หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท โรคใกล้ตัวที่ใครๆ ก็เป็นได้
โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท เป็นโรคที่พบได้บ่อยทั้งในวัยรุ่นและวัยผู้สูงอายุ โดยมีสาเหตุที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงอายุ
หมอนรองกระดูก คือเนื้อเยื่อชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่เหมือนตัวผ่อนแรงที่รองรับระหว่างกระดูกสันหลังสองชิ้น ในทุกๆ ครั้งที่มีการเคลื่อนไหว หมอนรองกระดูกจะทำหน้าที่รับน้ำหนักและรับแรงกระแทกระหว่างกระดูก ทำให้กระดูกสันหลังเคลื่อนไหวได้ เมื่ออายุมากขึ้นหรือใช้งานกระดูกสันหลังอย่างหนัก เช่น นั่งทำงานในท่าที่ไม่เหมาะสมนานๆ ยกของหนัก หมอนรองกระดูกก็จะเสื่อม มีการแตก หรือเคลื่อนหลุดออกมา ทำให้ไปกดทับเส้นประสาทของกระดูกสันหลังและอาจทำให้เกิดอันตรายต่อการเดินหรือการทรงตัวได้
อาการ
• ปวดที่ต้นคอร้าวลงมาที่แขน
• ปวดที่หลังร้าวลงมาที่ขา
• ปวดที่ต้นคอหรือหลังเรื้อรัง
โดยผู้ป่วยจะมีอาการปวดดังกล่าวอย่างใดอย่างหนึ่ง...เป็นระยะเวลานานๆ มากกว่า 14 วันขึ้นไปและไม่หายปวด
สาเหตุของโรคหมอนรองกระดูก
หมอนรองกระดูกจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
• กลุ่มวัยรุ่น โดยปกติแล้วหมอนรองกระดูกในวัยนี้จะยังแข็งแรงอยู่ ยกเว้นในกรณีที่ไปยกของน้ำหนักมากหรือเกิดอุบัติเหตุจนทำให้กระดูกสันหลังโดนกระแทกอย่างรุนแรง จึงมีโอกาสที่หมอนรองกระดูกจะแตกและปลิ้นออกมาได้
• กลุ่มคนที่อายุเยอะ ปกติหมอนรองกระดูกของคนเราจะเริ่มเสื่อมตอนอายุ 30 ปีขึ้นไป และเสื่อมลงไปเรื่อยๆ เมื่อมีอายุมากขึ้น เมื่อไรก็ตามที่เสื่อมแล้วมีการไปกดทับเส้นประสาทจะทำให้เกิดอาการปวด ชา และกล้ามเนื้ออ่อนแรงตามมา
นอกจากนี้ยังมีตัวกระตุ้นอื่นร่วมด้วย เช่น การนั่งทำงานนานๆ ด้วยท่าที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะคนทำงานออฟฟิศที่มักจะนั่งทำงานท่าเดิมนานๆ ติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี แม้จะไม่ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง แต่ก็ทำให้หมอนรองกระดูกเสื่อมได้เช่นกัน
การสูบบุหรี่ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้หมอนรองกระดูกเสื่อมได้เร็วขึ้น เพราะในบุหรี่มีสารเคมีที่มีผลต่อเส้นเลือด การสูบบุหรี่ในปริมาณมากและสูบติดต่อกันเป็นเวลานานจะกระตุ้นให้หมอนรองกระดูกเสื่อมเร็วกว่าเดิม
หลักพิจารณาเลือกวิธีรักษา “โรคหมอนรองกระดูก”
• กรณีอาการของคนไข้ไม่รุนแรงมาก แพทย์จะเลือกการรักษาด้วยการไม่ผ่าตัด เช่น รักษาด้วยการใช้ยา ทำกายภาพ ฝังเข็ม หรือฉีดยา แต่หากรักษาแล้ว 1-2 เดือนอาการปวดของคนไข้ไม่ดีขึ้น แพทย์จึงจะแนะนำให้ผ่าตัด
• หากคนไข้ที่มาด้วยอาการปวด อาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ มีอาการชา และมีการควบคุมการขับถ่ายผิดปกติ กรณีนี้แพทย์จะแนะนำให้เข้ารับการผ่าตัดเร่งด่วน เพราะยิ่งรักษาได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งเป็นผลดีต่อการฟื้นตัวของคนไข้
การรักษาโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
• รักษา...โดยหลีกเลี่ยงการผ่าตัด นวัตกรรมการรักษาหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ด้วยคลื่นวิทยุ (Radio Frequency / RF) การใช้คลื่นวิทยุเข้าไปสลายส่วนของหมอนรองกระดูกที่ปลิ้นออกมากดทับเส้นประสาทให้หายไป โดยใช้ตัวนำที่มีลักษณะคล้ายเข็มแทงลงไปยังบริเวณจุดที่เป็นสาเหตุของอาการปวด วิธีนี้คนไข้จะใช้เวลาพักฟื้นอยู่ที่ รพ.เพียงแค่ 1 คืนเท่านั้น นวัตกรรมการรักษาหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ด้วยการฉีดซีเมนต์ (Vertebroplasty) ในกรณีที่คนไข้มาด้วยอาการปวดอันเกิดจากกระดูกสันหลังทรุดตัว แพทย์จะใช้วิธีการรักษาด้วยการฉีดซีเมนต์เข้าไปยังข้อกระดูกสันหลังที่มีการทรุดตัว ซีเมนต์จะทำหน้าที่ในการซ่อมแซมข้อกระดูกสันหลังข้อดังกล่าวและส่งผลให้อาการปวดนั้นหายไป นวัตกรรมการระงับอาการปวดจากกระดูกทับเส้น ด้วยการฉีดยาบล็อคเส้นประสาท (Interventional Selective Nerve Root Block) แพทย์จะทำการฉีดยาที่มีคุณสมบัติในการลดอาการอักเสบเข้าไปยังจุดที่เป็นสาเหตุของอาการปวด ส่งผลให้อาการปวดดังกล่าวหายไป โดยการรักษาด้วยวิธีนี้คนไข้ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นที่ รพ.
• รักษา...โดยการผ่าตัดแผลเล็ก นวัตกรรมการผ่าตัดกระดูกหรือหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท แบบแผลเล็กด้วยกล้องขยายกำลังสูง (Microscopic Discectomy)แพทย์จะทำการผ่าตัดคนไข้ร่วมกับการใช้กล้องขยาย Microscopic ที่มีกำลังการขยายสูง ทำให้สามารถมองเห็นระบบประสาทภายในร่างกายของคนไข้ได้อย่างชัดเจน จึงรักษาได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิผลสูงสุด แผลมีขนาดเล็กเพียงแค่ 2.5 ซ.ม.เท่านั้น โดยการรักษาด้วยวิธีนี้คนไข้จะใช้เวลาในการพักฟื้นอยู่ที่ รพ. เพียงแค่ 1 คืน
- ผ่าตัดกระดูกหรือหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท แบบผ่านกล้อง (Endroscopic Discectomy)
แพทย์จะทำการผ่าตัดเพื่อเปิดแผลขนาดประมาณ 8 มิลลิเมตร ที่ข้างลำตัวของคนไข้ใกล้ๆ กับบริเวณที่เป็นสาเหตุของอาการปวด แล้วนำกล้อง Endroscopic ทรงกระบอกมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6 มิลลิเมตรสอดผ่านปากแผลเข้าไป และทำการผ่าตัดโดยมองผ่านจอภาพที่แสดงผลมาจากกล้อง วิธีการผ่าตัดในรูปแบบนี้คนไข้จะใช้เวลาพักฟื้นอยู่ที่ รพ.เพียงแค่ 1
- ผ่าตัดกระดูกหรือหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ด้วยเลเซอร์ผ่านกล้องใยแก้วนำแสงขนาดเล็ก (SELD)
แพทย์จะทำการนำกล้องใยแก้วนำแสงที่มีลักษณะคล้ายเข็ม ขนาดเพียงแค่ 1 มิลลิเมตร สอดผ่านเข้าไปที่บริเวณก้นกบของคนไข้เพื่อเข้าไปยังจุดที่มีการเสื่อมของหมอนรองกระดูก โดยแพทย์จะสามารถมองเห็นภายในร่างกายของคนไข้ได้อย่างชัดเจนผ่านจอภาพที่แสดงผลจากกล้อง และทำการผ่าตัดรักษาด้วยการใช้เลเซอร์ ซึ่งเลเซอร์นี้จะใช้สำหรับการผ่าตัดหมอนรองกระดูกสันหลังโดยเฉพาะ โดยแพทย์จะสามารถขยับกล้องขึ้นลงเพื่อทำการผ่าตัดรักษาหมอนรองกระดูกที่เสื่อมในจุดต่างๆ ได้อย่างอิสระโดยไม่จำเป็นต้องเปิดแผลใหม่! ทำให้แผลผ่าตัดมีขนาดเล็กเพียงแค่ 1 มิลลิเมตร คนไข้จึงใช้เวลาพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลเพียงแค่ 1 คืนเท่านั้น
หลังผ่าตัด..จะกลับมาเดินได้หรือเปล่า ?
ความเชื่อหนึ่งที่คนไข้โรคกระดูกสันหลังมักเป็นกังวลคือ เมื่อผ่าตัดเสร็จแล้วจะเดินไม่ได้ แม้อาการหลังการผ่าตัด เช่น อาการชา เส้นประสาทได้รับบาดเจ็บ หรือเดินไม่ได้ จะเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้จริง แต่ก็นับว่ามีเปอร์เซ็นต์น้อยมาก เนื่องจากปัจจุบัน เทคโนโลยีในการผ่าตัดก้าวหน้าไปมาก ทำให้การผ่าตัดทำได้แม่นยำ มีแผลที่เล็กลง และฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
โดยการฟื้นตัวของคนไข้นั้นจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาของอาการ เมื่อมีอาการที่เข้าข่ายว่าเป็นโรคหมอนรองกระดูกสันหลัง คนไข้ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อดูอาการทันที การปล่อยทิ้งไว้นานๆ จะทำให้เส้นประสาทตายและฟื้นตัวได้ช้า หรืออาจจะไม่ดีขึ้นอีกเลย ซึ่งถ้าคนไข้มีอาการอ่อนแรงมานานเป็นปีแล้วการผ่าตัดอาจจะไม่สามารถช่วยให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมได้ แต่หากเพิ่งอ่อนแรงมา 2-3 วัน และมาพบแพทย์เลยทันทีคนไข้กลุ่มนี้จะฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
ดูแลอย่างไรให้หมอนรองกระดูกแข็งแรง
หมอนรองกระดูกเป็นอวัยวะที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย เมื่อมีการใช้งานมากๆ ก็เสื่อมมากขึ้นทุกวัน ดังนั้น เพื่อให้หมอนรองกระดูกอยู่กับร่างกายเราไปนานๆ เราจึงต้องเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับหมอนรองกระดูกตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยวิธีเหล่านี้...
- กีฬาที่เหมาะเหมาะสมมากที่สุดก็คือการว่ายน้ำ ไม่เพียงสามารถเพิ่มกล้ามเนื้อที่บริเวณหลังได้ แต่ยังช่วยลดแรงกระแทกจากการออกกำลังกาย เพราะเวลาขยับร่างกายจะมีน้ำมาช่วยพยุงตลอด ทำให้ไม่ได้รับการบาดเจ็บที่รุนแรงมากจากการออกกำลังกาย
- สำหรับคนที่ว่ายน้ำไม่เป็น.. ต้องเลือกการออกกำลังกายที่เน้นสร้างกล้ามเนื้อที่หลัง เช่น การเล่นเวทเฉพาะส่วน โดยให้เทรนเนอร์ช่วยแนะนำวิธีการเล่นได้อย่างถูกต้อง หรืออาจจะเป็นการเล่นโยคะ พิลาทิส ที่นอกจากจะทำให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่นแล้วยังทำให้กล้ามเนื้อหลังแข็งแรงมากขึ้นด้วย
- สำหรับคนทำงานออฟฟิศที่ต้องนั่งโต๊ะทำงานเป็นเวลานาน แนะนำให้หาเวลาว่างยืดเส้นยืดสายหลายๆ ครั้งต่อวัน เพื่อเป็นการคลายกล้ามเนื้อและกระดูกสันหลังไม่ให้ยึดตึงจนเกินไป
รู้จัก“โรคลมชัก”อาการทางสมองที่มักถูกมองว่า“ผีเข้า”
ห่วงคนเมืองขาดวิตามินดี รู้สาเหตุช่วยเสริมแกร่งกันโรค
ขอบคุณข้อมุลสุขภาพจาก โรงพยาบาลพญาไท