ 2 ชั้นก็ได้
- พยายามหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งทุกชนิด
- ใช้เครื่องฟอกอากาศ เนื่องจากภายในอาคารอาจไม่ปลอดภัยจาก PM2.5 เสมอไป
- หัดล้างจมูก เพื่อป้องกันการตกค้างของฝุ่นละอองในอากาศ
ข้อมูลจากหลายหน่วยงานหลายสถาบันตอกย้ำว่า ฝุ่น PM2.5 เป็นสาเหตุที่มีความเชื่อมโยงกับการป่วยมะเร็งปอดและโรคอื่น ๆ ที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ฉะนั้นทุกหน่วยงานจึงต้องร่วมกันทำให้อากาศกลับมาสดใส เพื่อคุณภาพชีวิตของคนเมือง อีกทั้งเราเองก็ต้องป้องกันตนเองอย่างถึงที่สุดเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท , คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ สสส.
กรมควบคุมมลพิษ ยอมรับค่าฝุ่น PM 2.5 อยู่กับคนกรุงยาวไป ถึงวันที่ 7 ก.พ.
"ชัชชาติ" ย้ำ ยังไม่สั่งปิดโรงเรียน ยังรับมือป้องกันค่าฝุ่น PM 2.5 ได้