6 กลุ่มเสี่ยงฮีทสโตรกผู้สูงอายุ-ดื่มแอลกอฮอล์ ทำไมถึงเสี่ยงมากกว่า?
ฮีทสโตรกคือภาวะที่ทุกคนเสี่ยงในหน้าร้อนที่มีอุณหภูมิสูง โดยเฉพาะ 6 กลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวังมากกว่าภาวะแทรกซ้อนอันตราย!
โรคลมแดด หรือ ฮีทสโตรก (Heat Stroke) จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน หากปล่อยไว้โดยไม่รักษาจะสามารถทำลายอวัยวะต่างๆ ได้ทันที รวมถึงสมอง หัวใจ ไต และกล้ามเนื้อ หากได้รับการรักษาล่าช้า ความเสียหายจะรุนแรงขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง ทุพพลภาพในระยะยาว หรืออาจถึงแก่ชีวิตได้
6 กลุ่มเสี่ยงสูงฮีทสโตรก
-
ผู้ที่ทำงานหรือทำกิจกรรมกลางแดด และเจออุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างกะทันหัน
-
เด็กเล็กและผู้สูงอายุ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้ดีการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิร่างกายจึงลดลง
เตือนภัยหน้าร้อน! ฮีทสโตรก เสี่ยงรุนแรงทำลายระบบสมอง! อันตรายถึงชีวิต
อากาศร้อนเสี่ยง “ฮีทสโตรก” ภาวะอันตรายเสี่ยงเสียชีวิตเฉียบพลันได้!

- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง โรคเรื้อรังบางอย่าง เช่น โรคหัวใจและโรคปอด ตลอดจนโรคอ้วนและการไม่ออกกำลังกายอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นลมแดด
- ผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ โดยร่างกายของคนอ้วนและผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอจะตอบสนองต่อความร้อนที่ได้รับช้ากว่าปกติ
- กินยาบางชนิด ที่ส่งผลต่อความสามารถของร่างกายในการรักษาความชุ่มชื้นและตอบสนองต่อความร้อนอย่างเหมาะสม เช่น ยาต้านอาการซึมเศร้า ยารักษาโรคจิต และยากระตุ้นจิต สารกระตุ้นที่ผิดกฎหมาย เช่น แอมเฟตามีนและโคเคนยังทำให้ผู้คนเสี่ยงต่อโรคลมแดดอีกด้วย
- ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะทำให้เส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังขยายตัวได้มากขึ้น ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่สูงกว่าคนที่ไม่ได้ดื่ม ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น หัวใจทำงานหนักเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย อาจทำให้ช็อกและเสียชีวิต
สัญญาณฮีทสโตรก
-
อุณหภูมิร่างกายสูงหลัก 40 องศาหรือสูงกว่า
-
สภาวะทางจิตหรือพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง เช่น สับสน กระสับกระส่าย หงุดหงิด เพ้อ ชัก และโคม่า
-
หายใจเร็วและหัวใจเต้นเร็ว
-
ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน
-
ผิวหนังแดงร้อนและแห้ง อย่างไรก็ตาม ในอาการฮีทสโตรกที่เกิดจากการออกกำลังกายอย่างหนัก ผิวหนังอาจรู้สึกชื้นเล็กน้อย
ภาวะแทรกซ้อนจากฮีทสโตรก
หากไม่รักษาฮีทสโตรกอย่างทันท่วงที อาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ขึ้นกับอุณหภูมิร่างกายที่สูงเป็นเวลานาน
- สมอง ชัก สมองบวม และเซลล์ประสาทถูกทำลายอย่างถาวร
- กล้ามเนื้อ การสลายของกล้ามเนื้อโครงร่าง (rhabdomyolysis)
- ไต การบาดเจ็บของไตเฉียบพลันที่เกิดจากการสลายตัวของกล้ามเนื้อโครงร่างที่ปล่อยสารเข้าสู่กระแสเลือด
- ตับ ความผิดปกติของตับเฉียบพลันที่เกิดจากการขาดน้ำและเลือดไปเลี้ยงตับน้อยลง
- หัวใจ: ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะและภาวะหัวใจล้มเหลวที่เกิดจากหัวใจทำงานหนักเกินไป
- ปอด ภาวะปอดร้ายแรงที่ทำให้ออกซิเจนในเลือดต่ำ (กลุ่มอาการหายใจลำบากเฉียบพลัน)
- ระบบการแข็งตัวของเลือด ภาวะเลือดออกผิดปกติ หรือลิ่มเลือดอุดตันในร่างกาย
เทคนิคออกกำลังกายฤดูร้อน ป้องกันฮีทสโตรก ลดการสูญเสียเหงื่อไม่จำเป็น!
การรักษาฮีทสโตรก
การปฐมพยาบาลเกี่ยวข้องกับการดำเนินการทันทีเพื่อลดอุณหภูมิร่างกายของผู้ที่ร้อนจัดขณะรอการรักษาฉุกเฉิน
- ให้ผู้ป่วยอยู่ในที่ร่มหรือในอาคารที่มีเครื่องปรับอากาศ
- ถอดเสื้อผ้าส่วนเกินหรือคับออก
- ทำให้ผู้ป่วยมีอุณหภูมิเย็นลงด้วยวิธีใดก็ตาม เช่น วางถุงน้ำแข็งหรือผ้าเย็นที่เปียกบนศีรษะ คอ รักแร้ และขาหนีบ วางผู้ป่วยในอ่างน้ำเย็นหรือฝักบัวเย็น แล้วฉีดน้ำขณะรอรถพยาบาล
สำคัญคือการปฐมพยาบาลคือ บุคคลที่ร้อนเกินไปจะต้องงดเว้นจากเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลหรือแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด เนื่องจากเครื่องดื่มเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงความสามารถของร่างกายในการควบคุมอุณหภูมิแกนกลาง นอกจากนี้ ต้องหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มเย็น ๆ เพราะอาจทำให้เส้นเลือดและกระเพาะอาหารตีบตัน ทำให้เกิดตะคริวที่ท้องได้
อย่างไรก็ตามสามารถป้องกันฮีทสโตรกได้ ด้วยการสวมเสื้อผ้าที่หลวมหรือบางเมื่อสัมผัสกับความร้อนหรือบริเวณที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวกป้องกันผิวไหม้แดดด้วยการสวมหมวกปีก แว่นกันแดด และทาครีมกันแดดที่มีค่ากันแดดอย่างน้อย SPF15จิบดื่มน้ำบ่อยๆ และให้เพียงพอเพื่อรักษาอุณหภูมิร่างกายให้ปกติปรึกษาแพทย์ประจำตัว เพราะยารักษาโรคบางชนิดที่ส่งผลต่อความสามารถของร่างกายในการควบคุมอุณหภูมิความร้อนหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก งดออกกำลังกายอย่างหนักในบริเวณที่ร้อน ชื้น หรืออากาศถ่ายเทไม่สะดวก ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ใช้เวลาให้น้อยที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลกรุงเทพ พัทยา และ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข
สธ. แนะวิธีปฐมพยาบาล “ฮีทสโตรก” คาดปีนี้อุณหภูมิจะสูงกว่าปีที่ผ่านมา!
“ฮีทสโตรก” อาการเป็นอย่างไร ? วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น ใครบ้างเสี่ยง