ระยะและชนิดมะเร็งปอด เผยวิจัยฝุ่นPM2.5 เพิ่มเสี่ยง 1.4 เท่าเทียบบุหรี่
มะเร็งปอด อีกหนึ่งสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของประชากรไทย ในระยะแรกมักจะไม่ค่อยมีอาการแสดง แต่จะมีสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเกิดโรคเมื่อมะเร็งเติบโตหรือเริ่มลุกลามแล้ว แพทย์เผยระยะชนิดและปัจจัยเสี่ยง วิจัยพบ PM2.5 ทำให้มีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปอดได้มากถึง 1-1.4 เท่า ซึ่งถือว่ามีความร้ายแรงเทียบเท่ากับการสูบบุหรี่
มะเร็งปอด เกิดจากการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติอย่างรวดเร็วและไม่สามารถควบคุมได้ จึงทำให้เกิดเป็นกลุ่มก้อนของเซลล์ที่ผิดปกติ ซึ่งจะสามารถตรวจพบได้เมื่อมีขนาดใหญ่ และแพร่กระจายเป็นจำนวนมากไปตามอวัยวะต่างๆ โดยมะเร็งปอดสามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่
มะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก (Small Cell Lung Cancer) เซลล์จะมีการเจริญเติบโตและแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วจึงทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตค่อนข้างเร็ว มะเร็งปอดชนิดนี้พบไม่มาก คือราว 10-15 %
วิจัยเผยไม่สูบบุหรี่ก็เป็นมะเร็งปอด กว่าครึ่งเป็นผู้หญิง เปิด 5 ปัจจัยเสี่ยง
สัญญาณมะเร็งปอดระยะแรก ไอเรื้อรังแบบไหนต้องรีบคัดกรองมะเร็ง

แบ่งได้เป็น 2 ระยะ คือ
- ระยะจำกัดขนาดมะเร็ง (Limited Stage) ในระยะนี้มะเร็งจะอยู่ในบริเวณปอดเท่านั้น
- ระยะการแพร่กระจาย (Extensive Stage) เป็นระยะที่มะเร็งได้มีการแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกายแล้ว
มะเร็งปอดชนิดไม่ใช่เซลล์เล็ก (Non-Small Cell Lung Cancer) มะเร็งปอดชนิดนี้จะมีการแพร่กระจายได้ช้ากว่า และถ้าหากตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกๆ จะสามารถรักษาให้หายได้โดยการผ่าตัด มะเร็งชนิดนี้พบได้ประมาณ 85-90% แบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือ
- ระยะที่ 1 พบมะเร็งเฉพาะที่บริเวณปอดเท่านั้น ไม่พบในต่อมน้ำเหลือง และยังไม่มีการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็
- ระยะที่ 2 แบ่งออกเป็น
- ระยะที่ 2A มะเร็งจะมีขนาดเล็กและพบว่ามีการแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองที่ขั้วปอด
- ระยะที่ 2B มะเร็งจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อยและแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองที่ขั้วปอด หรือเซลล์มะเร็งมีการแพร่กระจายไปยังบริเวณอื่น เช่น บริเวณผนังทรวงอก
- ระยะที่ 3 แบ่งออกเป็น
- ระยะที่ 3A เซลล์มะเร็งจะมีการแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองในบริเวณอื่นๆ ที่ห่างจากปอด หรือพบมะเร็งในต่อมน้ำเหลืองรอบๆ ปอด และเซลล์มะเร็งได้แพร่กระจายไปยังผนังทรวงอกหรือบริเวณกลางช่องอกแล้ว
- ระยะที่ 3B เซลล์มะเร็งจะแพร่กระจายไปที่ต่อมน้ำเหลืองอีกด้านของช่องอกหรือต่อมน้ำเหลืองเหนือกระดูกไหปลาร้า หรือมีเนื้องอกมากกว่า 1 ก้อนในปอด หรือเนื้องอกเจริญเติบโตในอีกด้านของช่องอก เช่น บริเวณหัวใจ หลอดอาหาร หรือมีของเหลวที่มีเซลล์มะเร็งอยู่รอบๆ ปอด
- ระยะที่ 4 ในระยะนี้มะเร็งได้มีการกระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกายแล้ว เช่น กระดูก ตับ สมอง
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งปอด
ถึงแม้ว่าในปัจจุบันยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งปอดได้ แต่มีปัจจัยบางประการที่อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งปอดได้ เช่น
- การสูบบุหรี่ เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดมะเร็งปอด รวมถึงมะเร็งชนิดอื่นๆ ได้ โดยผู้ที่สูบบุหรี่จะมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งปอดมากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่
- ควันบุหรี่ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้สูบบุหรี่ แต่การได้รับควันบุหรี่จากการสูดหายใจเข้าไปจะทำให้มีสารพิษตกค้างซึ่งอาจก่อให้เกิดมะเร็งได้
- การทำงานในอุตสาหกรรมที่มีสารก่อมะเร็ง การสัมผัสสารก่อมะเร็ง เช่น โครเมียม แร่เรดอน นิกเกิล เป็นต้น
- สภาวะแวดล้อมที่มีฝุ่นละอองพิษ เช่น ฝุ่น PM2.5 จากการศึกษาพบว่า PM2.5 ทำให้มีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปอดได้มากถึง 1-1.4 เท่า ซึ่งถือว่ามีความร้ายแรงเทียบเท่ากับการสูบบุหรี่
- พันธุกรรม โรคมะเร็งปอดไม่ได้ถ่ายทอดทางพันธุกรรมโดยตรง แต่พบว่า หากมีประวัติบุคคลในครอบครัวเป็นมะเร็งปอดตั้งแต่อายุน้อย สมาชิกในครอบครัวก็มีความเสี่ยงที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน
อาการของโรคมะเร็งปอด
- ไอเรื้อรัง และไอมีเสมหะปนเลือด
- หายใจสั้น หายใจมีเสียงหวีด เจ็บหน้าอกตลอดเวลา
- หายใจลำบาก หอบเหนื่อย เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย
- ปอดติดเชื้อบ่อย
- เสียงแหบ เสียงเปลี่ยน
- น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
เราทุกคนควรหมั่นดูแลสุขภาพ และพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพหรือคัดกรองโรคเป็นประจำทุกปี และเนื่องจากโรคมะเร็งปอดมักจะไม่ค่อยมีอาการแสดงออกในช่วงระยะแรก ดังนั้นการตรวจคัดกรองจึงให้ประโยชน์ทั้งในแง่การเฝ้าระวังและการรักษา เพราะเป็นมะเร็งที่สามารถรักษาให้หายได้หากพบเร็ว
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลเปาโล เกษตร
กลไก “สารอักเสบเรื้อรัง” ทำลายสมองของฝุ่น PM2.5 กระทบเนื้อสมองสีขาว
แพทย์เผยฝุ่น PM2.5 กระทบสมองโดยตรง เสี่ยงอัลไซเมอร์เพิ่ม 3 เท่า