แมงกะพรุน สายพันธุ์ที่ทานได้ในไทย เคี้ยวเพลินมีโปรตีนสูง แคลต่ำ

แมงกะพรุน (Jellyfish) เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง จัดอยู่ในไฟลัมไนดาเรีย (Cnidaria) ที่บางชนิดมีพิษที่รุนแรง แต่ชนิดที่บริโภคได้นั้น มีจำนวนมากถึง 17 สายพันธุ์ ซึ่งแมงกะพรุนที่ใช้เป็นอาหารได้ ส่วนใหญ่เป็นแมงกะพรุนใน Class Scyphozoa ซึ่งต้องสังเกตให้ดี เพื่อให้ได้ประโยชน์ไม่เสี่ยงอันตราย โดยในประเทศไทยนั้นมีหลักๆอยู่ 3 สายพันธุ์

3 สายพันธุ์ แมงกะพรุนทานได้

• แมงกะพรุนหอม (Mastigiad sp.)
• แมงกะพรุนหนัง (Rhopilema hispidum)
• แมงกะพรุนลอดช่อง (Lobonema smithii)

“ไข่ผำ” ซุปเปอร์ฟู้ดขนาดจิ๋ว คุณค่ามาโภชนาการสูง อาหารแห่งอนาคต

มะเขือพวง วิจัยพบช่วยลดคอเลสเตอรอล ปรับสมดุลระบบขับถ่าย

ซึ่งในไทยนิยมคือ แมงกะพรุนหนังและแมงกะพรุนลอดช่อง โดยนิยมนำมาดองกับน้ำฝาด หรือมาตากแห้งใส่ในอาหารต่าง ๆ หรือนำไปดองเพื่อส่งขายไปยังต่างประเทศ เช่น จีน ญี่ปุ่น และเกาหลี

ประโยชน์ของแมงกะพรุน

แมงกะพรุนนั้นไม่มีรสชาติ ดังนั้น จุดเด่นของแมงกะพรุนอยู่ที่เนื้อสัมผัสที่เหมือนกับการเคี้ยวกระดูกอ่อน กรุบกรอบ และเนื้อแมงกะพรุนมีคุณค่าทางโภชนาการ คือ มีโปรตีนสูง และมีไขมัน คอเลสเตอรอล และแคลอรีต่ำ โดยเฉพาะเป็นโปรตีนประเภทคอลลาเจนที่รับประทานได้

มีเมนูแมงกะพรุนดองฝาด (ดองเปลือกไม้อินทรีย์) การนำไปดองด้วยสารจากเปลือกไม้ของต้นอินทรีจะให้สารในกลุ่มแทนนิน ฟลาโวนอยด์ และฟีนอลิก ในแมงกะพรุนดองฝาดซึ่งการศึกษา พบว่าส่งผลให้แมงกะพรุนหนังดองฝาดมีความสามารถในการยับยั้งเชื้อก่อโรคบางชนิด ได้แก่ Bacillus subtilis, Staphylococcus aureus ATCC25923 และ Psuedomonas aeruginosa ATCC27853 ในขณะที่คุณสมบัติยับยั้งเชื้อแบคทีเรียนี้ จะไม่พบในแมงกะพรุนสด  นอกจากใช้ประโยชน์เพื่อการบริโภคในรูปแบบที่ทำกันมาข้างต้นแล้ว ยังมีการแปรรูปเป็นแมงกะพรุนอบแห้ง หรือทอดกรอบและปรุงรสอีกด้วย

อย่างไรก็ตามแมงกะพรุนนิยมทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู๊ส หรือน้ำจิ้มรสจัดขอให้ระวังโซเดียมสูงเกินไปด้วย ทางที่ดีควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ยึดหลักกินแต่พอดี ในผู้ที่มีอาหารแพ้อาหารทะเลไม่ควรรับประทานนะคะ

ข้อมูลจาก : สพท. และ สวทช.