เตือน!กลุ่มเสี่ยง-ทำงานกลางแจ้ง ระวัง “ฮีทสโตรก” จากอากาศร้อนจัด
กรมอนามัย เตือนประเทศไทยจะเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อน ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม ที่ผ่านมา คาดการณ์ว่าอุณหภูมิปีนี้จะสูงกว่าปีที่แล้ว สูงสุดถึง 43 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งอยู่ในระดับอันตรายต่อสุขภาพ เน้นย้ำ ประชาชนและกลุ่มเสี่ยงป้องกันและดูแลสุขภาพ และวิธีปฐมพยาบาลผู้ป่วยฮีทสโตรก
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยให้ความสำคัญกับการดูแลและป้องกันสุขภาพของประชาชน จึงร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยาดำเนินการเฝ้าระวังและสื่อสารเตือนภัยด้านสุขภาพในช่วงฤดูร้อน รวมทั้งเฝ้าระวังอาการและพฤติกรรมการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพจากความร้อนด้วยอนามัยโพล เนื่องจากสภาพอากาศร้อนจะก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยจากความร้อนตั้งแต่อาการเล็กน้อย ได้แก่ ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ เป็นตะคริวจากความร้อน มีผื่นแดงตามผิวหนัง หรืออาจมีอาการรุนแรงจนเป็นโรคฮีทสโตรก
ปีนี้จังหวัดไหนอากาศร้อนสุด? กรมอุตุนิยมวิทยา เปิด 4 จังหวัดร้อนตับแตก
กรมอุตุฯ ประกาศไทยเข้าสู่ฤดูร้อน 5 มี.ค. อุณหภูมิสูงสุด 43 องศาฯ
ซึ่งหากไม่ได้รับการปฐมพยาบาลทันทีอาจทำให้เสียชีวิตได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น กลุ่มเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์และผู้มีโรคประจำตัว รวมถึงกลุ่มอาชีพที่ต้องทำงานหนักกลางแจ้ง เช่น งานก่อสร้าง เกษตรกร
กรมอนามัยจึงขอแนะนำให้ประชาชนป้องกันตัวเองจากความร้อน ได้แก่
- ดื่มน้ำสะอาดบ่อย ๆ โดยไม่ต้องรอกระหายน้ำ
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงกลางวันหรือช่วงที่มีสภาพอากาศร้อนจัด
- สวมเสื้อผ้าสีอ่อน ระบายอากาศได้ดี สวมหมวกปีกกว้าง แว่นกันแดด
- ทาครีมกันแดดทุกครั้งเมื่อมีความจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง
- รวมทั้งหลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม และแอลกอฮอล์
- หากอุณหภูมิสูงสุดขึ้นไปที่ 43 องศาเซลเซียส ควรงดทำกิจกรรมกลางแจ้ง และหมั่นสังเกตอาการเสี่ยงจากโรคฮีทสโตรก ได้แก่ เหงื่อไม่ออก สับสน มึนงง ตัวร้อนจัด ผิวหนังเป็นสีแดงและแห้ง
สภาพอากาศ 10 ข้างหน้า ลมเริ่มแปรปรวน สัญญาณเริ่มต้นเข้าสู่ “ฤดูร้อน”
หากพบผู้ป่วยโรคฮีทสโตรก
- ให้รีบตามแพทย์ หรือโทร 1669 และพาผู้ป่วยหลบเข้าที่ร่มหรือห้องมีความเย็น
- จัดผู้ป่วยให้นอนราบ ยกเท้าและสะโพกสูง
- ถอดเสื้อผ้าออกเท่าที่จำเป็นเพื่อระบายความร้อน
- ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตามตัวหรือวางถุงน้ำแข็งที่คอ รักแร้ และขาหนีบ
- หากผู้ป่วยหมดสติให้จับนอนตะแคงเพื่อป้องกันโคนลิ้นอุดทางเดินหายใจ
- รีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว
ทั้งนี้สามารถรับคำแนะนำในการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพจากความร้อนได้ที่เว็บไซต์กองประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ (https://hia.anamai.moph.go.th/th) และ Facebook กรมอนามัย และกองประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ รวมถึงสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมอนามัย 1478 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
หน้าร้อนต้องระวัง! 4โรคยอดฮิตของเด็กๆ
หน้าร้อนแนะวิธีเลือกซื้อ "อาหารทะเล" เลี่ยงสารเคมีเป็นพิษต่อร่างกาย