ไทยมีวัคซีนฝีดาษสำรอง 5 แสนโดส จ่อจัดซื้อรุ่นใหม่ ใช้ฉีดเฉพาะกลุ่ม
ไทยมีวัคซีนฝีดาษสำรอง 5 แสนโดส ตรวจสอบคุณภาพทั้งหมด พบยังมีมาตรฐาน หากจำเป็นใช้ป้องกันฝีดาษลิงได้ พร้อมจ่อจัดซื้อรุ่นใหม่เพิ่ม คาดใช้ฉีดเฉพาะกลุ่ม
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พร้อมด้วย ดร.สุภาพร ภูมิอมร ผู้อำนวยการสถาบันชีววัตถุ แถลงผลการตรวจสอบคุณภาพวัคซีนฝีดาษ (Smallpox) ขององค์การเภสัชกรรมที่เก็บรักษาไว้ว่า ในการรักษาโรคฝีดาษลิง ที่ประเทศไทยเพิ่งประกาศให้เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังลำดับที่ 56 และเพิ่งตรวจพบผู้ป่วยยืนยันรายแรกนั้น ปัจจุบันแม้ยังไม่มียารักษาโรคฝีดาษลิงที่เฉพาะเจาะจง แต่สามารถใช้วัคซีนฝีดาษหรือไข้ทรพิษในการป้องกันได้ถึง 85%
สธ. ยืนยัน พบผู้ป่วย “ฝีดาษลิง” รายแรก ที่ภูเก็ต
เปิดไทม์ไลน์ผู้ป่วย "ฝีดาษลิง" รายแรกหนี เร่งตามตัว - ตรวจกลุ่มเสี่ยง
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศความสำเร็จในการกวาดล้างโรคฝีดาษไปจากโลกแล้ว ตั้งแต่ปี 2523 ทำให้การให้วัคซีนเพื่อป้องกันโรคฝีดาษในคนจึงได้หยุดไป
แต่เนื่องจากพบการระบาดอีกครั้งของโรคฝีดาษลิงในต่างประเทศ ทำให้ประเทศไทยต้องเฝ้าระวังโรคนี้อย่างใกล้ชิดและเตรียมการรองรับ ซึ่งพบว่ามีวัคชีนฝีดาษคนที่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ผลิตเก็บไว้นานกว่า 40 ปี
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จึงได้นำมาตรวจสอบคุณภาพวัคซีน โดยเป็นวัคซีนเชื้อเป็นเก็บในรูปผงแห้งที่อุณหภูมิองศาเซลเชียส ผลิตตั้งแต่ปี พ.ศ.2522 และ 2523 จำนวน 13 รุ่นการผลิต รวม 10,000 หลอด โดยบรรจุ 1 หลอด 50 โดส รวมทั้งหมด 500,000 โดส เก็บไว้ที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส
ทั้งนี้วัคซีนดังกล่าวเป็นวัคซีนรุ่นแรก ที่ผลิตจากน้ำเหลืองของสัตว์ รูปแบบการนำมาใช้โดยการหยดลงผิวหนังและใช้เข็มสะกิดผิวให้ถลอกเพื่อให้วัคซีนซึมผ่าน
ถาม - ตอบเรื่อง "โรคฝีดาษลิง" รู้ระวังไม่ตื่นตระหนก ฝีดาษ ฝีดาษลิง
รู้ชัด 8 “โรคผิวหนัง” กับวิธีดูแล ลาขาดปัญหาผิวในหน้าฝน
จากการตรวจสอบคุณภาพตามมาตรฐานการตรวจวัคซีนในห้องปฏิบัติการ ประกอบด้วย 1.)ตรวจลักษณะทางกายภาพ เพื่อตรวจสอบลักษณะผงแห้งและการละลายด้วยตาเปล่า 2.) ตรวจวิเคราะห์ทางเคมี-ฟิสิกส์ 3.) ตรวจวิเคราะห์ด้านความปลอดภัย ตรวจวิเคราะห์ปริมาณสารก่อไข้และความปราศจากเชื้อ 4.) ตรวจความเป็นเอกลักษณ์ โดยใช้วิธี RT-PCR เพื่อยืนยันว่าเป็นเชื้อไวรัสฝีดาษ และ 5.) ตรวจความแรง เพื่อตรวจสอบประสิทธิผลของวัคซีนว่ามีปริมาณเชื้อไวรัสเพียงพอต่อการกระตุ้นภูมิต้านทานเพื่อป้องกันโรคได้หรือไม่
ผลการตรวจสอบพบว่า วัคซีนฝีดาษทั้ง 13 รุ่นการผลิต
- ยังมีลักษณะทางกายภาพที่ดี ลักษณะเป็นผงแห้งจับตัวเป็นก้อนสีเหลืองอ่อน นำมาละลายด้วยน้ำกลั่น กลายเป็นใสสีเหลืองอ่อน
- มีความเป็นกรด-ด่าง อยู่ในช่วงค่า pH 7.38- 7.52 (มาตรฐานทั่วไป pH 6.0-8.0)
- ปริมาณสารก่อไข้ อยู่ระหว่าง 4.20- 31.1 EU/ml (มาตรฐานทั่วไป ไม่เกิน 200 EU/mI) ไม่พบการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ทั้งเชื้อรา แบคทีเรีย
- ผลตรวจสอบความเป็นเอกลักษณ์ พบว่า เป็นไวรัสในกลุ่มไวรัสฝีดาษ Orthopoxvirus
- วัคชีนมีค่าความแรง อยู่ระหว่าง 6.42- 6.86 LogTCIDso/ml (มาตรฐานองค์การอนามัยโลกกำหนด ต้องมากกว่าหรือเท่ากับ 5.4 Log TCIDs/ml)
สำหรับวัคซีนฝีดาษ (Smallpox) ที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ ในปัจจุบัน มี 3 รูปแบบ คือ
1.วัคซีนรุ่น 2 ผลิตในสหรัฐอเมริกา พบอาการข้างเคียงน้อยราย แต่รุนแรง เนื่องจากเป็นเชื้อที่เพิ่มจำนวนได้ในเซลล์ของมนุษย์ ทำให้ไม่สามารถให้กับเด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง และผู้เป็นโรคผิวหนังประเภทโรคเรื้อนกวางได้
ข้อบ่งใช้ โดยการใช้เข็มจุ่มวัคซีนแล้วเขี่ยบริเวณต้นแขนให้เกิดแผล จากนั้นจะเกิดตุ่มภายใน 3-4 วัน และมีหนองตกสะเก็ดใน 3 สัปดาห์ เกิดเป็นรอยแผลเป็น
2.วัคซีนรุ่น 3 ผลิตในสหรัฐอเมริกา เป็นเชื้ออ่อนฤทธิ์ พบอาการมีข้างเคียงเล็กน้อย สามารถให้กับประชาชนได้มากกว่าใช้ 2 โดส ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ได้รับอนุญาตในการป้องกันฝีดาษลิง (monkeypox)โดยองค์การอาหารและยา สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี 2019 หากมีความจำเป็นต้องใช้กันก็อาจจะเป็นรุ่นนี้
3.วัคซีนรุ่น 4 ผลิตจากประเทศญี่ปุ่น เป็นวัคซีนเชื้อเป็น เกิดจากการตัดต่อยีนสามารถใช้ป้องกันโรคฝีดาษวานรได้ ใช้ 1 โดส โดยเข็มจุ่มวัคซีนแล้วเขี่ยบริเวณต้นแขนให้เกิดแผล แต่ยังไม่มีการขออนุญาตในการป้องกันฝีดาษลิง
"สรุปแล้ววัคซีนฝีดาษจากองค์การเภสัชกรรม จำนวน 13 รุ่น ยังคงมีคุณภาพตามมาตรฐานวัคชีนไวรัสทั่วไปและยังคงมีคุณค่า หากเกิดการระบาดขึ้นในประเทศ และไม่สามารถจัดหาวัคซีนฝีดาษรุ่นใหม่มาใช้ได้ หรือสามารถจัดหามาได้น้อย วัคซีนฝีดาษที่ไทยมีอยู่นี้สามารถนำมาใช้ในการป้องกันโรคฝีดาษวานรได้" นพ.ศุภกิจ กล่าว
ส่วนข้อบ่งใช้ที่จะฉีดวัคซีนฝีดาษให้กับประชาชนนั้น ตอนนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่ต้องฉีดให้กับประชาชน อาจให้เฉพาะกลุ่ม อาทิ ผู้เลี้ยงสัตว์ป่า เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ และกลุ่มบุคลากรการแพทย์ที่ต้องดูแลผู้ป่วยฝีดาษลิงอย่างใกล้ชิด เพราะต้องพิจารณาถึงประโยชน์และความเสี่ยงที่จะได้รับ เพื่อความปลอดภัยสำหรับผู้ได้รับวัคซีน
นายกฯ รับรายงานพบผู้ติดเชื้อ "ฝีดาษลิง"สั่งวางมาตรการคัดกรอง
เช็คลิสต์ยาสามัญประจำบ้าน ที่ควรเตรียมพร้อมไว้สำหรับ “เจ้าตัวเล็ก”