กินอาหารครบ 3 มื้อ ก่อนบ่าย 3 สูตรลดน้ำหนักดีต่อสุขภาพ
"กินน้อยตายยาก กินมากตายไว" เหมือนจะใช้ได้กับงานวิจัยนี้ ที่บอกว่าการกินแบบนี้จะช่วยให้สุขภาพดีแถวช่วยลดน้ำหนักอีกด้วย!
วิจัยของมหาวิทยาลัยอลาบามา สหรัฐอเมริกา ได้มีการนำเสนอกลุ่มทดลอง ผู้ชาย 8 คนที่มีน้ำตาลในเลือดสูง และอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งให้คนกลุ่มนี้รับประทานอาหารให้ครบ 3 มื้อ แต่ต้องทานก่อนบ่าย 3 และหลังจากนั้นไม่ทานอะไรเลย ใช้ระยะเวลาในการทดลอง 5 สัปดาห์ พบว่ากลุ่มทดลองมีน้ำหนักตัวและระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ตับอ่อนทำงานตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลได้ดีขึ้น ความดันโลหิตลดลง และที่สำคัญพบว่าอาการอยากอาหารตอนกลางคืนของกลุ่มทดลองไม่มีเลย
เคล็ดลับการดูแลตัวเองที่ดีมาก ๆ จากงานวิจัยนี้ คือ
ตื่น 06.00 น.
ทานข้าวมื้อแรก 06.30 น.
จากนั้นทานให้ครบ 3 มื้อ ภายใน 15.00 น.
แล้วปล่อยท้องว่าง ๆ 15 ชั่วโมง
ซึ่งวิจัยฉบับนี้ล้มทุกงานวิจัยเรื่องการลดน้ำหนักที่ผ่านมา อย่างที่มีบางฉบับบอกว่าถ้าอยากควบคุมน้ำหนัก ให้งดอาหารหลัง 6 โมงเย็น หรือควบคุมปริมาณอาหาร ซึ่งจริง ๆ แล้วการทานอาหารให้ครบ 3 มื้อก่อนบ่าย 3 แล้วไม่หินอีก เกิดจากการที่เราปรับสมดุลของร่างกาย แล้วไปเผาผลาญได้ดีในช่วงเช้า ซึ่งคล้ายคลึงกับสูตรชะลอวัย ที่บอกไว้ว่า
1. ร่างกายต้องสมดุล
2. ร่างกายต้องทำงานตามเวลาชีวภาพ
3. เมตาบอลิซึมร่างกายต้องดี
เหมือนการอดอาหารเพื่อต้านความแก่ ไม่ใช่การอดอาหารจริง ๆ แต่คือการที่เรายังทานอาหารอยู่ ได้สารอาหารครบ 5 หมู่ 3 มื้อ จะทำให้เราได้พักถึง 15 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นจะทำให้ร่างกายได้มีการปรับเมตาบอลิซึม ร่างกายไม่ได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ทำให้ร่างกายที่ได้พักก็จะเสื่อมช้ากว่าร่างกายที่ถูกใช้งานหนัก
สิ่งที่จะเกิดขึ้นหากรับประทานอาหารไม่ดีไขมันในเลือดสูง จะสังเกตได้จากการอ้วนลงพุง เพราะตัวไขมันที่ไม่ดีจะสะสมในช่องท้อง และไขมันประเภทนี้ก่อให้เกิดการอักเสบในร่างกาย การอักเสบในหลอดเลือด ไขมันก็จะไปเกาะอยู่ตามหลอดเลือดทำให้ท่อตีบตัน เกิดเป็นโรคต่าง ๆ ตามมา ทั้งทางสมอง โรคหัวใจ หรือความดันโลหิตสูง อาจเกิดปัญหาโรคขาดเลือดในสมอง
นอกจากนี้ในกลุ่มคนที่อ้วนมาก ๆ จะมีปัญหาที่กล้ามเนื้อบริเวณคออ้วนตามไปด้วย ทำให้กรน เพราะฉะนั้นคนอ้วนมักจะกรน บางคนไม่ใช่แค่กรนเท่านั้น ยังเกิดภาวะหยุดหายใจ เนื่องจากเกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจ นอกจากนี้ภัยจากความอ้วนยังเป็นปัจจัยของการเกิดมะเร็งได้ อย่าง มะเร็งเต้านม โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีภาวะอ้วยจะมีอัตราสูงกว่าคนปกติทั่วไปถึง 4 % และยังสามารถพบมะเร็จประเภทอื่นได้อีก อาทิ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งตับอ่อน มะเร็งปากมดลูก เป็นต้น