สธ.จับตาโควิด “XBB- BN.1” หลังพบผู้ป่วยเพิ่ม อาจหลบภูมิเก่ง
สธ.จับตาลูกหลานโอมิครอน โดยเฉพาะสายพันธุ์ย่อย “XBB-BN.1” เหตุมีโอกาสหลบภูมิคุ้มกันเก่ง ล่าสุดไทยพบผู้ป่วย XBB แล้ว 2 คน ขณะที่ BN.1 เจอเพิ่มอีก 7คน
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จัดแถลงข่าวด่วนเรื่องการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด-19 โดย นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการตรวจสายพันธุ์ 128 ตัวอย่าง ยังเป็นสายพันธุ์โอมิครอนทั้งหมด ส่วนสายพันธุ์เดลต้า อัลฟ่า เบต้า ไม่เจอแล้ว
สำหรับสายพันธุ์โอมิครอนที่พบมากที่สุด คือ สายพันธุ์ย่อย BA.5 ขณะที่สายพันธุ์ BA.2 พบเล็กน้อยเพียง 2 ตัวอย่าง ส่วนสายพันธุ์ BA.2.75 ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่พบเลย
โควิด-19 รอบสัปดาห์ ไทยติดเชื้อเฉลี่ย 319 เสียชีวิตวันละ 7 คน
สปสช. แนะ ผู้มีสิทธิบัตรทอง เปลี่ยนหน่วยพยาบาล ใช้เอกสารอะไรบ้าง?
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) ได้ติดตามสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก ยังไม่พบสายพันธุ์ที่น่ากังวลเพิ่มเติม ยังเป็นโอมิครอน แต่โอมิครอนมีลูกหลานหลายตัว องค์การอนามัยโลกจึงให้ทั่วโลกเฝ้าติดตามสายพันธุ์ต่างๆ ที่แตกย่อยออกมาโอมิครอน เช่น BA.5 ก็มีลูกหลานหลายตัว, BA.2.75, BJ.1, BA.4.6, BA.2.3.20 และ XBB
จากการเฝ้าระวังสถานการณ์การกลายพันธุ์ของโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยในประเทศไทยนั้น กรณี BA.2.75 ข้อมูลบน Gisaid มีรายงานรวม 19 คน ส่วนอีก 11 คน เป็นตระกูลลูกหลาน BA.2.75.1, BA.2.75.2, BA.2.75.3 และ BA.2.75.5 รวมแล้ว 30 คน
ส่วน โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย XBB เป็นสายพันธุ์ผสมระหว่าง BJ.1 (BA.2.10.1.1) และ BM.1.1.1 (BA.2.75.3.1.1.1) โดยมีบรรพบุรุษร่วมกันคือ BA.2 พบในประเทศไทยแล้ว 2 คน หลังจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมายังไม่พบผู้ป่วยยืนยัน ดังนี้
- คนที่ 1 : เป็นหญิงต่างชาติ อายุ 60 ปี เดินทางมาจากฮ่องกง และมาตรวจในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง มีอาการไม่มากและมีไอ ขณะป่วยอาศัยในโรงแรมแห่งหนึ่ง
- คนที่ 2 : เป็นหญิงไทย อายุ 49 ปี เดินทางมาจากสิงคโปร์ ไปตรวจในโรงพยาบาลเดียวกันกับคนก่อนหน้า มีอาการไม่มากและมีไอ คัดจมูก ขณะป่วยอาศัยอยู่ที่บ้าน และตอนนี้หายเป็นปกติแล้ว
แม้จะมีพันธุ์ใหม่ แต่อย่าเพิ่งตกใจ เพราะยังไม่มีหลักฐานว่า ป่วยหนัก อย่างสิงคโปร์ที่พบเชื้อนี้จำนวนมาก เขาก็ยืนยันว่า จำนวนคนไข้หนักที่เพิ่มขึ้น เป็นไปตามสัดส่วนของเชื้อที่เพิ่มขึ้น หมายความว่าตัวเชื้อไม่ได้รุนแรง แต่ที่มากเพราะคนติดเชื้อเยอะขึ้น
สำหรับ โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BF.7 เป็นสายพันธุ์ลูกหลานของ BA.5.2.1 แพร่ระบาดได้น้อยกว่า XBB และ BQ.1.1 ตอนนี้พบแพร่ไปยังเบลเยียม เยอรมันนี เดนมาร์ก และอังกฤษ รวมถึงพบในไทยแล้ว 2 ราย ได้แก่
- คนที่ 1 : เป็นชายต่างชาติ อายุ 16 ปี อาศัยอยู่ในไทย อยู่ที่ กทม. โดยเราได้ส่งข้อมูลไป Gisaid ตั้งแต่กันยายนที่ผ่านมาแล้ว แต่ตอนนั้นเป็นสายพันธุ์กลุ่มของ BA.5 จนมีการแตกสายพันธุ์ออกมาก
- คนที่ 2 : เป็นหญิงไทย อายุ 62 ปี บุคลากรทางการแพทย์ พบที่ กทม. และมีการรายงานข้อมูลไปแล้วในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา
โดยทั้งคู่ไม่ได้มีอาการรุนแรง ซึ่งทั่วโลกเจอเชื้อนี้ประมาณ 13,000 คน โดยพวกนี้เป็นเชื้อในตระกูลโอมิครอนคือ แพร่เร็วแต่ไม่รุนแรง
นอกจากนี้ไทยยังเจอ โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BN.1 หรือ BA.2.75.5.1 โดยรายงานข้อมูลบน Gisaid ไปแล้ว 3 คน และพบเพิ่มเติมในไทย 7 คน ขณะที่ทั่วโลกพบเชื้อนี้ 437 คน
ส่วน BQ.1.1 ยังไม่พบในไทย แต่ที่น่าสนใจคือ ตัวนี้เพิ่มจำนวนค่อนข้างเร็ว ซึ่งอาจเป็นปัญหาในอนาคตได้ โดยทั่วโลกมีรายงานพันกว่าราย สำหรับสถานการณ์ Emerging variant ที่กังวลเรื่องการหลบภูมิคุ้มกัน จะพบว่า มี XBB รองลงมา BQ.1.1 และ BN.1 จึงต้องมีการเฝ้าระวังและติดตามต่อไป
นพ.ศุภกิจ กล่าวอีกว่า วันนี้สายพันธุ์ที่น่าสนใจ คือ BA.2.75.2 มี 8 ราย BN.1 มี 10 ราย BF.7 มี 2 ราย และ XBB อีก 2 ราย แต่ส่วนใหญ่คนติดเชื้อยังเป็น BA.5 พันธุ์ย่อยๆ มีบ้าง แต่ขอย้ำว่าอย่าเพิ่งตกใจไป เพราะตระกูลโอมิครอนแม้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นแต่ไม่รุนแรง ซึ่งหากมีอาการก็ขอให้ตรวจหาเชื้อ จะได้ลดการแพร่เชื้อ เพราะหลักการหากลดการแพร่เชื้อ ก็ลดการกลายพันธุ์ได้
ดังนั้น แม้ปัจจุบันจะมีการผ่อนคลายมาตรการและมีการจัดกิจกรรม ประเพณีต่างๆ มากขึ้น มาตรการที่ใช้อยู่อย่างการสวมหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะการไปอยู่ในที่คนจำนวนมากยังช่วยได้ และการล้างมือบ่อยๆ ก็ช่วยได้เหมือนเดิมอีกเช่นกัน รวมทั้งการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นยังเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะกลุ่ม 608 (ผู้สูงอายุ, ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ ) และในกรณีที่ฉีดเข็มสุดท้ายเกิน 4-6 เดือนขอให้มาฉีดกระตุ้น
ไทยพบผู้ป่วยฝีดาษลิงคนที่ 11 ชายหมอนวด เดินทางกลับมาจากกาตาร์
หน้าหนาว “ผิวแห้งกร้าน” หยุดเกา-เลี่ยงอาบน้ำอุ่น ก่อนโรคผิวหนังถามหา