“แผลกดทับ” ผู้ป่วยติดเตียงนอนท่าเดิมเป็นเวลานาน อันตรายกว่าที่คิด!
แพทย์เผย “แผลกดทับ” ปัญหาใหญ่ของผู้ป่วยติดเตียงที่เกิดจากการนอนท่าเดิมเป็นเวลานาน แนะ 4 ระยะของแผลกดทับ วิธีขยับเปลี่ยนท่าลดปัญหาบั่นทอนสุขภาพ และการล้างแผลกดทับอย่างถูกต้อง
ปัญหาใหญ่และมักพบในผู้ป่วยติดเตียง คือ แผลกดทับ (Pressure Sore Wound หรือ Bed Sore Wound) คืออาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นบริเวณผิวหนัง และเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง จากการที่มีแรงกดทับต่อเนื้อเยื่อเป็นระยะเวลานาน ซึ่งส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดในบริเวณนั้นลดลง ทำให้เนื้อเยื่อขาดออกซิเจนและค่อยๆ ตายลง
4 ระยะของแผลกดทับ
การประเมินระยะของแผลกดทับที่ถูกต้องจะช่วยให้เกิดการดูแล หรือได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการลุกลามและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

- ระยะที่ 1 ผิวหนังมีรอยแดงที่ไม่จางหายเมื่อกดไปยังบริเวณแผล ผิวหนังยังไม่ฉีกขาดและอาจจะมีอาการเจ็บปวดเล็กน้อย การตรวจพบแผลในระยะนี้สำคัญมาก เพราะสามารถป้องกันไม่ให้แผลลุกลามไปยังระยะที่รุนแรงได้
- ระยะที่ 2 ผิวหนังเริ่มมีการเสียหายบางส่วน แผลจะมีลักษณะเป็นแอ่งตื้นๆ แห้ง หรือเป็นตุ่มน้ำพอง
- ระยะที่ 3 แผลลึกลงถึงชั้นไขมัน มีการสูญเสียผิวหนังทั้งหมด อาจพบเนื้อตายสีเหลือง รวมถึงอาจมีโพรงใต้ผิวหนัง แผลในระยะนี้มีความรุนแรงมากขึ้น ต้องระวังเรื่องการติดเชื้อ และการลุกลามเป็นพิเศษ
- ระยะที่ 4 แผลลึกถึงกระดูก เอ็น หรือกล้ามเนื้อ มีการสูญเสียผิวหนังทั้งหมด โดยอาจพบเนื้อตายสีเหลืองหรือสีดำ เสี่ยงต่อการติดเชื้อที่กระดูก (osteomyelitis) และมักจะพบโพรงใต้ผิวหนัง ความรุนแรงของแผลในระยะนี้ อาจทำให้ผู้ป่วยเจ็บปวดรุนแรง และต้องการการรักษาอย่างเร่งด่วน
ใครบ้างที่เสี่ยงเป็นแผลกดทับ?
บริเวณที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดแผลกดทับ จะเป็นจุดที่กระดูกกดทับผิวหนัง และต้องรองรับน้ำหนักโดยตรงหรือมีแรงกดซ้ำๆ ในบริเวณนั้น มักเกิดกับผู้ป่วยติดเตียงที่ต้องนอนอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานาน ซึ่งท่านอนแต่ละท่าส่งผลต่อการเกิดแผลกดทับได้ ดังนี้
- นอนหงาย ทำให้เกิดแผลที่ส้นเท้า ก้นกบ หลัง สะโพกด้านหลัง และท้ายทอย
- นอนตะแคง ทำให้เกิดแผลที่สะโพกด้านข้าง ก้นกบ ข้อศอก และข้อเข่า
- นอนคว่ำ ทำให้เกิดแผลที่กระดูกไหปลาร้า และข้อเข่า
วิธีป้องกันการเกิดแผลกดทับในผู้ป่วยติดเตียง
นอกจากการเปลี่ยนท่าอย่างน้อยทุกๆ 1-2 ชั่วโมง เพื่อลดแรงกดทับ และกระตุ้นการไหลเวียนเลือดแล้ว ผู้ป่วยควรได้รับการบริหารหรือขยับส่วนต่างๆ ของร่างกาย ดังนี้
- ขยับมือ ให้กางนิ้วมือแต่ละนิ้วออก นับ 1-20 ทำทั้งสองข้าง
- ขยับแขน ให้จับข้อศอก และข้อมือของผู้ป่วย แล้ววาดแขนออกด้านข้าง และหมุนไปเหนือศีรษะค้างไว้ 20 วินาที แล้วหมุนลง
- ขยับข้อศอก โดยพับแขนของผู้ป่วยเข้าหาตัวและค้างไว้นับ 1-20 แล้วคลายออก
- ขยับสะโพกและขา โดยจับใต้ข้อพับและบริเวณส้นเท้าของผู้ป่วย กางขาออกประมาณ 45 องศา แล้วหุบเข้า
- ขยับข้อเท้า โดยจับหน้าแข้ง และฝ่าเท้าของผู้ป่วย ดันฝ่าเท้าขึ้นเข้าหาตัวผู้ป่วยแล้วดันลง
- ขยับลำตัว ให้ผู้ป่วยชันเข่าทั้งสองข้าง หมุนเข่าทั้งสองข้างไปแตะเตียงทางด้านซ้ายและขวา ทำซ้ำประมาณ 20 รอบ
วิธีลดแรงกดทับ
- ใช้หมอนรอง โดยวางหมอนรองบริเวณที่มีน้ำหนักกดทับ เช่น ศีรษะ คอ หลัง สะโพก ส้นเท้า และข้อศอก
- ใช้ที่นอนลม เพื่อกระจายน้ำหนักผู้ป่วย และลดแรงกดทับ โดยมีระบบปั๊มลมไฟฟ้าที่สลับการยุบพองของที่นอนอย่างต่อเนื่อง แต่ควรระวังในผู้ป่วยที่มีปัญหาผิวหนังบาง อาจทำให้เกิดการเสียดสีมากขึ้น
- ใช้เบาะรองแบบ Memory Foam หรือ Silicone Gel ช่วยกระจายน้ำหนักและลดแรงกดทับ ทำให้ผิวหนังได้รับออกซิเจนมากขึ้น และระบายอากาศได้ดี
วิธีล้างแผลกดทับอย่างถูกต้อง
การล้างแผลกดทับเป็นขั้นตอนสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อ และเร่งการสมานแผล มีขั้นตอนดังนี้
- ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจล
- หากแผลไม่รุนแรง ให้ใช้น้ำเกลือ 9% เช็ดทำความสะอาดแผลจากด้านในวนออกด้านนอก ห่างจากขอบแผลประมาณ 1 นิ้ว กรณีเป็นแผลลึกหรือมีโพรงให้ใช้กระบอกฉีดยาฉีดน้ำเกลือล้างโพรงแผล 2-3 ครั้ง จนสะอาด
- หลีกเลี่ยงการใช้แอลกอฮอล์ เบตาดีน หรือไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ เพราะอาจทำให้เนื้อเยื่อใหม่ถูกทำลาย หรือเกิดการระคายเคือง
- ทายาตามคำแนะนำของแพทย์ ซึ่งแผลกดทับแต่ระยะจะมียาที่แตกต่างกัน
- เลือกวัสดุปิดแผลที่เหมาะกับสภาพแผล เช่น แผลมีของเหลวมาก ควรใช้วัสดุปิดแผลที่ดูดซับได้ดี เช่น Silicone Foam Dressing หรือ Polyurethane Foam Dressing
- เปลี่ยนผ้าพันแผลบ่อยๆ และควรเปลี่ยนทันทีเมื่อมีน้ำเหลืองซึมหรือปนเปื้อนสิ่งสกปรก
นอกจากวิธีการที่กล่าวมา ยังควรรักษาสุขอนามัยของผิวหนังให้แห้งและสะอาด กินอาหารโปรตีนสูง วิตามิน A, C, และ E ซึ่งช่วยในการสมานแผล ดื่มน้ำให้เพียงพอ และตรวจสอบผิวหนังของผู้ป่วยทุกวัน โดยเฉพาะบริเวณที่มีแรงกดสูง หากพบรอยแดงที่ไม่จางหาย ให้รีบลดแรงกดในบริเวณนั้นทันที
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท พหลโยธิน