เช็กพฤติกรรมเสี่ยง “โรคอุจจาระเต็มท้อง” รู้ทันก่อนป้องกันได้
กินแล้วแน่น ถ่ายไม่ออก อาการบ่งบอกภาวะอุจจาระเต็มท้องที่หลายคนมักมองข้าม แต่โรคนี้ป้องกันได้เพียงปรับพฤติกรรมเสี่ยง
“กินแล้วแน่น ถ่ายไม่ออกมาหลายวัน ครั่นเนื้อครั่นตัว” อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนของโรคอุจจาระแน่นท้องที่ “ฮาย อาภาพร” นักร้องลูกทุ่ง เล่าประสบการณ์ชีวิต เนื่องจากร่างกายเกิดภาวะอุจจาระถึงคอหอยให้ฟังว่า 3 ปีที่ผ่านมา ไม่สนใจเลย กินทุเรียนวันละ 3 ลูก ไม่เคยเป็นอะไร ขับถ่ายดี และเคยกินมากสุดถึงปีละ 500 ลูก เพราะช่วงนั้นตัวเองก็ออกกำลังกายอย่างหนัก ตอนนั้นใครแย่งทุเรียนไม่ได้เลย ต้องเขียนป้ายห้ามเอาไว้ หวงมาก
Rise & Shine ชีวิตดีเริ่มที่ตัวเรา EP.10 | ตอน “ฮาย อาภาพร” | 2 ก.ย. 65
ชัดก่อนแชร์ | ขับถ่ายทุกวัน ก็สามารถเป็นโรคอุจจาระเต็มท้องได้ จริงหรือ? | PPTV HD 36
จนมีอยู่ครั้งหนึ่งร่างกายเราอาจจะรวน นอนน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ กินแล้วไม่ถ่าย ทำให้รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว กินแล้วแน่น ลืมตาไม่ได้ โลกหมุนเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างจะร่วงลงมาหาเรา จนต้องไปหาหมอ
“หมอเช็กแล้ว อู้หู อุจจาระถึงคอหอยเลย มันไม่ได้ถ่ายมา 3 วัน ลำไส้มีแต่อุจจาระทั้งนั้นเลย เราก็คิดว่ามีอย่างนี้ด้วยหรอ แต่เรารู้สึกไม่สบายตัวเลย เราไม่ได้ถ่าย แค่ 3 วันเอง” ฮาย อาภาพร เล่าให้ฟัง
รู้จัก "โรคอุจจาระเต็มท้อง"
ด้าน นายแพทย์จีรวัส ศิลาสุวรรณ อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหารและโรคตับ โรงพยาบาลพญาไท 2 กล่าวถึงภาวะอุจจาระเต็มท้อง (Fecal Impaction) ว่า เป็นภาวะท้องผูกแบบหนึ่ง ที่เจออุจจาระอยู่เต็มลำไส้ ต้องเข้าใจว่าอุจจาระที่เข้ามาส่วนต้นที่ลำไส้ใหญ่จะเป็นของเหลว แล้วจะค่อย ๆ ดูดน้ำกลับ จนเป็นก้อนอยู่ที่บริเวณด้านซ้ายล่าง
คนที่ท้องผูกมาก ๆ หรือมีภาวะอุจจาระเต็มท้อง จะพบอุจาระเต็มตั้งแต่ด้านล่างถึงด้านบนเลย อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การบีบตัวของลำไส้ไม่ดี พฤติกรรมขับถ่ายที่แปรปรวน (อั้นอุจจาระบ่อย จนหูรูดทำงานไม่สัมพันธ์กับการขับถ่าย) หรือ การมีแผล มีก้อนเนื้อ มีมะเร็ง ไปอุดตันทำให้อุจจาระเต็มท้องได้เหมือนกัน ซึ่งหากเป็นก้อนเนื้อ มะเร็งแนะนำให้รีบมาตรวจ
พฤติกรรมเสี่ยงอุจจาระเต็มท้อง
แต่หากเป็นโรคอุจจาระเต็มท้อง พบในคนอายุน้อย ส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรม ดังนี้
1. ไม่กินผัก ผลไม้
บางคนไม่รับประทานผัก ผลไม้เลย รับประทานแต่เนื้อสัตว์ และแป้ง ทำให้ไม่มีกากใยเป็นตัวช่วยในการขับถ่าย ดังนั้นเราควรกินผัก ผลไม้ให้ได้อย่างน้อย 4-5 กำมือ จะช่วยให้ดีขึ้น
2. กินอาหารเสริมเยอะเกินไป
อาหารเสริม อย่าง แคลเซียม วิตามิน เหล็ก และซิงค์ ทำให้ท้องผูกง่ายขึ้น ควรหลีกเลี่ยงก่อน รวมถึงคอลลาเจนด้วย
3. ดื่มน้ำน้อยเกินไป
การดื่มน้ำสำหรับคนท้องผูก อาจต้องดื่มวันละ 1.5-2 ลิตร เพราะบางคนเมื่อดื่ม ชา กาแฟ ที่ทำให้ปัสสาวะบ่อยอยู่แล้ว ยิ่งไม่อยากกินน้ำเปล่าเพิ่ม เพราะจะทำให้เข้าห้องน้ำมากขึ้น เมื่อดื่มน้ำน้อยก็เป็นสาเหตุให้น้ำถูกดึงออกไปจากร่างกายมากขึ้น อุจจาระจึงแข็ง ขับถ่ายได้ยาก
4. ขับถ่ายไม่เป็นเวลา
ส่วนใหญ่คนทั่วไปในตอนเช้า ไม่ว่าจะตอนตื่นนอนหรือหลังจากอาหารเช้า การบีบตัวของลำไส้จะเยอะขึ้น ทำให้ขับถ่ายได้ดี แต่หากอั้นไว้เพราะต้องรีบไปทำงาน ทำบ่อย ๆ เกิดเป็นความเคยชิน จนหูรูดไม่คายตัว เมื่อถึงเวลาจะถ่าย ก็ถ่ายไม่ออก อุจจาระเลยดันขึ้นไปกลายเป็นอุจจาระเต็มท้อง
เปลี่ยนพฤติกรรม หัวใจสำคัญป้องกันโรค
“80-90 เปอร์เซ็นต์ของภาวะอุจจาระแน่นท้องเกิดจากพฤติกรรม การใช้ชีวิต การกินผัก ผลไม้ หรือน้ำน้อยเกินไป ดังนั้นเราต้องเปลี่ยนพฤติกรรม แต่ถ้าเราปรับเปลี่ยนแล้วยังไม่ดีขึ้น อาจพบแพทย์ได้” นายแพทย์จีรวัส เปิดเผยข้อมูล
ส่วนบางคนที่ไม่ยอมปรับเปลี่ยนพฤติกรรม แต่กินยาระบาย กลายเป็นว่าถ้าเราไม่กิน ร่างกายก็จะไม่ขับถ่าย เพราะยาเป็นการกระตุ้นลำไส้ วันหนึ่งต้องกินเยอะขึ้นเรื่อย ๆ วิธีนี้เป็นการแก้ปัญหาที่ผิด ซึ่งหมอไม่แนะนำ ต้องแก้ที่สาเหตุ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท
“ท้องผูก” สัญญาณที่ถูกมองข้าม จุดเริ่มต้นสารพัดโรค
เตือน! ปวดท้อง และขับถ่ายผิดปกติเสี่ยง “ภาวะลำไส้อุดตัน”