ฮีทสโตรก แพทย์เผยภาวะเดียวนำสู่ความเสี่ยงมากมายอันตรายได้ถึงชีวิต
ฮีทสโตรก หรือโรคลมแดด เกิดจากร่างกายที่เจอความร้อนมากเกินไป อันตรายอย่างมากโดยเฉพาะหน้าร้อนเมืองไทย ภาวะเดียวที่นำไปสู่ความเสี่ยงสุขภาพมากมาย เสี่ยงอันตรายไตวายเฉียบพลัน ภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรง นำไปสู่อันตรายถึงชีวิต
ประเทศไทยที่มีอากาศร้อนจัด ตลอดทั้งปีทำให้หลายคนคุ้นเคยกับโรคฮีทสโตรก หรือโรคลมแดด ที่มักจะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายเจอกับความร้อนมากเกินไป โดยเฉพาะช่วงหน้าร้อนที่แสงแดดยิ่งทวีคูณอันตรายความร้อนขึ้นไปอีก อันตรายอย่างมากกับคนที่ออกกำลังกาย หรือทำงานที่ออกแรงกลางแจ้ง และกลุ่มเปราะบาง เพราะเมื่อร่างกายได้รับความร้อนอย่างต่อเนื่อง อุณหภูมิสูงขึ้น บวกกับเจออากาศที่ไม่ถ่ายเท ยิ่งทำให้มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ได้ง่ายมาก
Freepik/eugeneshemyakin9
ฮีทสโตรก

ฮีทสโตรกมี 2 ประเภท
- Exertional Heat Stroke โรคลมแดดที่เกิดจากการออกกำลังกาย
เกิดจากการออกกำลังกายหรือใช้แรงงานหนักเกินไป โดยเฉพาะในช่วงอากาศร้อน อาการมีความคล้ายกับฮีทสโตรกแบบทั่วไป แต่ต่างกันที่ผู้ป่วยมักมีจะเหงื่อออกมากผิดปกติ ซึ่งฮีทสโตรกประเภทนี้ส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ไตวายเฉียบพลัน รวมถึงอาการอื่น ๆ และความรุนแรงอาจถึงขั้นชัก หรือหมดสติได้
- Classic Heat Stroke โรคลมแดดที่ไม่ได้เกิดจากการออกกำลังกาย
เป็นฮีทสโตรกประเภทที่มักเกิดขึ้นในช่วงที่อากาศร้อนจัด โดยเฉพาะในช่วงที่มีคลื่นความร้อนสูง และเมื่ออยู่อาศัยในที่ที่ปิดทึบ ไม่มีการระบายอากาศที่ดีพอ ผู้ที่เสี่ยงต่อภาวะนี้มากที่สุดคือผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคเรื้อรังเนื่องจากอาจมีความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลางที่เข้ามามีผล ทำให้เกิดอันตรายหากไม่ได้รับการช่วยเหลือทันเวลา
ฮีทสโตรก โรคเดียวนำสู่ความเสี่ยงมากมายกับร่างกาย
อาการโดยทั่วไปของผู้ที่เป็นฮีทสโตรก คือ ร่างกายจะมีอุณหภูมิสูงผิดปกติ หากเกิดจากอากาศร้อนจัด ผิวจะมีความร้อน และแห้ง หรือมีเหงื่อออกมากเมื่อเกิดจากการออกกำลังกาย หายใจเร็ว ตื้นขึ้น ใจเต้นเร็ว คลื่นไส้ อาเจียน และมีอาการปวดหัวรุนแรง แต่นอกจากอาการที่เกิดเหล่านี้ ฮีทสโตรกยังมาพร้อมอันตรายต่อหลาย ๆ ส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น
- สมอง เมื่อร่างกายมีอุณหภูมิสูงเกิน 40 องศา และระบายความร้อนไม่ทันจากอาการของโรคฮีทสโตรกอาจทำให้เกิดการมึนงง หมดสติ หรือชัก และหากไม่ได้รับการรักษาทันเวลา อาจทำให้สมองเสียหายแบบถาวรได้
- หัวใจ หัวใจเต้นผิดจังหวะ และเร็วกว่าปกติ เนื่องจากร่างกายพยายามระบายความร้อน ส่งผลให้เกิด ภาวะหัวใจล้มเหลวจากการที่หัวใจทำงานหนักเกินไป
- ไต เกิดการขาดน้ำอย่างรุนแรงจากฮีทสโตรก ส่งผลให้ไตทำงานผิดปกติ และอาจเกิดภาวะไตวายเฉียบพลันตามมาได้
- ปอด อาจเกิดภาวะปอดอย่างรุนแรง ทำให้ระดับออกซิเจนในเลือดต่ำกว่าปกติ
- ตับ เกิดการทำงานที่ผิดปกติ เนื่องจากภาวะขาดน้ำ และเลือดไปเลี้ยงตับไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
ฮีทสโตรก โรคที่ไม่ได้เกิดแค่ในเด็กหรือผู้สูงอายุ
ฮีทสโตรก เป็นโรคที่มักจะเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ หรือเด็กเป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่ออยู่ในที่ที่มีอากาศร้อนจัด ไม่มีการระบายความร้อน หรือไม่ได้ดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเป็นฮีทสโตรกกันได้ทั้งนั้น โดยจะมี 7 กลุ่มหลัก ที่มีความเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป และควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ดังนี้
- ผู้ที่ทำงาน หรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น การออกกำลังกาย งานก่อสร้าง งานรักษาความปลอดภัย หรืองานดูแลความสะอาดตามท้องถนน เป็นต้น คนกลุ่มนี้มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดฮีทสโตรก เนื่องจากต้องเผชิญกับสภาพอากาศร้อนเป็นเวลานาน
- เด็กเล็ก และผู้สูงอายุ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้เท่าช่วงคนวัยหนุ่ม – สาว
- คุณแม่ตั้งครรภ์ เพราะอากาศร้อนจัดส่งผลให้เส้นเลือดขยายตัวได้ไว ทำให้คุณแม่ที่ตั้งครรภ์เป็นลมได้ง่ายขึ้นและอาจนำไปสู่ภาวะฮีทสโตรกได้หากร่างกายสูญเสียน้ำมากเกินไป
- ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก เนื่องจากการมีชั้นไขมันปิดกั้นการระบายความร้อนของร่างกายออกไปได้ยาก
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง โรคหัวใจ และผู้ที่ใช้ยาบางชนิด โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ควรระวัง และดูแลตัวเองเป็นพิเศษ เพราะอาจเสี่ยงต่อฮีทสโตรกได้มากกว่าคนทั่วไป
- ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้เส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังขยายตัวมากขึ้นร่างกายจึงสูญเสียน้ำ และเกลือแร่ได้รวดเร็ว ซึ่งเป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อฮีทสโตรก
- ผู้ที่ไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ เนื่องจากร่างกายอาจตอบสนองต่อความร้อนได้ช้า ทำให้ความร้อนสะสมในร่างกายเยอะ ทำให้เกิดอาการของโรคได้ง่าย
ป้องกันฮีทสโตรก
- รักษาอุณหภูมิร่างกายให้เป็นปกติ โดยการดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดฮีทสโตรก
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแดด หรือถ้าไม่สามารถเลี่ยงได้ก็ควรปกป้องตัวเองจากฮีทสโตรก และความร้อนด้วยการทาครีมกันแดด ใส่หมวกปีกกว้าง รวมถึงใส่เสื้อผ้าที่ทำจากผ้าที่ระบายอากาศได้ดี อย่างผ้าลินิน ไหม ฝ้าย หรือใส่เสื้อที่สามารถกัน UV ได้เมื่อออกไปกลางแจ้ง
- ไม่อยู่ในที่ที่อากาศไม่ถ่ายเท เช่นในรถที่จอดกลางแจ้ง หรือในห้องที่ไม่มีอากาศหมุนเวียน หรือการระบายอากาศที่ดีพอ
- ระวังการใช้ยาบางชนิด ที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อการรักษาความชุ่มชื้นของร่างกาย และการระบายความร้อน ซึ่งอาจเพิ่มโอกาสในการเกิดฮีทสโตรก ได้ ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ และเฝ้าระวังอาการของตัวเองด้วยอีกทาง
ในช่วงที่กำลังจะเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนแบบนี้ควรสังเกตตัวเอง และคนรอบตัว ว่ามีอาการผิดปกติใด ๆ หรือไม่ ถ้าหากเจอสถานการณ์ที่มีผู้ป่วยฮีทสโตรก สามารถปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้ด้วยการรีบนำผู้ป่วยเข้าในที่ร่ม ที่ที่มีอากาศถ่ายเท จัดท่าให้นอนหงาย ยกขาขึ้นสูง เพื่อให้เลือดไหลเวียนมาสู่สมอง คลายเสื้อผ้าเพื่อระบายความร้อนและนำผ้าชุบน้ำเย็นมาประคบเย็นเพื่อระบายความร้อน รวมถึงให้ดื่มน้ำเย็น ถ้าคนไข้มีอาการซึม หมดสติ และไม่รู้สึกตัว ควรรีบนำตัวไปส่งโรงพยาบาลในทันที
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท 1