เช็กความแตกต่างของ "ผื่น - ตุ่ม" โรค "ฝีดาษลิง - อีสุกอีใส - เริม"
โรคฝีดาษลิงมีผื่ตุ่มอาการคล้ายหลายโรค แต่เมื่อศึกษาให้ดีสามารถแยกความแตกต่างได้เบื้องต้น
โรคฝีดาษลิง ปัจจุบันมีการรายงานผู้ป่วยทั้งหมด 344 ราย (เพิ่มขึ้น 35 ราย) โดยประเทศที่มีผู้ป่วยสูง 5 ลำดับแรก ได้แก่ สเปน 120 ราย อังกฤษ 77 ราย โปรตุเกส 49 ราย แคนาดา 26 ราย และเยอรมัน 13 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเพศชายที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ติดโรค อยู่ในกลุ่มอายุ 20-59 ปี
การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของผู้ติดเชื้อ ทำให้เกิดความวิตกในวงกว้าง ซึ่งโรคนี้มีรอยโรคคล้ายคลึงกับอีกหลายโรค ซึ่งจุดสังเกตของแต่ละโรคมีดังนี้
หมอเทียบปัญหา "ฝีดาษลิง-โควิด" มีโอกาสเป็น "การระบาดทั่วโลก" ใหญ่พอกัน
อนามัยโลก ประกาศ “ฝีดาษลิง” เป็นภาวะฉุกเฉินระหว่างประเทศ
ฝีดาษลิง
เกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม Poxviridae ออกผื่นภายใน 1-3 วันหลังมีไข้ มีลักษณะการกระจายเริ่มจากบริเวณหน้า และกระจายไปส่วนต่างๆ ของร่างกาย (Centrifugal pattern)
ลักษณะของผื่นจะพัฒนาไปตามระยะดังต่อไปนี้ ผื่นนูนแดง (Maculopapular) ตุ่มน้ำใส (Vesicles) ตุ่มหนอง (Pustules) สีขาวเหลือง ตรงกลางจะมีรอยบุ๋ม และสะเก็ด (Crust) โดยตุ่มทั้งหมดจะขึ้นพร้อมกันระยะเดียว
"เริม" ติดไม่ง่ายแต่ติดได้ รู้ชัดแยกความต่าง "อีสุกอีใส - ฝีดาษลิง"
อีสุกอีใส
โรคสุกใสที่เกิดจากไวรัส “วาริเซลลา ซอสเตอร์” (Varicella zoster virus – VZV) หรือ Human herpesvirus type 3 (HHV-3) ผื่นจะขึ้นบริเวณลำตัวมากกว่าแขนขา อาจพบตุ่มในช่องปากและเยื่อบุต่างๆ
ลักษณะผื่นตอนแรกจะเป็นผื่นแดง มักมีอาการคันร่วมด้วย ต่อมาจะกลายเป็นตุ่มน้ำใสอย่างรวดเร็ว และตกสะเก็ด ซึ่งผื่นของโรคอีสุกอีใสจะมีหลายระยะ เช่น บางตุ่มเป็นแค่ตุ่มแดง บางตุ่มเป็นน้ำใสแล้ว
สหรัฐฯ กำลังพิจารณา “ฝีดาษลิง” อาจถูกจัดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ไทยมีวัคซีนฝีดาษสำรอง 5 แสนโดส จ่อจัดซื้อรุ่นใหม่ ใช้ฉีดเฉพาะกลุ่ม
เริม
โรคเริมนั่นเกิดจากเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า Herpes simplex virus หรือเราจะเรียกสั้นๆ ว่า HSV ตำแหน่งที่เกิดส่วนมากมี 2 ตำแหน่ง ได้แก่
ปาก และอวัยวะเพศ หากเป็นโรคเริมครั้งแรกจะมีลักษณะตุ่มน้ำปรากฎขึ้นมาเป็นกลุ่มและอาจมีหลายตุ่ม หากเกิดบริเวณปากจะเกิดที่ขอบของริมฝีปาก และรู้สึกคัน แต่ถ้าหากเกิดที่อวัยวะเพศจะเกิดได้กับทุกตำแหน่งของอวัยวะเพศ มีอาการคันเช่นเดียวกัน
ขนาดของตุ่มน้ำมีขนาดเล็กประมาณ 2-3 มิลลิเมตร และอาจเกิดขึ้นเพียงครึ่งวันแล้วแตกไป บางครั้งเห็นเป็นแผลตื้น ๆ และผู้ป่วยบางรายไม่เห็นเป็นตุ่มน้ำ
งูสวัด
เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า ไวรัสวาริเซลลา (varicella virus) เป็นเชื้อตัวเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคสุกใส เมื่อหายจากโรคอีสุกอีใสแล้ว เชื้อจะไปหลบซ่อนอยู่ในปมประสาทของร่างกาย เมื่อเวลาที่ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำกว่าปกติ เช่น อ่อนเพลีย พักผ่อนไม่เพียงพอ เชื้อที่แฝงตัวอยู่ก็จะแบ่งตัว เพิ่มจำนวนทำให้เส้นประสาทอักเสบ เกิดการปวดตามแนวเส้น ประสาท และปล่อยเชื้อไวรัสออกมาที่ผิวหนังตามแนวเส้นประสาท
ผู้ป่วยจะมีอาการปวดแสบร้อนบริเวณผิวหนัง หลังจากนั้น 2-3 วัน มีผื่นแดงขึ้นตรงบริเวณที่ปวด แล้วกลายเป็นตุ่มน้ำใส ผู้ป่วยบางรายอาจมีไข้ร่วมด้วย ผื่นมักเรียงกันเป็นกลุ่ม หรือเป็น แถวยาวตามแนวเส้นประสาท และจะแตกออกเป็นแผล ต่อมาจะตกสะเก็ดและหายได้เอง แต่มักทิ้งรอยแผลเป็นไว้
ถาม - ตอบเรื่อง "โรคฝีดาษลิง" รู้ระวังไม่ตื่นตระหนก ฝีดาษ ฝีดาษลิง
อาการ "ฝีดาษลิง" มี 2 ช่วง เผยอัตราการเสียชีวิต - จุดต่างของ "ฝีดาษ"
หิด
เกิดจากการติดเชื้อไร ชื่อ Sarcoptes scabiei var hominis การติดเชื้อเกิดจากการสัมผัสใกล้ชิดกับคนที่เป็นโรคหิด
ผื่นมีลักษณะเป็นตุ่มน้ำใสหรือตุ่มแดงคัน ผื่นจะกระจายไปทั่วตัว บริเวณที่พบผื่นได้บ่อยคือ ง่ามมือ ง่ามเท้า ข้อพับแขน รักแร้ เต้านม อวัยวะเพศ รอบสะดือ และก้น ในเด็กอาจพบผื่นบริเวณหน้าและศีรษะ และมีอาการคันร่วมด้วย
ผื่นของหิดอีกชนิดหนึ่ง อาจพบเป็นตุ่มนูนเนื้อสีแดงอมน้ำตาล คัน มักพบตุ่มชนิดนี้บริเวณรักแร้ และอวัยวะเพศ มักไม่พบตัวหิดในผื่นชนิดนี้ และหลังการรักษาหิดหายแล้วผื่นนี้จะยังคงอยู่ได้
ทั้งนี้ จะมั่นใจได้ว่าเป็นโรคชนิดควรปรึกษาแพทย์ผู้เชียวชาญทักทีที่เริ่มมีอาการ เพื่อสืบสวนโรคและรักษาได้อย่างถูกต้อง
ขอบคุณข้อมูลสุขภาพจาก กรมควบคุมโรค , Yong Poovorawan ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ, โรงพยาบาลพญาไท, โรงพยาบาลเปาโล, คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล, ภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล