ผ่าตัดส่องกล้องรักษา “นิ่วในถุงน้ำดี” ลดภาวะแทรกซ้อนอันตรายโอกาสสำเร็จกว่า 95%
ถุงน้ำดีภัยเงียบที่ผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีอาการผิดปกติ และไม่จำเป็นต้องรักษา แต่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ทำให้กระบวนการรักษาซับซ้อนยุ่งยาก รู้จักการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีด้วยการส่องกล้องเพิ่มโอกาสการรักษาคุณภาพขึ้น
ถุงน้ำดี (Gallbladder) อวัยวะสำคัญทำหน้าที่กักเก็บน้ำดีจากตับและถูกดูดซึมส่วนที่เป็นน้ำออกไป ทำให้น้ำดีเข้มข้นเพื่อพร้อมสำหรับย่อยอาหารประเภทไขมัน หากถุงน้ำดีเสียสมดุลหรือเกิดความผิดปกติอาจจะทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ ที่พบบ่อยคือ โรคนิ่วในถุงน้ำดี (Gallstones) ที่คนเอเชียยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่สำหรับชาวตะวันตกส่วนใหญ่นั้นเกิดจากการสะสมของคลอเลสเตอรอล
“ตับอักเสบบี” อันตรายจากเพศสัมพันธ์อันตราย เสี่ยงมะเร็งตับลุกลาม!
ย้อมผมบ่อย-ปิดหงอกทุกเดือน เสี่ยงแพ้รุนแรง ค่าเอนไซม์ตับเพิ่ม

แม้ผู้ป่วยบางคนอาจไม่มีอาการผิดปกติเลยตลอดช่วงชีวิต แต่หากนิ่วในถุงน้ำดีส่งผลให้ถุงน้ำดีทำงานผิดปกติและไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ถุงน้ำดีอักเสบ ติดเชื้อ หรือรุนแรงถึงขั้นถุงน้ำดีเน่า ทำให้การรักษาซับซ้อนยุ่งยากมากขึ้นได้!
อาการแสดงโรคนิ่วในถุงน้ำดี
- ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดแน่นท้อง อาการเป็นๆ หายๆ คล้าย ๆ กับอาการของคนที่เป็นโรคแผลในกระเพาะอาหารหรือกระเพาะอาหารอักเสบ
- ปวดท้องรุนแรงบริเวณใต้ชายโครงด้านขวา จากการที่ถุงน้ำดีอักเสบเนื่องจากนิ่วในถุงน้ำดีไหลเลื่อนไปอุดตันท่อของถุงน้ำดี ทำให้น้ำดีที่เก็บอยู่ในถุงน้ำดีไม่สามารถไหลลงสู่ลำไส้เล็กได้
- ตัวเหลือง ตาเหลือง เนื่องจากนิ่วหลุดไปในท่อนน้ำดีทำให้ท่อน้ำดีอุดตัน, ตับอ่อนอักเสบ
- บางรายอาจไม่แสดงอาการผิดปกติใดๆ
ปัจจัยเสี่ยงของโรคนิ่วในถุงน้ำดี
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป (ประเทศไทยพบในหลากหลายช่วงอายุ)
- คนที่เป็นโรคอ้วนหรือมีน้ำหนักเกิน
- ผู้ที่รับประทานอาหารที่มีไขมัน และคลอเรสเตอรอลสูง
- ผู้ที่รับประทานฮอร์โมนเอสโตรเจน
- การรับประทานยาลดไขมันบางชนิด
- การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว
- โรคเลือดบางชนิดที่มีการแตกตัวของเม็ดเลือดแดงเร็วกว่าปกติ เช่น โรคธาลัสซีเมีย
เบื้องต้นแพทย์จะทำการซักประวัติ ร่วมกับการตรวจร่างกายและเจาะเลือด หากผลออกมาพบว่าผู้ป่วยเสี่ยงที่จะเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี อาจตรวจเพิ่มเติมด้วยอัลตราซาวนด์บริเวณช่องท้องส่วนบน ซึ่งต้องงดอาหารล่วงหน้าอย่างน้อย 6 ชั่วโมง วิธีนี้เป็นวิธีที่แม่นยำมากกว่า 90% เลยทีเดียว
การรักษาโรคนิ่วในถุงน้ำดี
การรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัด
เป็นการรักษาโดยใช้ยาละลายนิ่ว ซึ่งสามารถรักษาเฉพาะนิ่วที่เกิดจากคลอเลสเตอรอลเท่านั้น ส่วนใหญ่จึงไม่เหมาะกับการรักษาโรคนิ่วในถุงน้ำดีของคนเอเชีย รวมถึงต้องใช้ยาในการรักษาต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจสลายก้อนนิ่วไม่หมด และมีโอกาสกลับมาเป็นนิ่วซ้ำอีกได้เมื่อหยุดยา ส่วนการใช้เครื่องสลายนิ่วก็ไม่เป็นที่นิยมเนื่องจากเครื่องสลายนิ่วใช้ได้ผลดีกับนิ่วในท่อไต แต่ไม่ได้ผลสำหรับนิ่วในถุงน้ำดี ดังนั้นการรักษาด้วยเครื่องสลายนิ่วและยาละลายนิ่วจึงไม่เป็นที่นิยม
การรักษาด้วยการผ่าตัด
- ผ่าตัดด้วยวิธีส่องกล้อง เป็นการเจาะรูเล็กๆ บริเวณช่องท้อง 3-4 แผล ขนาดเล็กเพียง 0.5-2 เซนติเมตร เพื่อใส่กล้องและเครื่องมือผ่าตัดเข้าไปทำการรักษา
- ผ่าตัดเปิดหน้าท้องแบบดั้งเดิม ส่วนใหญ่ใช้ในกรณีที่ไม่สามารถผ่าตัดโดยการส่องกล้องได้ เช่น ถุงน้ำดีอักเสบ เคยผ่าตัดช่องท้องด้วยโรคอื่นๆ หรือมีความผิดปกติบริเวณรอบถุงน้ำดี เป็นต้น
- การผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีด้วยการส่องกล้อง(Laparoscopic Cholecystectomy) ถือเป็นรูปแบบหนึ่งที่เป็นนิยม มีแผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก ผู้ป่วยเสียเลือดน้อย และฟื้นตัวได้เร็วกว่า จึงสามารถกลับบ้านและใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันทีภายใน 2-3 วันหลังผ่าตัด
การผ่าตัดผ่านกล้องได้สำเร็จนั้นมีสูงถึง 95%
อย่างไรก็ตามหากผู้ป่วยมีภาวะถุงน้ำดีอักเสบ มีพังผืดรอบถุงน้ำดีเป็นจำนวนมากหรือมีความผิดปกติอื่นๆ หลายภาวะอาจส่งผลต่อการผ่าตัดผ่านกล้อง ซึ่งแพทย์ไม่สามารถทราบล่วงหน้า อาจต้องเปลี่ยนเป็นการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจการของศัลยแพทย์
การรักษานิ่วในถุงน้ำดีในปัจจุบัน ไม่แนะนำให้ใช้วิธีการเจาะเอานิ่วจากถุงน้ำดีออกโดยไม่ตัดถุงน้ำดี เนื่องจากนิ่วจะเกิดขึ้นใหม่ในเวลาไม่นาน ยกเว้นกรณีผู้ป่วยมีภาวะถุงน้ำดีอักเสบรุนแรง ร่วมกับมีร่างกายอ่อนแอมากจนไม่สามารถทนต่อยาสลบในการผ่าตัดใหญ่ได้ เช่นเดียวกับมีผู้เข้าใจผิดเกี่ยวกับการใช้เลเซอร์เข้ามาช่วยในการผ่าตัด ซึ่งเลเซอร์เป็นเพียงเครื่องมือในการผ่าตัดเท่านั้น สามารถยิงทำลายเนื้อเยื่อผิดปกติหรือห้ามเลือด ไม่ใช่วิธีการผ่าตัดถุงน้ำดี
การดูแลหลังผ่าตัด
- เมื่อฟื้นจากยาสลบดีแล้ว อาจดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารเหลวได้เล็กน้อย
- สามารถรับประทานยาแก้ปวดชนิดทานได้
- กรณีการผ่าตัดมีความซับซ้อนมาก แพทย์อาจให้งดอาหารและน้ำต่ออีกประมาณ 24-48 ชั่วโมง
- หากมีอาการเจ็บแผลมาก อาจได้รับยาแก้ปวดชนิดฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือทางสายน้ำเกลือเข้าสู่หลอดเลือดดำ
- ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ และพบแพทย์ตามนัด
ขออย่ากังวลเพราะเมื่อตัดถุงน้ำดีออกแล้วมักไม่มีผลกระทบใดๆ กับการทำงานของร่างกายหรือการดำเนินชีวิตประจำวัน
คลีนสู้ฝุ่น! ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ ใส่ใจดูแลตัวเองจากฝุ่น PM2.5
ภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดอาจเกิดขึ้นน้อยมาก!
- ท่อน้ำดีรั่ว, บาดเจ็บที่ท่อน้ำดี
- ภาวะตกเลือดในช่องท้อง
- ท่อน้ำดีร่วมอุดตัน จนเกิดอาการดีซ่าน
- แผลติดเชื้อบริเวณใต้สะดือ
โรคนิ่วในถุงน้ำดี มีทั้งที่ไม่แสดงอาการและแสดงอาการ กรณีตรวจพบนิ่วในถุงน้ำดี แต่ไม่มีอาการผิดปกติใดๆ ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำการผ่าตัดเพื่อรักษา เพียงแต่ว่ามีโอกาสที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนขึ้นได้ แพทย์จะแนะนำให้ทำการผ่าตัดในกรณีที่ผู้ป่วยอายุยังไม่มากและมีสุขภาพแข็งแรง หรือมีโรคเบาหวานร่วมด้วย เนื่องจากหากเกิดโรคแทรกซ้อนแล้วจะมีอาการรุนแรง หรือในกรณีที่ก้อนนิ่วมีขนาดใหญ่ เพราะมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนได้ง่าย ทั้งนี้การจะผ่าตัดหรือไม่จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ป่วยเอง การตรวจสุขภาพประจำปีมีความสำคัญที่จะช่วยให้ตรวจพบโรคตั้งแต่เริ่มต้น
ทั้งนี้การตรวจสุขภาพประจำปีมีความสำคัญที่จะช่วยให้ตรวจพบโรคตั้งแต่เริ่มต้น หากไม่แน่ใจ ควรพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลสมิติเวช
เรื่องบนเตียงเสี่ยงน้อยแต่ติดเชื้อ HPV ได้ เผย Safe SEX ปลอดมะเร็ง-โรคติดต่อ
นักเรียนไทยติด ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ งอมแงม 2 ปี เพิ่มขึ้น 10 เท่า เหตุเติมได้ไม่จำกัด