31 พฤษภาคม “วันงดสูบบุหรี่โลก” ชวนนักสูบลด ละ เลิก บุหรี่ทุกชนิด
เนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก(World No Tobacco Day) โดยในปี 2566 ไทยกำหนดคำขวัญ “บุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษ เสพติด อันตราย” เตือนภัยบุหรี่ทุกชนิด ทำลายสุขภาพทั้งตัวผู้สูบและคนรอบข้าง และเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคเรื้อรังในหลายระบบของร่างกาย
ตั้งแต่ปี 2531 เป็นต้นมา องค์การอนามัยโลกได้กำหนดให้ วันที่ 31 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันงดสูบบุหรี่โลก (World No Tobacco Day) เพื่อกระตุ้นให้ทุก ๆ ประเทศตระหนักถึงอันตราย และความสูญเสียทั้งทางสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคมที่เกิดจากการสูบบุหรี่ โดยในปี 2566 ประเทศไทย ได้กำหนดประเด็นรณรงค์ไว้ว่า “บุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษ เสพติด อันตราย”
รู้ถึงภัยของบุหรี่
- อัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจสูงขึ้นเป็น 2 เท่า
อาหารช่วยเลิกบุหรี่ อะไรควรกิน-ควรเลี่ยง? เลิกได้ไม่ทรมานแถมสุขภาพดี
“บุหรี่ไฟฟ้า” อันตรายน้อยกว่า-ช่วยเลิก “บุหรี่มวน”ได้จริงหรือไม่ ?
- อัตราเสี่ยงของการเกิดโรคถุงลมโป่งพองสูงขึ้นเป็น 6 เท่า
- อัตราเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งปอดสูงขึ้นเป็น 10 เท่า
สารอันตรายในบุหรี่ ควันบุหรี่จะประกอบไปด้วยสารเคมีที่มีอันตรายต่อสุขภาพกายของคนเราประมาณ 4,000 ชนิด ซึ่งแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ 3 กลุ่ม คือ
- กลุ่มแรกได้แก่ ทาร์ หรือ น้ำมันดิน หรือที่เห็นเป็นคราบบุหรี่ เป็นที่รวมของสารเคมีในกลุ่มของไฮโดรคาร์บอน ซึ่งจะรวมตัวเป็นสารที่มีความเหนียวติดอยู่กับเนื้อปอด และมีคุณสมบัติเป็นสารก่อมะเร็งโดยตัวของมันเอง นอกจากนี้ยังเป็นสารที่เร่งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง หากผู้สูบบุหรี่นั้นมีโรคมะเร็งอยู่ในร่างกายแล้ว
- กลุ่มที่สอง ได้แก่ นิโคติน ซึ่งจัดเป็นสารที่มีการกระตุ้นสมอง และประสาทส่วนกลางได้ในระยะแรก แต่ระยะต่อมาจะมีฤทธิ์กดระบบประสาท นอกจากนี้ยังทำให้เส้นเลือดหดตัว มีผลทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น กระตุ้นหัวใจให้เต้นเร็วขึ้นด้วย นิโคตินมีส่วนทำให้คนที่สูบบุหรี่อยากสูบอยู่เรื่อยๆ
- กลุ่มที่สาม ได้แก่ ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซค์ ซึ่งมีความเข้มข้นสูงในควันบุหรี่จะไปขัดขวางการรับออกซิเจนของเม็ดเลือดแดง และยังทำให้ไขมันพอกพูนตามผนังเส้นเลือดมากขึ้น ทำให้เส้นเลือดตีบ สายตาเสื่อม ลดประสิทธิภาพในการตัดสินใจ และลดการตอบสนองต่อเสียง ซึ่งเป็นอันตรายต่อคนขับรถ นักบิน และมีผลทำให้สมรรถภาพของนักกีฬาลดน้อยลง
อย่างไรก็ตามช่วงที่ผ่านมามีการเผยแพร่ความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การสูบบุหรี่ไฟฟ้าสามารถช่วยเลิกบุหรี่ได้ หรือ บุหรี่ไฟฟ้าอันตรายน้อยกว่าบุหรี่มวน แต่ในความเป็นจริงแล้วทั้งบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่มวน มีสารนิโคตินเหมือนกัน ซึ่งนิโคตินเป็นสารที่ทำให้เกิดการเสพติด และทำให้เกิดโรคสมองติดยาแบบเดียวกับที่เกิดในเฮโรอีนและยาบ้าได้ นอกจากสารนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้ายังมีสารปรุงแต่งกลิ่นรส ซึ่งทำให้ผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าเสพติดได้เช่นกัน การสูบบุหรี่ไฟฟ้าจึงไม่ได้ช่วยให้เลิกสูบบุหรี่มวนได้ แต่ผู้สูบจะเปลี่ยนจากการติดบุหรี่มวนมาติดบุหรี่ไฟฟ้าแทน และการสูบบุหรี่ไฟฟ้าก็ไม่ได้อันตรายน้อยกว่าการสูบบุหรี่มวน เพราะการสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีผลข้างเคียงได้เร็ว รวมถึงส่งผลต่อร่างกายทั้งหลอดเลือด สมอง หัวใจ ระบบการหายใจ เช่น หอบหืด ภูมิแพ้ จากการทดลองในหนู ที่หายใจเอาไอน้ำบุหรี่ไฟฟ้าเข้าสู่ปอด พบว่า เยื่อบุหลอดลมและถุงลมปอดเกิดการอักเสบและเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกับปอดของหนูที่ได้รับควันบุหรี่ธรรมดา ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงระยะแรกที่พบในโรคถุงลมโป่งพอง
อย่างไรก็ตามเนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก อยากให้ตระหนักถึงภัยของบุหรี่ทุกชนิดเป็นภัยเงียบที่ส่งผลกระทบต่อผู้สูบรวมไปถึงคนรอบข้าง เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคเรื้อรังในหลายระบบของร่างกาย เช่น โรคถุงลมโป่งพอง โรคมะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ โรคหัวใจและหลอดเลือด เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เป็นต้น
“ปอดทะลุ” ภัยที่นักสูบเลือกเองเผยสัญญาณเสี่ยง รักษาไม่ทันอันตรายถึงชีวิต
สามารถร่วมกิจกรรมโครงการสัปดาห์รณรงค์วันงดสูบบุหรี่โลกประจำปี 2566 ขึ้น เพื่อร่วมรณรงค์ ส่งเสริม กระตุ้นให้ผู้เข้ารับบริการ ประชาชนทั่วไป ตลอดจนบุคลากรของ สบยช. ตระหนักถึงโทษพิษภัยของบุหรี่ และมุ่งหวังให้เกิดการ ลด ละ เลิกการสูบบุหรี่ทุกชนิด โดยมีกิจกรรมให้ความรู้เรื่องโทษพิษภัยของบุหรี่โดยทีมสหวิชาชีพ คัดกรองและให้คำปรึกษาเพื่อเลิกบุหรี่ แจกน้ำยาอมอดบุหรี่พร้อมคำแนะนำแก่ผู้สนใจเลิกบุหรี่ การประกวดคำขวัญและจัดทำแผ่นพับของผู้ป่วย ซึ่งมีกำหนดจัดกิจกรรมระหว่างวันที่ 29 พฤษภาคม – 2 มิถุนายน 2566 ณ บริเวณชั้น 1 ตึกอำนวยการ สบยช.
หากประสบปัญหาเกี่ยวกับการเลิกบุหรี่ สามารถขอรับคำปรึกษาได้ที่ สายด่วนบำบัดยาเสพติด 1165 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.pmnidat.go.th หรือสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) กรมการแพทย์ จังหวัดปทุมธานีและโรงพยาบาลธัญญารักษ์ในส่วนภูมิภาคทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลธัญญารักษ์เชียงใหม่ โรงพยาบาลธัญญารักษ์แม่ฮ่องสอน โรงพยาบาลธัญญารักษ์ขอนแก่น โรงพยาบาลธัญญารักษ์อุดรธานี โรงพยาบาลธัญญารักษ์สงขลา และโรงพยาบาลธัญญารักษ์ปัตตานี หรือ ศูนย์บริการช่วยเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ 1600
ขอบคุณข้อมูลจาก : กระทรวงสาธารณสุขและโรงพยาบาลกรุงเทพ
“ปอดอักเสบ” ภาวะแทรกซ้อนอันตรายไข้หวัดใหญ่ ป้องกันได้!
“มะเร็งปอด” ที่ไม่ใช่แค่สูบบุหรี่กับ 7 สัญญาณเตือนโรคระยะแรก