โนโรไวรัส (Norovirus) ยังไม่มียา-วัคซีนรักษา ระบาดมากในเด็กช่วงหน้าหนาว
อาการติดเชื้อท้องเสียที่ระบาดกันมากในเด็กตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายคนกังวลใจนั้น อาจไม่ได้มาจากเชื้อแบคทีเรีย แต่มีต้นเหตุจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า โนโรไวรัส (Norovirus) ที่ยังไม่มีวัคซีนหรือยาที่รักษาโดยตรง
โนโรไวรัส (Norovirus) ไวรัสที่ทำให้เกิดการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร ไวรัสชนิดนี้ระบาดได้ง่ายและรวดเร็วแม้ร่างกายได้รับเชื้อในปริมาณเพียงเล็กน้อย ที่สำคัญทนต่อความร้อนและน้ำยาฆ่าเชื้อต่าง ๆ ได้ดี ดังนั้นเมื่อเกิดการปนเปื้อนของโนโรไวรัสในอาหารและน้ำดื่ม จึงทำให้เกิดอาการท้องเสีย อาเจียน และสามารถติดต่อกันได้ง่าย เนื่องจากใช้เวลาเพียงไม่นานในการแพร่กระจายเชื้อ ไวรัสนี้พบระบาดได้มากในฤดูหนาว ติดต่อได้ง่ายในสภาพอากาศเย็น
อาการแบบไหน ? ควรกินยาแก้แพ้ เปิดสรรพคุณและผลข้างเคียงที่ต้องรู้
สธ.ห่วงโรคไอกรนรุนแรงในเด็กเล็ก ย้ำเข้มงวดสถานศึกษาคัดกรองควบคุมโรค

ทำให้เกิดโรคทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ อาการที่พบบ่อยหากได้รับเชื้อโนโรไวรัสภายใน 24 – 48 ชั่วโมง ได้แก่
- ถ่ายเหลวเป็นน้ำ ปวดท้อง
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ปวดศีรษะ
- มีไข้ต่ำ
- ปวดเมื่อยตามร่างกาย อ่อนเพลีย
ตรวจวินิจฉัยการติดเชื้อโนโรไวรัส ทำได้โดยการเก็บตัวอย่างอุจจาระเพื่อส่งตรวจพิเศษกับห้องปฏิบัติการ หากพบว่าติดเชื้อโนโรไวรัส แพทย์จะทำการดูแลรักษาตามอาการเป็นสำคัญ หากเด็กมีภูมิต้านทานที่ดีอาการจะดีขึ้นและหายได้เองภายใน 2 – 3 วัน
หากเด็กเกิดการขาดน้ำอาจทดแทนด้วยการดื่มน้ำเกลือแร่หรือการให้น้ำเกลือทางหลอดเลือด รับประทานอาหารอ่อน ๆ หรือให้ยาแก้อาเจียนและยาแก้ปวดท้อง แต่ถ้าเด็กภูมิต้านทานต่ำ มีอาการรุนแรงถึงขั้นถ่ายตลอดเวลาต้องนำส่งโรงพยาบาลทันทีและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะอาจเกิดการช็อก ความดันต่ำ และเสียชีวิตได้
การติดต่อของโรคเชื้อโนโรไวรัส
- รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อโนโรไวรัส พบบ่อยในน้ำดื่ม น้ำแข็ง ผักผลไม้สด หอยนางรม เป็นต้น
- เด็กจับหรือสัมผัสกับสิ่งของที่มีเชื้อโนโรไวรัสแล้วเอานิ้วเข้าปาก
- สัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง
6 โรคหน้าหนาวที่ควรระวังในเด็ก ที่เสี่ยงป่วยได้ง่ายเป็น 2 เท่า
ป้องกันระวังการติดเชื้อโนโรไวรัส
- ก่อนทานหรือหยิบจับอาหารและหลังเข้าห้องน้ำต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง
- การล้างมือให้สะอาดต้องล้างด้วยน้ำสบู่ โดยให้น้ำไหลผ่านไม่ต่ำกว่า 15 วินาที
- ดื่มน้ำที่สะอาด เลือกรับประทานอาหารที่สุก สะอาด สดใหม่
- เลี่ยงการหยิบจับหรือทำอาหารให้ผู้อื่น
- ใช้ช้อนกลางหากต้องรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น
เชื้อโนโรไวรัสสามารถติดต่อได้ง่ายและปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน รวมถึงยังไม่มียาที่กำจัดเชื้อไวรัสชนิดนี้โดยเฉพาะ และอาจรุนแรงได้ในเด็กที่มีภูมิต้านทานต่ำ การดูแลเรื่องอาหารและสุขอนามัย จึงสำคัญ
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลกรุงเทพ
ตาเข ตาเหล่ ในเด็ก รีบรักษาก่อนมี“ภาวะตาขี้เกียจ”อันตรายถึงขั้นตาบอดได้
อาหารป้องกันขาดวิตามินบี 1 แพทย์แนะบางชนิดควรเลี่ยงเพราะขัดขวางการดูดซึม