เปิดไทม์ไลน์ผู้ป่วย "ฝีดาษลิง" รายแรกหนี เร่งตามตัว - ตรวจกลุ่มเสี่ยง
เปิดไทม์ไลน์ผู้ป่วย 'ฝีดาษลิง' รายแรกหนี ขณะผลตรวจกลุ่มเสี่ยง ล่าสุดยังไม่พบใครติดเชื้อเพิ่ม สธ.ย้ำโรคนี้ไม่ได้ติดง่ายๆ มาตรการป้องกันโควิดยังใช้ได้
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์โรคฝีดาษลิง ในประเทศไทยว่า หลังมีการตรวจพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิง (Monkeypox virus) รายแรกภายในประเทศไทย เป็นชายชาวไนจีเรียวัย 27 ปีที่เดินทางมาที่จังหวัดภูเก็ต ก่อนพบอาการ มีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก มีผื่นแดง ตุ่มนูนแดง ตุ่มหนอง เริ่มจากอวัยวะเพศลามไปใบหน้า ลำตัว แขน ซึ่งมีอาการเข้าข่ายโรคฝีดาษ จึงเก็บตัวอย่างส่งตรวจหาเชื้อก่อโรค
โควิดวันนี้ (22ก.ค.65) คร่าชีวิตรายวัน 25 ราย ส่วนยอดสะสมแตะ 9,400 ราย
"อนุทิน" ขู่ใช้กฎหมายสูงสุดจัดการ นทท.ไนจีเรียป่วยฝีดาษลิงหนีการรักษา
โดยผลการตรวจ ที่ห้องปฏิบัติการ คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (TRC-EIDCC) และ ผลการตรวจจากห้องปฏิบัติการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ผลตรวจสอดคล้องกัน สรุปว่าเป็นผู้ป่วยยืนยันฝีดาษลิงที่พบในประเทศไทยเป็นรายแรกจริง
ส่วนเป็นโรคฝีดาษลิงสายพันธุ์ใดนั้น สำหรับในผู้ป่วยชายรายดังกล่าว คาดว่าเป็น 'สายพันธุ์แอฟริกาตะวันตก' ซึ่งมีความรุนแรงน้อยกว่า 'สายพันธุ์แอฟริกากลาง' โดยอยู่ระหว่างการตรวจยืนยันจากห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศให้โรคฝีดาษวานรอยู่อยู่ในกลุ่มโรคติดต่อเฝ้าระวังอันดับที่ 56 ตามที่ได้เผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษา เรื่อง ชื่อและอาการสำคัญของโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2565 เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา
จึงขอให้ประชาชนทำความเข้าใจกับธรรมชาติของโรคนี้ อย่าตื่นตระหนก และมั่นใจได้ว่ากระทรวงสาธารณสุขมีความพร้อมในการรับมือโรคฝีดาษวานร ทั้งมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคอย่างเข้มงวด
ทั้งนี้ เมื่อพบผู้ป่วยยืนยันฝีดาษลิงรายแรก กระทรวงสาธารณสุขได้ประสานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ตทันที เพื่อมอบหมายเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อดำเนินการติดตามและค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติมพร้อมประเมินความเสี่ยงของการแพร่เชื้อในพื้นที่รับผิดชอบอย่างเข้มข้น
ค้นหากลุ่มเสี่ยง ยังไม่พบติดเชื้อฝีดาษลิง
จากการค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 2 ราย ซึ่งเป็นเพื่อนกับผู้ป่วย ยังไม่มีอาการป่วยใด ๆ และผลตรวจทางห้องปฏิบัติการไม่พบติดเชื้อฝีดาษวานร จึงให้สังเกตอาการตัวเอง 21 วัน
ส่วนผู้ที่มีอาการไข้ เจ็บคอ 6 ราย จากการค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติมในสถานบันเทิงที่ผู้ป่วยยืนยันรายแรกเคยไปใช้บริการ รวม 142 ราย ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ 4 ราย ไม่พบติดเชื้อฝีดาษวานร และขณะนี้อยู่ระหว่างสังเกตอาการตัวเอง 21 วัน
นอกจากนี้ ยังค้นหาผู้สัมผัสใกล้ชิดในโรงแรม และสถานบันเทิงอื่น ๆ เพิ่มเติม รวมทั้งกำจัดเชื้อในห้องพักคอนโดของผู้ป่วย พร้อมให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวกับสถานบันเทิง และผู้ใช้บริการ
หายห่วง! โลกมีวัคซีนป้องกัน "ฝีดาษลิง" แนะ 6 ข้อ ช่วยให้ห่างไกลโรค
"โรคฝีดาษลิง" คืออะไร เผยอาการ วิธีการติดต่อ และการป้องกัน
เปิดไทม์ไลน์ผู้ป่วย 'ฝีดาษลิง' รายแรก
- 9 กรกฎาคม 2565
มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีผื่นคัน ลักษณะตุ่มนูนแดง ตุ่มหนอง เริ่มจากอวัยวะเพศ ลามไปใบหน้า ลำตัว แขน ไม่ทราบประวัติการเดินทาง
- 16 กรกฎาคม 2565
- 11.28 - 12.15 น. เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน อุณหภูมิแรกรับ 38.1 องศาเซลเซียส ความดันโลหิต 135/78 mmHg อัตราการหายใจ 18 ครั้งต่อนาที ชีพจร 91 ครั้งต่อนาที ผลการตรจร่างกายพบตุ่มหนอง กระจายตามอวัยวะเพศ ใบหน้า ลำตัว แขน จึงส่งเข้ารับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลเอกชน
- 13.03-ช่วงเย็น แพทย์ตรวจร่างกายเพิ่มเติมพบต่อมน้ำเหลืองโตที่บริเวณขาหนีบทั้ง 2 ข้าง และซักประวัติเพิ่มเติมพบมีประวัติสัมผัสนักท่องเที่ยวในสถานบันเทิงบริเวณป่าตองในช่วง 2-3 สัปดาห์ก่อนป่วย พร้อมทั้งให้ประวัติมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ปลอดภัย แพทย์สงสัยโรคฝีดาษวานร จึงส่งตัวอย่างเลือด ผื่นแผล และลำคอตรวจหาเชื้อก่อโรคที่ห้องปฏิบัติการ
- 14.10-15.13 น. ผู้ป่วยออกไปทานข้าว โดยมีประวัติเข้าออกคอนโดที่พัก
- 18 กรกฎาคม 2565
- ไม่ทราบเวลา เพื่อนพบว่าผู้ป่วยยืนอยู่บนระเบียบคอนโดของที่พักเวลา
- 19.33 น. กล้องวงจรปิดพบผู้ป่วยอยู่ในรถแท็กซี่ออกจากคอนโดที่พัก
- 19.00 น. กล้องวงจรปิดพบผู้ป่วยเช็กอินที่โรงแรม สัมผัสกับพนักงานต้อนรับพบผู้ป่วยเดินทางมาคนเดียว ใส่เสื้อแขนยาวถึงข้อมือ สะพายกระเป๋าเป้สีดำ ไม่มีพาสปอร์ต แจ้งเข้าพัก 2 คืน โดยแสดงหลักฐานพาสปอร์ตทางรูปถ่ายจากโทรศัพท์ และชำระค่าที่พักด้วยเงินสด ทั้งผู้ป่วยและพนักงานที่ไม่ได้ใส่แมสก์ พนักงานพาไปส่งที่ลิฟท์ และเป็นคนกดลิฟท์ให้ จากกล้องวงจรปิดไม่พบผู้ป่วยออกมานอกห้อง ไม่ได้สั่งอาหารให้มาส่ง
- 19 กรกฎาคม 2565
- 15.00 น. แม่บ้านไปเคาะประตู ผู้ป่วยแง้มประตูเปิดคุยช่วงสั้น ๆ ไม่ได้ให้เข้าไปทำความสะอาด
- 21.00 น. ผู้ป่วยออกจากห้องมาวางกุญแจที่เคาท์เตอร์ล็อบบี้ ไม่ได้พบพนักงาน/แขกคนอื่น หลังจากนั้นพนักงานต้อนรับนำกุญแจไปเก็บที่ชั้นวาง ไม่ได้ทำความสะอาดกุญแจ จากนั้นไม่พบผู้ป่วยอีก
- ขณะที่ ตำรวจ ได้รีบไปที่พัก ซึ่งเป็นคอนโด แต่ไม่อยู่ จึงไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบ ไปพัก โรงแรมในป่าตอง 19 ก.ค. -20 ก.ค. ก่อนจะทิ้งกุญแจและออกจากโรงแรมไป
ยอดติดเชื้อฝีดาษลิงทั่วโลกสะสม 1.26 หมื่น
สำหรับ สถานการณ์โรคฝีดาษลิงทั่วโลก (ข้อมูล ณ วันที่ 17 กรกฎาคม 2565) จำนวนผู้ป่วยยืนยันทั่วโลก 12,608 ราย จาก 66 ประเทศ ซึ่งพบผู้ป่วยยืนยันเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ 28 จำนวน 3,539 ราย
โดยลักษณะของโรคเอง พบว่าความรุนแรงไม่ได้มากนัก และการติดต่อไม่ได้รวดเร็ว ซึ่งแตกต่างจากโควิด แค่ไม่กี่เดือนพบติดเชื้อหลักล้านคน
ทั้งนี้ จะพบฝีดาษลิงมาก ๆ คือ ทวีปยุโรป อเมริกา และเอเชีย มีสิงคโปร์ ไต้หวัน อินเดีย ส่วนประเทศที่พบติดเชื้อมากที่สุด คือ สเปน 2,835 ราย รองลงมาเยอรมนี 1,859 ราย
มาตรการป้องกันโควิดใช้กับ 'ฝีดาษลิง' ได้
โดยข้อมูลที่ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นชาย สันนิษฐานว่าเกี่ยวข้องกับการสัมผัสใกล้ชิดระหว่างผู้ป่วย โดยเฉพาะตุ่ม ฝีหนอง จะพบเชื้อไวรัสจำนวนมาก โดยทั่วไปการติดต่อทางเดินหายใจไม่ใช่ลักษณะเด่นของโรคนี้ แต่จะจากการสัมผัสใกล้ชิด
"โรคนี้เกิดจากการสัมผัสใกล้ชิด ไม่ได้ติดง่ายๆ ดังนั้น มาตรการที่ใช้ป้องกันโควิด-19 ยังใช้ป้องกันฝีดาษวานรได้ คือ Universal Prevention ทั้งล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วย หรือผู้มีตุ่มมีหนอง เป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้ ขออย่าตีตรา และลดทอนคุณค่ากลุ่มเสี่ยง" นพ.โอภาส กล่าว
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาองค์การอนามัยโลก (WHO) ไม่ได้ประกาศให้โรคฝีดาษวานรเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง แต่เนื่องจากเริ่มพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น จึงมีมติจัดประชุมเกี่ยวกับโรคฝีดาษลิงอีกครั้งในวันที่ 21 กรกฎาคม 2565 ซึ่งจะต้องติดตามรายละเอียดต่อไป
เช็กความแตกต่างของ "ผื่น - ตุ่ม" โรค "ฝีดาษลิง - อีสุกอีใส - เริม"
สธ. ยัน“ฝีดาษลิง”รายแรกของไทย เป็นสายพันธุ์แอฟริกาตะวันตกรุนแรงน้อย