ดัชนีความร้อน ยิ่งสูงยิ่งอันตราย เสี่ยงฮีทสโตรก งดทำกิจกรรมกลางแจ้ง
ค่าดัชนีความร้อน (Heat Index) สิ่งที่ควรรู้หน้าร้อนนี้ที่มีอุณหภูมิสูงมากเกือบทุกวัน แนะลดการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ช่วง 11.00-15.00 น. ป้องกันฮีทสโตรก(Heatstroke)
ค่าดัชนีความร้อน (Heat Index) คือ ค่าที่ใช้วัดความรู้สึกของอุณหภูมิที่ร่างกายมนุษย์รู้สึกจริง ๆ เมื่อรวมเอา อุณหภูมิอากาศ และ ความชื้นสัมพัทธ์ เข้าด้วยกัน เหมาะสำหรับบ่งชี้ความเสี่ยงที่ร่างกายจะได้รับผลกระทบจากความร้อนมากกว่าค่าอุณหภูมิสูงสุด เพื่อลดผลกระทบจากอากาศร้อน อาทิ อ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ ผื่นบวมแดง ตะคริว และฮีทสโตรก (Heatstroke) เป็นต้น โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ เด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว รวมไปถึงผู้ที่ต้องทำงาน ออกกำลังกายกลางแจ้งเป็นเวลานาน

ค่าดัชนีความร้อน (องศาเซลเซียส)
- 27-32.9 องศาเซลเซียส
- ระดับเฝ้าระวัง ความเมื่อยล้าที่อาจเกิดขึ้น ได้เป็นเวลายาวนานเมื่อได้มีการสัมผัสกับอากาศที่ร้อนอาจเกิดอาการปวดแสบปวดร้อน ลดการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ช่วง 11.00-15.00 น.
- 32-41 องศาเซลเซียส
- ระดับเตือนภัย เตือนระวังต่อเนื่อง การทำกิจกรรมต่อเนื่องกลางแดดอาจเสี่ยงฮีทสโตรกได้ ลดการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ช่วง 11.00-15.00 น.
- 41-54 องศาเซลเซียส
- ระดับอันตราย ระวังอ่อนเพลีย เมื่อยล้า ฮีทสโตรก กลุ่มเสี่ยงควรระวัง
- มากกว่า 54 องศาเซลเซียส
- ระดับอันตรายมาก หากอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน เสี่ยงฮีทสโตรกสูงมาก งดทำกิจกรรมกลางแจ้งโดยเด็ดขาด
ชวนรู้จักฮีทสโตรก
ฮีทสโตรก (Heat Stroke) เป็นภาวะฉุกเฉินที่เกิดจากร่างกายมีความร้อนสูงเกินไป มักเป็นผลมาจากการสัมผัสหรือออกแรงทางกายภาพเป็นเวลานานในอุณหภูมิสูง ฮีตสโตรกสามารถเกิดขึ้นได้หากอุณหภูมิของร่างกายสูงถึง 40 ‘C (104’ F) หรือสูงกว่า ซึ่งถือได้ว่าเป็นอาการป่วยจากความร้อนที่ร้ายแรงที่สุด อาการนี้มักเกิดในช่วงที่อากาศร้อนหรืออากาศชื้น
ฮีตสโตรกจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน หากปล่อยไว้โดยไม่รักษาจะสามารถทำลายอวัยวะต่างๆ ได้ทันที รวมถึงสมอง หัวใจ ไต และกล้ามเนื้อ หากได้รับการรักษาล่าช้า ความเสียหายจะรุนแรงขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง ทุพพลภาพในระยะยาว หรืออาจถึงแก่ชีวิตได้
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดฮีทสโตรกหรือโรคลมแดด
- อายุ ในเด็กหรือผู้สูงอายุความสามารถในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิร่างกายจะลดลง นอกจากนี้ ทั้งสองกลุ่มอายุมักจะมีปัญหาในการคงความชุ่มชื้น
- โรคประจำตัวบางอย่าง: โรคเรื้อรังบางอย่าง เช่น โรคหัวใจและโรคปอด ตลอดจนโรคอ้วนและการไม่ออกกำลังกายอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นลมแดด
- ยาบางชนิด ส่งผลต่อความสามารถของร่างกายในการรักษาความชุ่มชื้นและตอบสนองต่อความร้อนอย่างเหมาะสม ยาเหล่านี้รวมถึงยาขยายหลอดเลือด ยาขับปัสสาวะ และยาทางจิตเวช เช่น ยาต้านอาการซึมเศร้า ยารักษาโรคจิต และยากระตุ้นจิต สารกระตุ้นที่ผิดกฎหมาย เช่น แอมเฟตามีนและโคเคนยังทำให้ผู้คนเสี่ยงต่อโรคลมแดดอีกด้วย
- การสัมผัสกับสภาพอากาศที่ร้อนจัดอย่าง
- อุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างกะทันหัน ผู้คนจะเป็นโรคลมแดดได้ง่ายขึ้นหากพวกเขาสัมผัสกับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน เช่น ในช่วงต้นฤดูร้อน คลื่นความร้อน หรือเมื่อพวกเขาเดินทางไปยังที่ที่มีอากาศร้อนจัด อันเนื่องมาจากโรคลมแดด
สัญญาณและอาการฮีทสโตรก
- อุณหภูมิร่างกายหลัก 40 ‘C หรือสูงกว่า
- สภาวะทางจิตหรือพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง เช่น สับสน กระสับกระส่าย หงุดหงิด เพ้อ ชัก และโคม่า
- หายใจเร็วและหัวใจเต้นเร็ว
- ปวดศีรษะ
- คลื่นไส้อาเจียน
- ผิวหนังแดงร้อนและแห้ง อย่างไรก็ตาม ในอาการฮีทสโตรกที่เกิดจากการออกกำลังกายอย่างหนัก ผิวหนังอาจรู้สึกชื้นเล็กน้อย
การป้องกันฮีทสโตรก
- สวมเสื้อผ้าที่หลวมหรือบางเมื่อสัมผัสกับความร้อนหรือบริเวณที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก
- ป้องกันผิวไหม้แดดด้วยการสวมหมวกปีก แว่นกันแดด และทาครีมกันแดดที่มีค่ากันแดดอย่างน้อย SPF15
- จิบดื่มน้ำบ่อยๆ และให้เพียงพอเพื่อรักษาอุณหภูมิร่างกายให้ปกติ
- ปรึกษาแพทย์ประจำตัว เพราะยารักษาโรคบางชนิดที่ส่งผลต่อความสามารถของร่างกายในการควบคุมอุณหภูมิความร้อน
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก งดออกกำลังกายอย่างหนักในบริเวณที่ร้อน ชื้น หรืออากาศถ่ายเทไม่สะดวก ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ใช้เวลาให้น้อยที่สุด
พยากรณ์ค่าดัชนีความร้อนรายวันได้ที่นี้ : อุตุนิยมวิทยา
ขอบคุณข้อมูลจาก: โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา , กรมอุตุนิยมวิทยา, กรุงเทพมหานคร