ผลวิจัยพบโควิดทำตัวเลข “เด็กติดเกม-มีพฤติกรรมก้าวร้าว” พุ่ง
วช.เผยผลวิจัยกรมสุขภาพจิต พบยอดเด็กติดเกมและมีพฤติกรรมก้าวร้าวพุ่งในช่วงโควิด-19 แนะพ่อแม่กำหนดเวลาเล่นให้ชัดเจน หรือหากิจกรรมอื่นให้ลูกทำยามว่าง
ท่ามกลางการระบาดของสถานการณ์การโควิด – 19 ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนมากมาย ทำให้วิถีชีวิตต้องเปลี่ยนแปลงไปแบบวิถีนิวนอร์มอล ( New normal ) โดยเฉพาะเด็ก ที่ถูกจำกัดให้อยู่กับบ้าน ไม่สามารถออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน หรือเรียนภายในห้องเรียนได้
“การเรียนออนไลน์” จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในปัจจุบัน แต่การเรียนในรูปแบบนี้จะส่งผลต่อพฤติกรรมของเด็กอย่างไร จะส่งผลทำให้เด็กคลุกคลีกับเกมออนไลน์มากขึ้นหรือไม่
“หมอมนูญ”ชี้โอมิครอน BA.5 อยู่ในช่วงขาขึ้น ฝีดาษลิงจะระบาดในไทยแน่นอน
คลายทุกข้อสงสัย “ฝีดาษลิง” แพร่เชื้อได้เหมือนโควิดไหม-รักษาได้ที่ไหน
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (วช.) จึงร่วมสนับสนุนการวิจัยของ สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ทำแบบสำรวจพฤติกรรมการใช้สื่อและเกมในเด็กและเยาวชนในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ผลวิจัยพบว่า เด็กจะมีพฤติกรรมการอยู่หน้าจอที่มากขึ้น มีความสัมพันธ์กับการเสพติดเกม และพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงในเด็กกลุ่มที่ครอบครัวมีการทำหน้าที่ไม่เหมาะสม ซึ่งสถาบันครอบครัวจะต้องเข้ามีบทบาทในการเฝ้าระวังดูแลบุตรหลานของตัวเองก่อนที่จะกลายเป็นปัญหาทางสังคม
โควิดทำตัวเลขเด็กติดเกม-มีพฤติกรรมก้าวร้าวพุ่ง
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า วช. ในฐานะที่เป็นองค์กรสำคัญในการขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรม โดยบูรณาการร่วมมือกับหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อประโยชน์ทางสังคมและเศรษฐกิจ ซึ่งในมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2565 มีผลงานการวิจัยมากมายที่สามารถนำไปต่อยอดในเชิงสังคมและคุณภาพชีวิต
ผลพวงจากสถานการณ์โควิดที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า เด็กและเยาวชนที่ใช้ชีวิตกับสื่อออนไลน์มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป ที่ส่งผลโดยตรงมาจากเกมออนไลน์ ซึ่งตัวเลขจากการประเมินวิเคราะห์ในพฤติกรรมของเด็กและเยาวชนของทีมวิจัยกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข พบว่า เด็กมีพฤติกรรมก้าวแรงรุนแรงสูงขึ้น โดยเกี่ยวข้องกับหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดูแลของผู้ปกครอง ประวัติพฤติกรรมของเด็ก ซึ่งจะมีการศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับการส่งเสริมการทำหน้าที่ของครอบครัว การเลี้ยงดูที่มีความแตกต่างกันตามวัฒนธรรมในแต่ละภาค
6 ปัจจัยสัมพันธ์พฤติกรรมรุนแรงของเด็กเยาวชน
แพทย์หญิงโชษิตา ภาวสุทธิไพศิฐ จิตแพทย์เชี่ยวชาญด้านจิตเวชเด็กและวัยรุ่น จากกรมสุขภาพจิต เปิดเผยว่า ทีมงานวิจัยได้ให้ผู้ปกครองจากทั้ง 4 ภาค ได้ประเมินพฤติกรรมของเด็กว่าเข้าข่ายเป็นเด็กที่ก้าวร้าว และมีพฤติกรรมติดเกมหรือไม่ ซึ่งผลวิจัยพบว่า ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมรุนแรงของเด็กและเยาวชนอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่
- การเลี้ยงดูโดยผู้ปกครองที่ไม่ใช่พ่อแม่ เด็กมีประวัติพฤติกรรมรุนแรงมาก่อน เด็กมีโรคทางจิตเวช เด็กมีประวัติใช้สารเสพติด มีการทำหน้าที่ครอบครัวไม่ดี โดยภาวะติดเกม เด็กจะมีความบกพร่อง
- ในการควบคุมการเล่น ความถี่ ระยะเวลาในการเล่น ให้ความสำคัญกับเกมมากกว่าสิ่งที่ต้องทำในกิจกรรมชีวิตประจำวัน จนส่งผลกระทบทั้งทางร่างกาย การเรียนรู้ ด้านอารมณ์ และด้านความสัมพันธ์ในครอบครัวและกับเพื่อน
- ปัจจัยจากการออกแบบเกมให้มีลักษณะเสพติดได้มากขึ้นหรือลักษณะของเกมที่มีเนื้อหาการใช้ความรุนแรงต่อผู้อื่น
- ปัจจัยด้านจิตวิทยาในเด็กอายุน้อยจะมีโอกาสเสพติด เลียนแบบพฤติกรรมไม่เหมาะสมจากเกมได้มาก
- ปัจจัยด้านความสัมพันธ์ในสังคม ในเด็กกลุ่มที่เข้าสังคมปกติในโรงเรียนไม่ได้ จะเสพติดสังคมออนไลน์ได้มากกว่า
- ปัจจัยด้านครอบครัวที่มีการใช้เวลาร่วมกันน้อย มีการเลี้ยงดูที่ขาดวินัยเชิงบวก ส่งผลต่อการติดเกมออนไลน์
ครอบครัวส่วนสำคัญในการป้องกัน
ส่วนแนวทางการป้องกันนั้น ผู้ปกครองเองมีส่วนสำคัญในการดูและเฝ้าดูสังเกตพฤติกรรม ดังนี้
- ไม่ควรให้เด็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบเล่นเกมทุกประเภท โดยเฉพาะเกมต่อสู้ที่มีภาพและเนื้อหาความรุนแรง เพราะเด็กอาจมีพฤติกรรมเลียนแบบ
- ผู้ปกครองควรกำหนดเวลาเล่นเกมให้ชัดเจน พยายามหากิจกรรมอย่างอื่นที่สร้างสรรค์ให้ลูกทำยามว่าง
- หากเด็กมีอาการติดเกมอย่างรุนแรงมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าว ควรได้รับการบำบัดโดยจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา
ทั้งนี้ ทีมวิจัยได้จัดทำ คู่มือเสริมสร้างความเข้มแข็งของครอบครัวในการดูแลเด็กและเยาวชนช่วงสถานการณ์โควิด-19 เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาคุณภาพการปฏิบัติการดูแลเด็กและวัยรุ่นที่มีความเสี่ยงพฤติกรรมติดเกม คลิกอ่านเพิ่มเติม ที่นี่