เหนื่อยง่าย นอนราบไม่ได้! เช็กสัญญาณเตือน 4 โรคเสี่ยงของคนทำงาน
ใครทำงานหนัก ไม่ค่อยได้ดูแลสุขภาพ จนเริ่มมีอาการท้องอืด-เหนื่อยง่าย-นอนราบไม่ได้ ขอให้รีบไปพบแพทย์เพราะนี่อาจเป็นสัญญาณเตือน 4 โรคเสี่ยงของคนทำงาน
ใครที่ทำงานหนัก ไม่ค่อยได้ดูแลสุขภาพ หรือไปตรวจสุขภาพเป็นประจำ แนะนำว่าให้หันมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองกัน เหมือนอย่าง “มัม ลาโคนิค” นักร้องชื่อดัง ที่ออกมาเล่าประสบการณ์ให้ฟังว่า เคยคิดว่าตัวเองแข็งแรงมาตลอด แล้วก็ทำงานหนักมาตั้งแต่ปี 2549 เป็นปีๆ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เจอมรสุมโรครุมเร้าหนัก ทั้ง โรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ, นิ่วในถุงน้ำดี, น้ำท่วมปอด และ ไตเสื่อม
ไขความลับของชีส หลังกระแส “ชีสบอร์ด” มาแรงติดเทรนด์โซเชียล
เช็กอาการติดพนันฟุตบอล ความเจ็บป่วยทางจิตเวชที่ต้องได้รับการรักษา
มัมมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อยู่เป็นประจำ แต่อยู่ดีๆ วันหนึ่งท้องแข็งมาก กินยาก็ไม่หาย นอนไม่หลับ นอนราบก็ไอจนจะขาดใจตายให้ได้ จึงตัดสินใจไปหาหมอ เมื่อถึงมือหมอก็ต้องตกใจเพราะโดนจับเข้าห้องไอซียูเลย แล้วก็ต้องแอดมิทไปเลยเดือนนึง เพราะเป็นทั้งโรคนิ่วในถุงน้ำดี ก้านหัวใจอักเสบและน้ำท่วมปอด และไตเริ่มเสื่อม อยู่ในขั้นที่ 3 ซึ่งถ้าถึงขั้นที่ 5 นี่ต้องฟอกไตแล้ว ส่วนสาเหตุที่เกิดโรคเป็นแพคใหญ่ เพราะคิดว่าตัวเองเป็นคนที่แข็งแรงมาก ไม่เคยตรวจประจำปีเลย พอตรวจขึ้นมา ก็ล้มตึงเลยทีเดียว
ซึ่ง “มัม ลาโคนิค” บอกอีกว่า ถ้าไม่ปรับการใช้ชีวิตใหม่ หันมาดูแลเรื่องอาหารการกิน ออกกำลังกาย หรือนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ สุขภาพก็คงไม่กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมได้
ดังนั้นการรักษาสุขภาพเป็นประจำและหมั่นตรวจสุขภาพประจำปี ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก แต่ใครที่ทำงานหนัก ไม่ค่อยดูแลสุขภาพ จนเริ่มมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ นอนไม่หลับ นอนราบแล้วเหนื่อย ขอให้มาเช็กสัญญาณเตือนกันว่าคุณกับเสี่ยงเป็นโรคเดียวกันกับที่ “มัม ลาโคนิค” เผชิญมาแล้วหรือไม่ เพราะยิ่งรู้ตัวเร็วเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสกลับมาสุขภาพแข็งแรงได้เร็วมากขึ้นเท่านั้น
โรคนิ่วในถุงน้ำดี
ใครที่มีอาการท้องอืด ปวดจุกบริเวณลิ้นปี่ หรือบริเวณใต้ชายโครงขวา แล้วก็ร้าวทะลุไปที่สะบักขวา และอาจมีอาการร่วมคือ คลื่นไส้ อาเจียน โดยอาการปวดจะค่อนข้างรุนแรง อยู่นานประมาณ 1-3 ชั่วโมง แล้วก็จะค่อยๆ คลายคงไป ขอให้รีบไปพบแพทย์ เพราะนี่คือสัญญาณเตือนของโรคนิ่วในถุงน้ำดี
การที่มีนิ่วไหลลงไปในถุงน้ำดี ทำให้ท่อน้ำดีอุดตัน ผู้ป่วยส่วนใหญ่จึงมักมีอาการตัวเหลือง หรือมีท่อน้ำดีอักเสบ หรือถ้านิ่วไหลลงไปในถุงน้ำดีไปลำไส้เล็ก ก็จะทำให้เกิดปัญหา เช่น ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน เป็นสาเหตุให้เกิดอาการปวดจุกบบริเวณลิ้นปี่ หรือบริเวณใต้ชายโครงขวานั่นเอง
แต่ผู้ป่วยบางคนที่เผ้าระวังอย่างต่อเนื่อง อัลตราซาวนด์แล้วพบว่าเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี ตรงนี้อาจไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรักษา แต่ถ้าเป็นผู้ป่วยกลุ่มที่เหลือที่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน นอกจากให้ยาฆ่าเชื้อแล้ว การรักษาผู้ป่วยกลุ่มนี้คือการผ่าตัด ซึ่งการผ่าตัดในปัจจุบัน สามารถเลือกได้ทั้งแบบเปิดและส่องกล้องผ่าตัด ซึ่งปัจจุบันการส่องกล้องผ่าตัดก็เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสูง เพราะแผลเล็ก และฟื้นตัวได้เร็ว
โรคกล้ามเนื้อหัวใจ-น้ำท่วมปอด
กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ คือ การอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจ ที่ทำให้การบีบตัวของหัวใจแย่ลง เราจึงเหนื่อยง่าย เหนื่อยกะทันหัน บางทีอาจมีน้ำท่วมปอดร่วมด้วยได้ ส่งผลให้นอนราบไม่ได้ และหากรุนแรงมากอาจมีเสมหะเป็นฟองสีชมพู นอกจากนี้ด้วยกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ จึงมีผลต่อวงจรไฟฟ้า ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะได้อีก
สาเหตุของโรคกล้ามเนื้อหัวใจ
1.) มีการติดเชื้อไวรัส
2.) มีการติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด
3.) มีการติดเชื้อราบางชนิด
4.) ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ ได้แก่
- การได้รับสารเคมีบางชนิด เช่น ยาเคมีบำบัด ยาปฏิชีวนะ หรือได้รับสารพิษ เช่น แอลกอฮอล์
- โรคที่ทำให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกาย เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง
อาการของโรคกล้ามเนื้อหัวใจ
1.) ไม่แสดงอาการเลย หรือมีอาการเล็กน้อย เช่น เป็นไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ กราฟหัวใจผิดปกติเล็กน้อย
2.) มีอาการเฉียบพลันรุนแรง อาจถึงขั้นต้องนอนพักห้องไอซียู
ประเภทของน้ำท่วมปอด
1.) น้ำท่วมปอดแบบเฉียบพลัน เกิดจากการมีน้ำในปอดมากกะทันหัน นอนไม่ได้ ต้องลุกขึ้นนั่ง เพราะการลุกขึ้นนั่งจะทำให้น้ำตกลงลงมาตามแรงโน้มถ่วงเราจึงเหนื่อยน้อยลง ขณะที่บางคนไอเป็นฟองสีชมพู
2.) อาการเรื้อรัง เป็นอาการที่เกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เกิดขึ้นจากร่างกายมีการแลกเปลี่ยนออกซิเจนลดลง เมื่อออกซิเจนในร่างกายต่ำ ก็จะรู้สึกเหนื่อยง่ายขึ้น หรือเป็นอาการที่พบในยามนอนช่วงกลางคืนไปสัก 2-3 ชั่วโมง แล้วรู้สึกเหนื่อยจนต้องลุกขึ้นมาหายใจ
การรักษา
หากมีอาการไม่เยอะ แพทย์จะรักษาตามอาการ เช่น มีไข้ ก็จะให้ยาลดไข้ ถ้ามีอาการอักเสบ ก็จะให้ยาลดการอักเสบ แต่ที่สำคัญคือผู้ป่วยห้ามออกกำลังกาย หรือทำงานหนักเป็นเวลา 3-6 เดือน ส่วนถ้ามีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ ก็จะรักษาตามสาเหตุ เช่น ถ้าสาเหตุมาจากการแพ้ภูมิตัวเอง ก็รักษาตาสาเหตุที่เราเจอ แต่ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการหนักมาก เช่น มีเสมหะเป็นสีชมพู ซึ่งเป็นอาการบ่งบอกว่าน้ำท่วมปอดแล้ว อันนี้จะต้องแอดมิททันที
โรคไตเสื่อม
โรคไตเสื่อม มักส่งสัญญาณให้เห็นว่า ปัสสาวะผิดปกติ ปัสสาวะลดลง ปัสสาวะเป็นฟอง หรือปัสสาวะแล้วแสบ หรืออาจมีอาการปวดหลัง ปวดร้าวขาหนีบ อ่อนเพลีย และบวมร่วมด้วย
โดยส่วนใหญ่โรคไตเสื่อมในของคนไทย มักจะพบในคนที่เป็นเบาหวาน กับความดันโลหิตสูง ภาวะแรกๆ อาจไม่มีอาการแสดงออก ถ้ามีอาการแสดงว่าเริ่มมีภาวะไตเสื่อมเยอะแล้ว และถ้าเริ่มมีของเสียสะสม จะเริ่มมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน นอนไม่หลับ หรืออ่อนเพลีย บางทีก็คันแบบไม่ทราบสาเหตุ มีอาการบวมที่ใบหน้าและขา หรือเริ่มนอนไม่ได้ ต้องลุกขึ้นมาหอบ หรือกรณีเกิดจากฮอร์โมนเลือดผิดปกติ ก็อาจจะมีเลือดจาง มีอาการอ่อนเพลีย หรือเหนื่อยง่ายได้
การรักษาโรคไตเสื่อม คือ การวินิจฉัย ซึ่งใช้เวลาไม่นาน เพียงแค่รอผลตรวจเลือด ผลตรวจปัสสาวะเท่านั้น หรืออาจใช้วิธีการอัลตราซาวนด์ก็ได้ ขึ้นอยู่กับสาเหตุ แต่สาเหตุโดยส่วนใหญ่ก็เป็นพวกเบาหวานและความดัน ซึ่งเราจะต้องดูแลร่วมกันไป เช่น การคุมน้ำตาลและเบาหวาน โดยแพทย์อาจจะนัดมาเป็นระยะ ๆ ส่วนถ้าเป็นไตเสื่อมจากสาเหตุอื่น เราก็จะรักษาตามสาเหตุอื่นๆ ต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก :
- พล.ต.ต.นพ.วารินทร์ วชิรปัญญานุกูล ศัลยแพทย์อาวุโสเฉพาะทางด้านการผ่าตัดผ่านกล้อง โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์
- นต.นพ.ชยุต ชีวะพฤกษ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคหัวใจและหลอดเลือดศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์
- นพ.กมลเดช วงศ์พรภักดี อายุรแพทย์โรคไต ศูนย์อายุรกรรม โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์
เทียบข้อดี ของนมวัว และ นมจากพืช เลือกให้เหมาะกับคุณ ประโยชน์เต็มแก้ว
อัปเดต! จุดฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วไทย ทั้งแบบ Walk in – ลงทะเบียน