“อนุทิน” ตั้งเป้า "สาธารณสุขไทย" หลังโควิด ให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพโลก
รมว.สธ. ตั้งเป้าสาธารณสุขไทยยุคใหม่หลังโควิด-19 ต้องพร้อมทั้ง คน-ของ-ยุทธศาสตร์ มีความมั่นคงของระบบสาธารณสุข เพื่อเป็นศูนย์กลางสุขภาพโลก ทั้งการรักษา ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์ Medical Tourism และเป็นศูนย์กลางทางการศึกษาด้านการแพทย์
วันนี้(9 ต.ต.65) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ทำให้ประเทศไทย และทั่วโลกต้องเผชิญความท้าทายหลายด้าน มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และอาจสร้างวิกฤตการณ์ทางสาธารณสุขอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประเทศที่มีระบบสาธารณสุขไม่เข้มแข็งพอจะฟื้นตัวได้ยาก ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยได้รับการจัดอันดับว่ามีความมั่นคงทางสาธารณสุขเป็นอันดับที่ 5 จาก 195 ประเทศทั่วโลก
ชาวรังสิต งงประกาศ 2 หน่วยงาน ให้ข้อมูลไม่เหมือนกันเรื่องการระบายน้ำ
เกาหลีเหนือ ทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ ครั้งที่ 7 ในรอบ 2 สัปดาห์
และมีการจัดตั้งสำนักงานเลขาธิการศูนย์อาเซียนด้านการรับมือกับภาวะฉุกเฉิน ทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับวิกฤตครั้งต่อไปที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ด้วยความท้าทายต่างๆ ระบบสาธารณสุข จึงต้องพร้อม ทั้งคน ของ และยุทธศาสตร์ ด้าน “คน” คือ บุคลากรทุกภาคส่วนที่มีความเชื่อมโยงกับการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งภายในและภายนอกองค์กร เช่น นโยบาย 3 หมอที่มี อสม. เป็นหมอประจำบ้าน ทำงานร่วมกับหมอสาธารณสุข และหมอเวชปฏิบัติครอบครัว สื่อมวลชน ภาคเอกชน นักวิชาการ นักธุรกิจต่างๆ เป็นการขยายขอบเขตการให้บริการ ช่วยลดความแออัดของโรงพยาบาล ลดอัตราการป่วยหนัก การครองเตียง และงบประมาณ
ด้าน “ของ” คือการเพิ่มขีดความสามารถของทรัพยากร เช่น สถานที่ที่ใช้สำหรับรักษา, ฐานข้อมูลดิจิทัลทางสุขภาพของประชาชนแบบไร้รอยต่อ, เทคโนโลยี Telemedicine หรือแพทย์ทางไกล ช่วยลดภาระและค่าใช้จ่าย ในการเดินทางมาโรงพยาบาล ซึ่งวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา นำมาสู่โอกาสทางสาธารณสุข มีการพัฒนาระบบสาธารณสุขของชาติ บริหารงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างการหมุนเวียนที่เป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจด้วย
ด้าน “ยุทธศาสตร์” มองว่าบทบาทของสาธารณสุขเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภายใต้แนวคิด “Health for Wealth” นำ “ความเข้มแข็งทางสาธารณสุข” มาสร้าง “ความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ” โดยตั้งเป้าอนาคตอันใกล้ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางสุขภาพของโลก ทั้งการรักษา การผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์ Medical Tourism รวมถึงการเป็นศูนย์กลางทางการศึกษาด้านการแพทย์ด้วย
“หลังโควิด19 มั่นใจว่า ประเทศไทยจะมีรายได้เข้ามาอีกมาก ด้วยระบบสาธารณสุขของไทยที่ชาวต่างชาติให้ความเชื่อถือ จากการรักษาพยาบาลด้วยอุปกรณ์เครื่องมือการแพทย์ที่ทันสมัย มีมาตรฐานสูง ต้นทุนการใช้จ่ายคุ้มค่า ซึ่งต้องร่วมมือกันพัฒนาระบบสาธารณสุขไทยให้ยั่งยืน เพราะระบบสาธารณสุขที่ดี จะทำให้เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ชาวต่างชาติจะเข้ามาประเทศไทย” นายอนุทิน กล่าว