กลัวตกกระแส! จนเป็น ภาวะ FOMO ทำชีวิตคนรุ่นใหม่เครียดเกินจำเป็น
FOMO หรือ “กลัวตกกระแส” เกิดจากการเสพโลกออนไลน์มากเกินไป ทำให้เครียด ขาดสมาธิ และกระทบความสัมพันธ์กับคนรอบข้างและชีวิตจริง เผยวิธีแก้ก่อนสายเกิน
ภาวะ Fear of Missing Out (FOMO) หรือ “กลัวตกกระแส” กำลังขยายตัวไปยังทุกเพศทุกวัย เพราะโลกออนไลน์เข้ามาแทรกซึมในชีวิตตั้งแต่ตื่นจนเข้านอน จนหลายคนเริ่มมีพฤติกรรมและบุคลิกภาพที่ไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะการแสดงตัวตนบนสื่อสังคมออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์ภาพ เรื่องราว หรือไลฟ์สด เพื่อให้คนอื่นรับรู้และยอมรับ สำหรับ วัยรุ่นและวัยหนุ่มสาว ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง เพราะอยู่ในวัยที่ต้องการการยอมรับและเข้าใจจากคนรอบข้าง พวกเขาจึงมักพยายามสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์และติดตามข่าวสารเกือบตลอดเวลา
หากไม่ได้ติดตามจะเกิดความรู้สึกว่า “พลาดสิ่งสำคัญ” ซึ่งอาจทำให้รู้สึกผิดหวัง โกรธ หรือเสียใจหากความคิดเห็นไม่ถูกยอมรับ แม้แต่ผู้สูงอายุก็เริ่มมี FOMO เพราะการเข้าถึงช่องทางออนไลน์ง่ายขึ้น การจดจ่ออยู่กับหน้าจอสมาร์ทโฟนตลอดเวลา ส่งผลให้เกิดความเครียด วิตกกังวล ขาดสมาธิ และกระทบต่อความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง อีกทั้งการแบ่งเวลาให้กับชีวิตจริง เช่น ครอบครัว การพักผ่อน หรือการทำงาน กลับลดลง
ตัวอย่างใกล้ตัวคือ เด็กติดเกม การเล่นเกมอาจช่วยสร้างความสนุก ความท้าทาย และเข้าสังคมออนไลน์ แต่หากเล่นมากเกินไป ก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพ การเรียน และพัฒนาการด้านสังคม
5 วิธีป้องกันไม่ให้ตกอยู่ในภาวะ FOMO
ตั้งสติเพื่อตรวจสอบตัวเอง
- สำรวจว่าใช้เวลาไปกับโลกออนไลน์มากน้อยเพียงใด
- ยกกิจกรรมจำเป็น เช่น งานหรือธุรกิจ ออกจากกิจกรรมไม่จำเป็น เช่น เล่นเพื่อสนุก
พัฒนาตัวเองด้านอารมณ์และความคิด
- ฝึกการควบคุมอารมณ์
- ยอมรับตัวเองและเคารพผู้อื่น
- แสดงตัวตนออนไลน์อย่างเหมาะสม
กำหนดเวลาการใช้งานชัดเจน
- แนะนำไม่เกิน 2–3 ชั่วโมงต่อวัน
- ตั้งเป้าหมายในการใช้งานตามความจำเป็น
- ลดการใช้งานอย่างค่อยเป็นค่อยไป
หลีกเลี่ยงการงดทันทีเพื่อไม่ให้รู้สึกขาดชีวิต
- ค่อย ๆ ปรับตัว ลดเวลาออนไลน์ลง
หากิจกรรมทดแทน
- ทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัว
- พักผ่อน ออกกำลังกาย ท่องเที่ยว
- พัฒนาทักษะส่วนตัว
เทคโนโลยีสมัยใหม่ให้ทั้ง โอกาสและความเสี่ยง FOMO เป็นเพียงหนึ่งในผลข้างเคียงที่สามารถป้องกันและแก้ไขได้ หากเราเรียนรู้การใช้โลกออนไลน์อย่างสมดุล จะสร้างคุณค่าและประโยชน์ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมสุขภาพจิต