เรียกไม่หัน ได้ยินไม่ชัด! สัญญาณ“หูตึง” ภัยเงียบคร่าสมองในผู้สูงวัย
เรียกไม่หัน ได้ยินไม่ชัด! สัญญาณบ่งบอกปัญหาหูตึง ภัยเงียบคร่าสมองในผู้สูงวัยที่ไม่ควรละเลยก่อนสายเกินแก้ แต่หากรู้เร็ว สามารถป้องกันได้
ปัจจุบันประชากร 1 ใน 5 ของโลก มีปัญหาด้านการได้ยิน และมีแนวโน้มที่จะเป็นสูงขึ้นถึง 1 ใน 4 โดยเฉพาะผู้สูงวัยซึ่งไม่ทราบว่าตัวเองมีปัญหาการได้ยิน จนนำไปสู่ภาวะไม่พึงประสงค์หลายประการ เช่น ภาวะแยกตัวจากสังคม ภาวะซึมเศร้า การทะเลาะกับครอบครัว ไปจนถึงภาวะสมองเสื่อมตามมาด้วย
ไม่เพียงแต่ “ปัญหาหูตึง” จะทำให้คุณภาพชีวิตลดลง ยังเป็นภัยเงียบที่กำลังคร่าสมองด้วย โดย อ.ดร.พญ.นัตวรรณ อุทุมพฤกษ์พร แพทย์เฉพาะทางหน่วยโสตประสาทวิทยา ฝ่ายโสต ศอ นาสิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ให้ข้อมูลที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้
เช็กอาการ "ตาแดง" แบบไหน คืออาการแพ้หรือติดเชื้อโควิด
ปัสสาวะแสบขัด ปวด มีผื่นที่อวัยวะเพศ สัญญาณ "โรคหนองใน"
อ.ดร.พญ.นัตวรรณ อุทุมพฤกษ์พร แพทย์เฉพาะทางหน่วยโสตประสาทวิทยา ฝ่ายโสต ศอ นาสิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
“หูตึง” ปัจจัยเสี่ยงสูงสุดภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงวัย
ปัญหาการได้ยิน เกิดมาจากหลายสาเหตุ บางคนอาจมีปัญหามาตั้งแต่แรกเกิด คือ มีปัญหาทางด้านพันธุกรรมบางอย่าง หรือบางคนอาจมีปัญหามาตั้งแต่เด็ก ๆ จากภาวะหูติดเชื้อ หูน้ำหนวก สมองอักเสบ หรือมีเยื่อสมองอักเสบบางอย่าง
แต่ในปัจจุบันเราพบปัญหาการได้ยินบ่อยขึ้นมาก เพราะผู้คนในปัจจุบันพบเจอเสียงดังมากขึ้น อาทิ ภาวะเสียงดังที่เราพบเจอในที่ทำงาน การไปคอนเสิร์ต การไปทำกิจกรรมจุดประทัด การยิงปืน เป็นต้น ประกอบกับหากเราไม่ได้ใส่อุปกรณ์ป้องกันหู ยิ่งทำให้เกิดความเสี่ยงมีปัญหาทางการได้ยินเพิ่มขึ้น ทำให้ขณะนี้เจอผู้ที่มีปัญหาทางการได้ยินในกลุ่มผู้มีอายุน้อยมากขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมที่จะเจอมากในกลุ่มผู้มีอายุ 50-60 ปีขึ้นไป
อย่างไรก็ตาม ปัญหาการได้ยินในกลุ่มผู้สูงอายุ หลายคนมักมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเกิดขึ้น จนละเลยการให้ความสำคัญไป อาจนำไปสู่ภาวะสมองเสื่อมและโรคความจำเสื่อมตามมาได้
“ปัญหาการได้ยินนับเป็นปัจจัยเสี่ยงสูงสุดของการเกิดภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ เป็นสิ่งที่คนทั่วไปนึกไม่ถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้สูงอายุที่มีปัญหาการได้ยิน จะมีความเสี่ยงภาวะสมองเสื่อมเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 2 เท่าเมื่อเทียบกับคนวัยเดียวกันที่ไม่มีปัญหาทางการได้ยิน” อ.ดร.พญ.นัตวรรณ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ภาวะสมองเสื่อมที่เกิดจากปัญหาการได้ยินนี้ เป็นสิ่งที่สามารถป้องกันได้ เพราะทีมวิจัยพบว่าความเสี่ยงในการเกิดภาวะสมองเสื่อมนี้ จะหายไปถ้าผู้สูงอายุได้รับการดูแลและรักษาด้านการได้ยินจนหายดีแล้ว
ไขข้อสงสัยปัญหาหูตึง ทำไมกลายเป็นภัยเงียบคร่าสมอง
สาเหตุที่ทำให้ผู้ที่มีปัญหาทางการได้ยิน เกิดความเสี่ยงในการเกิดภาวะสมองเสื่อมนั้น เกิดจาก เมื่อมีเสียง คำพูด การสนทนาเข้าไปกระตุ้นสมองน้อยลง สมองก็จะเสื่อมถอยและประมวลผลได้น้อยลง ช้าลงเรื่อย ๆ เมื่อนานวันเข้านั้นจากงานวิจัยแสกนสมองพบว่าเนื้อสมองฝ่อลงไปได้เลยทีเดียวโดยเฉพาะเนื้อสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแปลผลภาษา ซึ่งเมื่อถึงภาวะนี้แล้วนั้น การกระตุ้นให้สมองกลับมาทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพดังเดิมอาจต้องใช้เวลามาก
สัญญาณบ่งบอกมีปัญหาทางการได้ยิน
สำหรับวิธีเช็กว่าตัวเองมีปัญหาทางการได้ยินหรือไม่นั้น สามารถเช็กได้ง่าย ๆ ดังนี้
- ใช้นิ้วสองนิ้วถูกัน โดยตั้งให้ห่างจากมือเราประมาณ 2 ฟุต ภายในห้องเงียบ ๆ แล้วเช็กว่าได้ยินเสียงชัดเจนหรือไม่
- ไม่ได้ยินเสียงแหลม เช่น กริ่ง นกร้อง เด็กเล็กร้องส่งเสียง หรือเพลงบางชนิด
- ลูกหลาน หรือคนใกล้ชิด บอกว่าตัวเองเรียกแล้วไม่ค่อยหัน
ทั้งหมดนี้ หากลองทำดูแล้วอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วเริ่มไม่ได้ยินเสียงอย่างชัดเจน นับว่าเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเราควรรีบไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
รีบป้องกัน ก่อนสายเกินแก้
อ.ดร.พญ.นัตวรรณ กล่าวอีกว่า ภาวะสมองเสื่อมที่เกิดจากปัญหาการได้ยิน เป็นสิ่งที่ป้องกันได้ก็จริง แต่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำว่าผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจคัดกรองการได้ยินทุกคน เพื่อให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญวินิจฉัยและรับการดูแลรักษาที่ถูกต้องตั้งแต่แรกเริ่ม เพราะหากสายเกินไป อาจกลายเป็นปัญหาลุกลามใหญ่โต และเกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ตามมา เช่น ภาวะแยกตัวจากสังคม ภาวะซึมเศร้า ปัญหาการทรงตัวพลัดตกหกล้ม สับสน มีอารมณ์ฉุนเฉียว ทะเลาะกับครอบครัว กลายเป็นไม่พูดคุยกัน และโดยเฉพาะ “ภาวะสมองเสื่อม” ที่อาจนำไปสู่โรคความจำเสื่อมได้อีกด้วย
ดังนั้นถ้าใครเริ่มสังเกตว่าตัวเองมีปัญหาทางการสื่อสาร ขอให้รีบไปตรวจเช็กกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ที่ แผนกหูคอจมูก สถานพยาบาลใกล้บ้านทุกแห่ง เพื่อให้แพทย์สามารถดูแลรักษาได้อย่างทันท่วงที ขออย่าลังเลใจ เพียงเพราะคิดว่าหลายคนก็เป็นและไม่ได้มีปัญหาอะไร ยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพราะหากปัญหาลุกลามใหญ่โต จะทำให้การดูแลรักษายากขึ้นไปอีก