คาดไข้เลือดออกสูงกว่าปีที่แล้ว 5.4 เท่า แนะมีอาการห้ามซื้อยากินเอง
กรมควบคุมโรค คาดว่าผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกในปีนี้ อาจมีการระบาดใหญ่อีกครั้ง ประชาชนกำจัดยุงลายอย่างถูกหากมีอาการป่วยไข้ ไม่ควรซื้อยาลดไข้ในกลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) มากินเองเสี่ยงเสียชีวิตมากขึ้น และรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว พร้อมเปิดศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ (EOC) ระดมสรรพกำลังสกัดโรคไข้เลือดออก
นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยพบรายงานผู้ป่วยโรคติดต่อนำโดยยุงลายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโรคไข้เลือดออก ข้อมูลจากรายงานในปี 2566 ตั้งแต่ต้นปีจนถึงสัปดาห์ที่ 19 ของปี พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกสะสม 15,399 ราย ซึ่งมากกว่าปี 2565 เมื่อเทียบในช่วงเวลาเดียวกันถึง 5.4 เท่า อีกทั้งยังพบผู้ป่วยเสียชีวิตด้วยโรคไข้เลือดออกยืนยันแล้วถึง 13 ราย พื้นที่ระบาด 5 จังหวัดแรกที่พบผู้ป่วยสูงสุดคือ น่าน ตราด ชุมพร จันทบุรี และตาก
“ไข้เลือดออก”สัญญาณภาวะแทรกซ้อนอันตรายถึงชีวิต-เป็นซ้ำเสี่ยงกว่าเดิม
เตือน! ไข้เลือดออกระบาดมากกว่า ม.ค.65 ถึง 5 เท่า เสียชีวิต 1 ราย พบกทม.ยอดสูงสุด
ซึ่งกรมควบคุมโรคได้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวที่ไม่ใช่เหตุการณ์ปกติ และเข้าเกณฑ์ที่จะต้องเปิดศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ของกรมควบคุมโรค จะมีอธิบดีกรมควบคุมโรคเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ และดำเนินการไปพร้อมกับหน่วยงานเครือข่ายในพื้นที่ระบาด เพื่อระดมสรรพกำลังและทรัพยากรจากส่วนอื่นๆ เข้ามาจัดการป้องกันควบคุมโรคให้เกิดประสิทธิผลให้ได้มากที่สุด
ขณะที่เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2566 ได้มีการเปิดศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ (EOC) กรมควบคุมโรค เร่งรณรงค์ป้องกันควบคุมโรคอย่างเร่งด่วน ดำเนินการร่วมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ซึ่งเป็นผู้ดูแลกำกับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) กว่าล้านคน จะช่วยเป็นแรงผลักดันให้ประชาชนร่วมมือกันกำจัดลูกน้ำยุงลายให้หมดไปจากพื้นที่ตนเอง
จากข้อมูลการสำรวจดัชนีลูกน้ำยุงลายของกองโรคติดต่อนำโดยแมลง ที่สำรวจลูกน้ำยุงลายในภาชนะน้ำขังตามสถานที่ต่างๆ พบว่าวัดยังเป็นสถานที่ที่พบลูกน้ำสูงสุด (ร้อยละ 64.6) รองลงมาคือโรงเรียน (ร้อยละ 55.1) สถานที่ราชการและโรงงานพบมากเป็นลำดับถัดมา
การเปิดศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ มีวัตถุประสงค์หลักคือ เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกของประเทศไทยให้ไม่เกินค่ามัธยฐานย้อนหลัง 5 ปี ภายในเดือนมิถุนายนและตลอดช่วงฤดูฝน (มิ.ย. - ส.ค.) และลดอัตราป่วยตายให้ไม่เกินร้อยละ 0.10 ในปี 2566 โดยใช้กลยุทธ์การติดตามกำกับและกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายในทุกจังหวัดของประเทศไทย สอบสวนแหล่งแพร่โรคและควบคุมโรคในจังหวัดที่มีการระบาดของโรคไข้เลือดออก สื่อสารความเสี่ยงและประชาสัมพันธ์เรื่องโรคไข้เลือดออกด้วยสื่อที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย กำหนดให้มีภารกิจด้านต่างๆ คาดหวังให้มีการขับเคลื่อนระบบการจัดการทั้งด้านบนและในฐานพื้นที่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
เตือนระวังไข้เลือดออก หลังพบผู้ป่วยสะสมราว 14,800 คน เสียชีวิต 13 คน
การป้องกันควบคุมโรคให้ประสบผลสำเร็จจะต้องมีมาตรการทั้งในมิติของคน เชื้อโรค ยุงพาหะ และต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยใช้หลายๆ วิธีการร่วมกัน เช่น การลดแหล่งเพาะพันธุ์โดยการจัดการสิ่งแวดล้อม การกำจัดลูกน้ำยุง การป้องกันไม่ให้ยุงกัด การใช้สารเคมีในการกำจัดยุง โดยเฉพาะในกรณีเกิดการระบาดของโรค และฝากถึงประชาชนว่าหากมีอาการป่วยหรือสงสัยว่าป่วยด้วยโรคไข้เลือดออก ต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้อง ไม่ซื้อยารับประทานเองโดยเฉพาะยาในกลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโครฟีแนก แอสไพริน รวมถึงยาชุด ซึ่งมีผลทำให้เลือดออกในทางเดินอาหารได้ง่าย และยากต่อการรักษา ทำให้เสี่ยงต่อการเสียชีวิต สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน กรมควบคุมโรค 1422
สธ.คาด “ไข้เลือดออก” สูงขึ้น หลังต้นปี พบป่วยมากกว่าครึ่งหมื่น เสียชีวิต 4 ราย
เช็ก 6 โรคที่ต้องระวังเด็กเล็กช่วงเปิดเทอม อาการและวิธีป้องกัน