‘แผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียม’ลดเสี่ยงติดเชื้อผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง
สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) เปิดเผยถึง‘แผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียม’ลดเสี่ยงติดเชื้อ-ออกแบบเฉพาะบุคคล เพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ป่วย สู่สิทธิประโยชน์หลักประกันสุขภาพ(สปสช.)เพื่อคนไทย
สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) เปิดเผยว่า หนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของประชากรโลก คือโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งจากผลการสำรวจปี 2562 พบว่าทั่วโลกมีผู้ป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมองมากกว่า 101 ล้านราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยรายใหม่ถึง 12.2 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตราว 6.5 ล้านคน สำหรับประเทศไทย ข้อมูลจากรายงานสถิติสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข ปี 2563 ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองทั้งหมด 34,545 คน และมากไปกว่านั้นคือ มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
4 วิธีการตรวจสอบสิทธิรักษาพยาบาล “บัตรทอง” ด้วยตนเอง
เปลี่ยนสิทธิ ‘ประกันสังคม’ มาเป็น ‘บัตรทอง’ ทำได้ไหม? มีเงื่อนไขอย่างไร?
สามารถจำแนกอาการโรคหลอดเลือดสมองออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ หลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตันเฉียบพลัน และ หลอดเลือดสมองปริแตกหรือฉีกขาด โดยทั้งสองประเภทสามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาสลายลิ่มเลือด หรือ “การผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ” ซึ่งเมื่ออาการดีขึ้นแล้วศัลยแพทย์จะปิดคืนกะโหลกให้กับผู้ป่วย
ทั้งนี้การปิดคืนกะโหลกศีรษะ นอกจากการใช้กระดูกกะโหลกเดิมแล้ว ยังมีสิ่งที่เรียกว่า Polymethylmethacrylate (PMMA) ซึ่งเป็นวัสดุพลาสติกที่ค่อนข้างใช้กันแพร่หลายทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ และเป็นวิธีการรักษาที่บรรจุอยู่ในสิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) หากแต่วัสดุ PMMA มีข้อจำกัด โดยเฉพาะเรื่องความแข็งแรงทนทาน ตลอดจนรอยยุบและรอยต่อระหว่าง “กะโหลกจริง” และ “กะโหลกเทียม” ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อสภาพจิตใจของผู้ป่วยแล้ว ยังมีผลต่อพัฒนาการของผู้ป่วยหลังการผ่าตัด ปัจจุบันจึงมีการสร้างแผ่นปิดกะโหลกศีรษะเทียมโดยใช้ไทเทเนียมหรือโลหะผสมไทเทเนียมอัลลอย โดยข้อดีคือ มีอัตราการติดเชื้อที่มาจากผลิตภัณฑ์น้อยกว่าวัสดุประเภทอื่น มีความแข็งแรง และสามารถออกแบบให้มีรูปร่างที่เข้ากับกะโหลกศีรษะของผู้ป่วยเฉพาะบุคคลแต่ละราย ทำให้การใช้แผ่นปิดกะโหลกศีรษะเทียมโดยใช้ไทเทเนียมฯ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีกำลังจ่ายหรือมีฐานะทางเศรษฐกิจดี ซึ่งได้รับการยอมรับและผ่านการพิสูจน์แล้วว่า ไม่มีผลกระทบต่อร่างกาย ลดการติดเชื้อระหว่างผ่าตัด และยังมีจุดเด่นอยู่ที่การออกแบบรูปทรงให้เข้ากับสรีระโครงกะโหลกของผู้ป่วยแต่ละรายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกด้วย ส่วนข้อจำกัดที่ยังไม่สามารถใช้กันได้อย่างแพร่หลายคือ ต้นทุนการผลิตที่สูง และมีเพียงไม่กี่บริษัททั่วโลกที่ผลิตได้
สวรส. จึงร่วมกับทีมวิจัยจากบริษัท เมติคูลี่ จำกัด และคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ทำการศึกษาวิจัยเรื่อง “โครงการแผ่นปิดกะโหลกศีรษะไทเทเนียมเฉพาะบุคคล ผลิตด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ สำหรับผู้ป่วยกะโหลกศีรษะยุบในการศึกษาวิจัยทางคลินิกแบบหลายสถาบัน” เพื่อศึกษาและทดสอบสมรรถนะของแผ่นปิดกะโหลกฯ ตามข้อกำหนดมาตรฐานสากลของเครื่องมือแพทย์ เพื่อให้มีคุณภาพ และสามารถแข่งขันกับผลิตภัณฑ์ในตลาดระดับสากล รวมทั้งเพื่อประเมินความปลอดภัยในการใช้งาน ต้นทุน คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดปิดกะโหลกด้วยแผ่นปิดกะโหลกศีรษะไทเทเนียมฯ ตลอดจนเพื่อประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ ผลกระทบด้านงบประมาณและผลกระทบด้านสังคม ซึ่งเป้าหมายของการพัฒนานวัตกรรมงานวิจัย มีทั้งเชิงพาณิชย์ โดยส่วนหนึ่งช่วยลดการพึ่งพานวัตกรรมจากต่างประเทศ และเป้าหมายเชิงนโยบายเพื่อการผลักดันไปสู่สิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติของคนไทย
บัตรทอง ใส่รากฟันเทียมฟรีได้แล้ว! หมดเขตกันยายนปีหน้า!
รศ.ดร.บุญรัตน์ โล่ห์วงศ์วัฒน คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เครือข่ายนักวิจัย สวรส. เล่าถึงนวัตกรรมงานวิจัยว่า แผ่นปิดกะโหลกศีรษะไทเทเนียมเฉพาะบุคคลฯ นับเป็นความสำเร็จที่ทำให้ประเทศไทยได้รับการยอมรับในวงการเทคโนโลยีการแพทย์ รวมถึงวงการวิศวกรรมระดับโลก เพราะบริษัท เมติคูลี่ จำกัด กลายเป็น 1 ใน 4 บริษัทจากทั่วโลกที่สามารถผลิตนวัตกรรมทางการแพทย์แบบนี้ขึ้นมาได้ ซึ่งทีมวิจัยได้ออกแบบโดยใช้แผ่นไทเทเนียมเกรดดีที่สุดที่ใช้สำหรับการแพทย์ และมีข้อพิสูจน์แล้วว่าเป็นโลหะที่เข้ากับร่างกายของมนุษย์ได้ รวมถึงมีการพัฒนาการวิเคราะห์รูปทรงรอยเปิดกะโหลกศีรษะที่ต้องการปิด ผ่านระบบ CT-scan ร่วมกับการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ออกแบบแผ่นปิดกะโหลกเทียมเฉพาะบุคคล นอกจากนี้ ในการผลิตต่อครั้ง ยังทำได้รวดเร็วและแม่นยำตรงกับความต้องการของศัลยแพทย์ โดยสามารถขึ้นรูปทรงผ่านระบบการออกแบบ หลังจากได้รับผล CT-scan กะโหลกศีรษะของผู้ป่วยจากแพทย์ และส่งกลับไปยังห้องผ่าตัดได้ในระยะเวลา 2-7 วัน ปัจจุบันนวัตกรรมดังกล่าว มีความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล โดยได้รับการรับรองมาตรฐานอุปกรณ์ด้านการแพทย์ระดับสากลจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา United States Food and Drug Administration (USFDA) ให้สามารถจำหน่ายแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมนี้ในสหรัฐฯ ได้
ขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดราคาเพื่อให้ได้อัตราค่าบริการที่เหมาะสม โดยปัจจุบันยังมีผู้ป่วยที่ถูกผ่าตัดเปิดกะโหลก อย่างน้อยสะสมถึงปีละ 7,000-20,000 คน ซึ่งการใช้ประโยชน์จากแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคล จะทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อีกครั้ง