2 ปี เอ็มโอยู “คนไทยไร้สิทธิ” เตรียมขยายผลสู่ความยั่งยืน
2 ปี เอ็มโอยู “คนไทยไร้สิทธิ” ที่ช่วยคนตกหล่นให้เข้าถึงหลักประกันทางสุขภาพ เตรียมขยายผลสู่ความยั่งยืนเชิงนโยบายเพื่อไม่ให้ใครต้องไร้สิทธิอีกต่อไป
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดเวที “ไม่มีใครต้องไร้สิทธิ: 2 ปี MoU ประสานความร่วมมือพัฒนาการเข้าถึงหลักประกันทางสุขภาพของคนไทยที่ตกหล่นจากสิทธิสถานะทางทะเบียน” แลกเปลี่ยนความก้าวหน้าและการแก้ไขปัญหาสิทธิสถานะของคนไทยที่ตกหล่นจากสิทธิสถานะตามกรอบในบันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู) "การดำเนินงานพัฒนาการเข้าถึงสิทธิหลักประกันสุขภาพของคนไทยที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียน"
ระวัง! ซื้อ-ขายปัสสาวะ"คนท้อง" โกหกแต่งงานมีความผิดยันผู้รู้เห็น
ไทยพบเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ป่วยสะสม “มือ เท้า ปาก” กว่า 81%
ผศ.ภก.ดร.ยุพดี ศิริสินสุข รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
ที่จัดทำขึ้นระหว่าง 9 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) องค์การแพลน อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย และมูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย
ผศ.ภก.ดร.ยุพดี ศิริสินสุข รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่าบันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู) "การดำเนินงานพัฒนาการเข้าถึงสิทธิหลักประกันสุขภาพของคนไทยที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียน" หรือที่เรียกกันในชื่อ เอ็มโอยู “คนไทยไร้สิทธิ” เกิดขึ้นจากการผลักดันของหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่มีความมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาและลดอุปสรรคการเข้าถึงหลักประกันทางสุขภาพของคนไทยตกหล่น
เป้าหมายสำคัญของเอ็มโอยูฉบับนี้ คือ การบูรณาการความร่วมมือดูแลประชาชนกลุ่มที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียนโดยเฉพาะคนไทยตกหล่น หรือ “คนไทยไร้สิทธิ” ให้เข้าถึงสิทธิหลักประกันสุขภาพมากยิ่งขึ้น
“ช่วงเวลาที่ผ่านมา ทาง สปสช. วางยุทธศาสตร์ในการสร้างความครอบคลุมการเข้าถึงระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และได้จัดตั้ง คณะทำงานพัฒนาการเข้าถึงบริการระบบหลักประกันสุขภาพของกลุ่มคนไทยที่มีปัญหาสถานะ ขึ้นมา เพื่อเป็นกลไกในการประสานความร่วมมือและการขับเคลื่อนในประเด็นดังกล่าว ร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้องและเห็นความสำคัญในการสร้างความครอบคลุมของการเข้าถึงระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ” ผศ.ภก.ดร.ยุพดี กล่าว
“หมอมนูญ”เผยกัมพูชาก้าวนำไทยเข้าถึงยาต้าน-รักษาโควิด-19มากกว่า
กรมวิทย์ฯ เตือนอย่าเชื่อมิจฉาชีพแอบอ้างขายเมล็ดกัญชา
นางภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สสส.
นางภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สสส. กล่าวว่า การสำรวจสถานการณ์คนไร้บ้านเชิงลึกในกรุงเทพมหานคร และในเมืองใหญ่ของประเทศไทยช่วง พ.ศ. 2559 ถึง 2560 ของ สสส. ร่วมกับ สปสช. มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และภาคีเครือข่าย ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มสำคัญของการทำงานคนไทยไร้สิทธิ จากการสำรวจฯ พบว่า คนไร้บ้านประมาณร้อยละ 30 ในทุกพื้นที่มีปัญหาตกหล่นจากสิทธิสถานะ ส่งผลให้เข้าไม่ถึงหลักประกันทางสุขภาพ และสวัสดิการพื้นฐานพื้นฐานสำคัญของการมีสุขภาวะและคุณภาพชีวิตที่ดี
ต่อมามูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย พบว่า ชุมชนเมืองจำนวนหนึ่งมีกลุ่มคนไทยที่ตกหล่นจากสิทธิสถานะ เป็นข้อมูลที่พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าปัญหาด้านสิทธิสถานะหรือคนไทยตกหล่น มิได้เป็นสิ่งที่มีอยู่แต่ในพื้นที่เขตชนบทหรือพื้นที่ห่างไกลเท่านั้น หากแต่ชุมชนเมืองหรือใจกลางเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร ก็มีผู้คนที่ประสบปัญหาเช่นกัน
นางภรณี กล่าวต่อว่า สถานการณ์ดังกล่าวนำมาสู่การผลักดันข้อเสนอ ให้เข้าถึงระบบหลักประกันสุขภาพของคนไทยไร้สิทธิหรือคนไทยที่ตกหล่นจากสถานะทางทะเบียน นำมาสู่การจัดตั้ง “คณะทำงานพัฒนาการเข้าถึงบริการระบบหลักประกันสุขภาพของกลุ่มคนไทยที่มีปัญหาสถานะ” ที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเด็นการเข้าถึงหลักประกันทางสุขภาพของคนไทยไร้สิทธิจนถึงปัจจุบัน
สสส. สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาเครือข่ายในพื้นที่นำร่องเพื่อให้เกิดกลไกและความร่วมมือในการพัฒนาสิทธิสถานะและการเข้าถึงระบบหลักประกันทางสุขภาพของคนไทยไร้สิทธิใน 7 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปราจีนบุรี ตราด อุบลราชธานี กาญจนบุรี สงขลา และสระบุรี ภายใต้ความร่วมมือของภาคประชาสังคม ภาครัฐ และภาควิชาการ ที่ครอบคลุมหน่วยงานตามบันทึกข้อตกลง "การดำเนินงานพัฒนาการเข้าถึงสิทธิหลักประกันสุขภาพของคนไทยที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียน" และหน่วยงานที่เป็นภาคีเครือข่ายในระดับพื้นที่
“สสส. หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการพัฒนาเครือข่ายในระดับพื้นที่ จะเป็นพื้นฐานการทำงานสำคัญที่สามารถสร้างผลสะท้อน และนำไปสู่การขับเคลื่อนเชิงนโยบายให้คนไทยไร้สิทธิหรือคนไทยที่ตกหล่นจากสิทธิสถานะ ได้เข้าถึงสวัสดิการที่เหมาะสมทั้งในทางสุขภาพและในทางสังคม” นางภรณี กล่าว
นางภรณี กล่าวอีกว่า ผลจากการทำงานดังกล่าวไม่แต่เพียงจะทำให้คนไทยไร้สิทธิในพื้นที่นำร่องได้รับการพัฒนาสิทธิสถานะและเข้าถึงหลักประกันทางสุขภาพตามเงื่อนไขที่เหมาะสมเท่านั้น หากแต่ยังนำไปสู่การเกิดระบบสนับสนุน ช่วยเหลือ แก้ปัญหาให้ประชากรกลุ่มนี้ ด้านสิทธิสถานะอย่างบูรณาการระดับพื้นที่ เช่น เครือข่ายที่จังหวัดปราจีนบุรี เกิดการทำงานร่วมระหว่างโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร, กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย, อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี, สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 6, สถาบันนิติวิทยาศาสตร์, หน่วยงานของพัฒนาสังคมจังหวัดปราจีนบุรี, สถานศึกษา, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาสังคม ในการค้นหา ประสานส่งต่อ และติดตามการพัฒนาสิทธิ เพื่อร่นระยะเวลาพิสูจน์สิทธิ ให้สามารถเข้าถึงหลักประกันทางสุขภาพเร็วขึ้น จากในอดีตใช้เวลา 10-20 ปี ยังไม่สามารถพิสูจน์สิทธิได้ เมื่อร่วมโครงการ สามารถเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สิทธิ และได้เรียกการพิสูจน์สิทธิภายในระยะเวลา 3-12 เดือน
นางสาววรรณา แก้วชาติ มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย กล่าวอีกว่า มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัยมีหน้าที่เชื่อมเครือข่าย เติมความรู้ให้กับคนทำงาน ประสานความร่วมมือหน่วยงาน เพื่ออุดช่องโหว่ของปัญหาของกลุ่มผู้มีปัญหาสถานะบุคคล โดยคณะทำงานคนไทยไร้สิทธิฯ เป็นกลไกสำคัญที่กำกับติดตามการทำงาน ผลักดันข้อเสนอสำคัญต่าง ๆ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงมือปฏิบัติแก้ไขปัญหาร่วมกัน และเปิดช่องทางการทำงานภายใต้กฎหายที่เกี่ยวข้อง โดยมี สสส.ร่วมสนับสนุนการเตรียมความพร้อมเครือข่าย การจัดเตรียมองค์ความรู้ ตลอดจนการถอดชุดความรู้ เพื่อส่งต่อข้อมูลไปยังโรงพยาบาล กลุ่มคนที่มีใจพร้อมทำงานเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการให้ “กลุ่มผู้มีปัญหาสถานะบุคคลเข้าถึงสิทธิการรักษา กล้าที่จะลุกขึ้นยืน เดินไปสำนักทะเบียน และยื่นคำร้องขอเพิ่มชื่อ ขอทำบัตรด้วยตนเอง” โดยมีภาคีเครือข่ายร่วมกันสนับสนุน
"โรคกินไม่หยุด" แค่อยากหรือป่วย เช็กอาการก่อนก่อโรคอื่นตามมา
อสม.เฮ! ครม.ไฟเขียว อนุมัติงบ 1,050 ล้านบาท จ่ายค่าตอบแทน-เสี่ยงภัยโควิด