7 สิ่ง ทำลายตับเสี่ยง “มะเร็งตับ” อาหารและพฤติกรรมแบบไหนควรเลี่ยง
ตับเป็นอวัยวะขนาดใหญ่ที่สุดของร่างกาย หน้าที่หลักของตับคือการกรองเลือดที่มาจากทางเดินอาหารก่อนส่งผ่านไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย หากเกิดความผิดปกติเพียงเล็กน้อยอาจเกิดโรคตับแข็ง มะเร็งตับตามมาได้ ซึ่งสาเหตุมักเกิดจากการปล่อยให้ตับต้องเผชิญกับพฤติกรรมทำร้ายสุขภาพตับอยู่ทุกวัน
7 สิ่งที่ทำร้ายตับ สะสมนานวันยิ่งเสี่ยงโรคตับ
- ยา อาหารเสริม และสมุนไพร
หลายคนวางใจว่า เพราะฉลากจะระบุว่า “ธรรมชาติ” จึงมั่นใจว่าปลอดภัย แต่สมุนไพรบางชนิดก็อาจส่งผลถึงการทำงานของตับได้ ทั้งนี้ยังรวมถึงการกินอาหารเสริมหรือยาที่มากเกินความจำเป็น จนตับต้องทำงานหนักตลอดเวลา อาจส่งผลให้ตับอักเสบได้ ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ก่อนกินนะคะ
- สารเคมีและสารพิษ
ยาฆ่าแมลง สารเคมี และสารพิษบางชนิดหากเข้าสู่ร่างกายอาจเป็นสาเหตุของตับอักเสบได้
สัญญาณมะเร็งตับ ที่อาจคร่าชีวิตได้ใน 6 เดือน ใครบ้างกลุ่มเสี่ยง?
8 วิธีเลี่ยง “มะเร็งตับ” ใครบ้างเสี่ยง ? ควรตรวจสุขภาพแบบเจาะจง
อาทิ สารกำจัดศัตรูพืชพาราคว็อต และสารหนู ที่อาจปนเปื้อนมาในผักผลไม้ รวมถึงน้ำยาทำความสะอาดต่างๆ ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงผักผลไม้ปนเปื้อนยาฆ่าแมลง รวมถึงการล้างทำความสะอาดที่ถูกวิธี
- ไขมันส่วนเกิน
ไขมันที่เป็นส่วนเกินมักนำไปสู่โรค ไขมันพอกตับ ส่งผลให้ตับอักเสบเรื้อรัง จนนำไปสู่ภาวะตับแข็ง โดยเฉพาะในผู้ที่มีน้ำหนักเกิน เป็นโรคอ้วน หรือเป็นเบาหวาน ควรหันมาใส่ใจฟื้นฟูสุขภาพตับด้วยการหลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง รวมถึงอาหารที่มีไขมันทรานส์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อควบคุมน้ำหนัก สุขภาพดีห่างไกลโรคไม่ใช่แค่โรคตับ
- แอลกอฮอล์ และน้ำอัดลม
แน่นอนว่าทุกคนรู้ว่าการดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากเกินไปไม่ดีต่อสุขภาพตับ แต่ “มากเกินไป” คือแค่ไหน มาตรฐานการดื่มจึงกำหนดให้ ในผู้หญิง ปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ต่อวันคือ ไวน์ 5 ออนซ์ (มากกว่าครึ่งแก้วเล็กน้อย ) เบียร์ 12 ออนซ์ หรือเหล้า 1.5 ออนซ์ ส่วนคุณผู้ชายสามารถดื่มได้เป็น 2 เท่าต่อวัน ขณะที่น้ำอัดลม แม้การศึกษาไม่ได้พิสูจน์ว่าน้ำอัดลมเป็นสาเหตุสำคัญของตับอักเสบ แต่ก็พบว่าผู้ที่ดื่มน้ำอัดลมเป็นจำนวนมากมีแนวโน้มที่จะมีภาวะไขมันพอกตับได้มากขึ้นนั้นเองค่ะ
“มะเร็งตับ” ทำไมเสียชีวิตเร็ว? มีกี่ระยะ? อาการแบบไหน ควรพบแพทย์เร่งด่วน
- น้ำตาล
บางการศึกษายังแสดงให้เห็นว่าน้ำตาลอาจเป็นอันตรายต่อตับเช่นเดียวกับแอลกอฮอล์ การมีระดับน้ำตาลที่สูงทำให้เกิดการสะสมไขมันในตับจนกลายเป็นโรคไขมันพอกตับ แม้ในผู้ที่ไม่อ้วนก็ตาม
- เลือดและการมีเพศสัมพันธ์
การใช้เข็มซ้ำ ไม่ว่าในกรณีใด อาจส่งผลให้เกิดการติดต่อของโรคไวรัสตับอักเสบบี และ ไวรัสตับอักเสบซี ทั้งนี้ยังรวมถึงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อไวรัสตับแบบไม่ป้องกันด้วย รวมถึงการใช้แปรงสีฟัน กรรไกรตัดเล็บ หรือมีดโกนร่วมกับผู้อื่น หากมีการติดเชื้อแล้วอาจทำให้ป่วยเป็นตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง มะเร็งตับได้ในที่สุด
- ของทอด น้ำมันใช้ซ้ำ ปิ้งย่างไหม้เกรียม
อาหารเหล่านี้แม้ไม่ได้ส่งผลต่อตับโดยตรง แต่เป็นปัจจัยเสี่ยงท่ำให้เกิดมะเร็งในร่างหายส่วนอื่น ซึ่งสามารถลุกลามมายังตับได้ ฉะนั้นนานๆ กินที หรือเลี่ยงได้ก็เลี่ยง หมั่นทานผักผลไม้ที่สะอาดที่มีไฟเบอร์ เพื่อให้ร่างกายได้ขับสารพิษต่างๆออกมา ห่างไกลจากมะเร็งได้นะคะ
การดูแลสุขภาพตับ นอกจากการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงมะเร็งทำร้ายสุขภาพตับแล้ว การตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อหาภาวะตับอักเสบ ไขมันพอกตับ พังผืดในตับ ก็มีความสำคัญเพราะอาการโรคตับมักแสดงออกมาในระยะที่หนักมากแล้ว หากเราสามารถตรวจพบในเบื้องต้นสามารถรักษาได้ ดีกว่าปล่อยทิ้งไว้จนกลายเป็นตับแข็งหรือมะเร็งตับที่อัตราการรักษาหายขาดต่ำ อีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลสมิติเวช
“มะเร็งตับ-ตับแข็ง” จาก “ไวรัสตับอักเสบบี” เช็กสัญญาณเสี่ยงโรค
8 สัญญาณ “ไขมันพอกตับ”ภัยพฤติกรรมเลี่ยงละเลยอาจพ่วงมะเร็งตับ-ตับแข็ง