เล็งขยายติดตั้ง “ตู้ห่วงใย” ในชุมชนทั่วประเทศ พบหมอออนไลน์ฟรี
สปสช. เล็งขยายติดตั้ง "ตู้ห่วงใย" ตามชุมชนทั่วประเทศ ในพื้นที่โรงพยาบาลเพิ่ม เพื่อเป็นทางเลือกผู้ป่วยที่อาการไม่มาก ไม่ต้องรอคิวนาน ช่วยลดคิวหน้าห้องตรวจ เริ่มนำร่องแล้ว รพ.พระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี ผลตอบรับดีเกินคาด
ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงแนวทางการจัดบริการ "ตู้ห่วงใย" ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ของ สปสช. ในการดูแลสุขภาพของประชาชนว่า บริการดังกล่าวจะช่วยอำนวยความสะดวกสบายแก่ประชาชนที่มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย ทำให้สามารถพบแพทย์ได้โดยไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปที่โรงพยาบาล อีกทั้งช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาล

ซึ่งขณะนี้ สปสช. ได้เริ่มทดลองนำร่องให้บริการในพื้นที่ กทม. และในโรงพยาบาลบางแห่ง หลังจากนี้จะมีการประเมินผลและคาดว่าจะสามารถขยายการให้บริการไปได้ทั่วประเทศในอนาคต
ทพ.อรรถพร กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของการพัฒนาตู้ห่วงใยนี้ ต้องย้อนกลับไปในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 ซึ่งขณะนั้นโรงพยาบาลประสบปัญหาเตียงเต็ม ทำให้มีการนำระบบเทเลเมดิซีนมาใช้อย่างจริงจัง หลังจากสถานการณ์เริ่มสงบลงแล้ว สปสช. ได้ต่อยอดบริการเทเลเมดิซีนจากเดิมที่ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 มาเป็นการดูแลอาการเจ็บป่วยทั่วไป อย่างไรก็ดีการจะใช้บริการเทเลเมดิซีนยังมีข้อจำกัด คือได้อย่างน้อยผู้รับบริการจะต้องมีอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน แต่ในชีวิตจริงพบว่ายังมีคนจำนวนหนึ่งที่อาจไม่มีอุปกรณ์เชื่อมต่อกับระบบหรือไม่มีอินเทอร์เน็ตใช้ ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการยกระดับ “บัตรทอง 30 บาทรักษาทุกที่” สปสช. จึงมีแนวคิดในการนำอุปกรณ์ไปติดตั้งในชุมชนเพื่อให้อยู่ใกล้ผู้ป่วยมากที่สุด โดยร่วมกับ บริษัท ทัชเทคโนโลยี จำกัด ออกแบบเป็น “ตู้ห่วงใย” ที่มีอุปกรณ์วัดสัญญาณชีพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ส่วนสูง น้ำหนัก อุณหภูมิร่างกาย ความดันโลหิต ค่าออกซิเจนในเลือด และพบแพทย์ทางออนไลน์ได้ ซึ่งจะใช้ข้อมูลจากการวัดสัญญาณชีพต่างๆ ประกอบการวินิจฉัยของแพทย์
กลุ่มเป้าหมายของตู้ห่วงใย คือกลุ่มที่มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย เพราะจากสถิติผู้ที่มาโรงพยาบาลพบว่าเป็นผู้มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยถึง 80% ดังนั้นหากประชาชนไปรับบริการที่ตู้นี้แทน ก็จะลดความแออัดในโรงพยาบาลได้ ที่สำคัญคือช่วยลดเวลาและค่าเดินทาง เพราะไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาลที่มีผู้ป่วยแออัด ขณะที่โรงพยาบาลก็ลดต้นทุนค่าสาธารณูปโภคต่างๆลดได้ด้วยเช่นกัน
"การรับบริการที่ตู้ห่วงใยคล้ายๆ กับไปโรงพยาบาล ช่วงแรกเราจะมีคนประจำตู้คอยให้คำแนะนำการใช้งาน รวมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ก็จะมีเสียงบอกวิธีการใช้งานด้วย และหลังจากวัดค่าต่างๆ แล้วก็ได้พบแพทย์ทางออนไลน์ ถ้าอาการไม่หนักมากหมอก็จะให้คำแนะนำการปฏิบัติตัวแล้วกลับไปพักผ่อน หรือถ้าต้องให้ยาก็จะสั่งจ่ายยาแล้วมีไรเดอร์ส่งยาไปให้ที่บ้าน ซึ่งที่ตู้ห่วงใยมีระบบการฆ่าเชื้อในมาตรฐานระดับเดียวกับช่วงโควิด-19 ทำให้มั่นใจได้ว่าจะไม่ติดเชื้อจากคนที่รับบริการก่อนหน้านี้" รองเลขาธิการ สปสช. กล่าว
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีการติดตั้งตู้ห่วงใยจำนวนหนึ่งตามชุมชนต่างๆ ในพื้นที่ กทม. โดยมีเงื่อนไขคือประชาชนในชุมชนนั้นต้องมีส่วนร่วมช่วยกันดูแลตู้ห่วงใยให้อยู่ในสภาพที่ดี ไม่เสียหายหรือสกปรก ซึ่งจะทำให้บริการนี้มีความยั่งยืนในระยะยาว โดยหลังจากนำร่องแล้ว สปสช. จะเก็บข้อมูลต่างๆ และขยายติดตั้งไปพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศต่อไป โดยเน้นที่ชุมชนที่มีความพร้อมและร่วมกันจัดการดูแลตู้ห่วงใยที่ตั้งอยู่ในชุมชนของตนได้
นอกจากนี้อีกจุดหนึ่งที่มีผู้ป่วยจำนวนมากคือที่โรงพยาบาล ซึ่ง นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข มีแนวคิดในการติดตั้งตู้ห่วงใยในโรงพยาบาล เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยมาใช้บริการที่ตู้นี้แทนการรอพบแพทย์หน้าห้องตรวจ ซึ่งนำร่องแล้วที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้ป่วยเกินความคาดหมาย ดังนั้นนอกจากพื้นที่ในชุมชนต่างๆ แล้ว ในโรงพยาบาลก็เป็นอีกพื้นที่ที่น่าสนใจเช่นกัน