“วิโรจน์” ซัด “บิ๊กตู่-เสี่ยหนู” บริหารแผนวัคซีนโควิดพลาด ประเทศเสียหาย 8,300 ล้านบาทต่อวัน


โดย PPTV Online

เผยแพร่




“ก้าวไกล” อภิปราย “พล.อ.ประยุทธ-อนุทิน” บริหารวัคซีนโควิด-19 ล่าช้า ประเทศเสียหาย 8,300 ล้านบาทต่อวัน 1 เดือนความเสียหายทางเศรษฐกิจ 2.5 แสนล้านบาท

ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข โดยเน้นไปที่ประเด็นการบริหารจัดการวัคซีนที่ผิดพลาด เอาประชาชนไปกระจุกเสี่ยงจากวัคซีนแหล่งเดียว ไม่สนใจคำแนะนำของบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความรู้ความสามารถ ขาดความโปร่งใส ขัดขวางกลไกการตรวจสอบ ทั้งที่เงินทุกบาทที่ซื้อวัคซีนล้วนเป็นเงินภาษีที่มาจากหยาดเหงื่อแรงงานของประชาชน  ย้ำการฉีดวัคซีนล่าช้าจะส่งผลให้ปัญหาปากท้องลากยาวไม่จบสิ้น ประชาชนทุกข์ยากแสนสาหัส คนตกงาน สูญเสียอาชีพ รายได้ฝืดเคือง และทำมาหากินด้วยความยากลำบาก

“อนุทิน” เผยข่าวดี เจรจาซื้อวัคซีนโควิด-19 เพิ่มได้รับล็อตพิเศษ 2 ล้านโดส ก.พ.-เม.ย. 64

นายวิโรจน์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ และนายอนุทิน รู้อยู่ตลอดเพราะรัฐบาลนี้เป็นคนคาดการณ์ว่าหากฉีดวัคซีนล่าช้า 1 เดือน ความเสียหายทางเศรษฐกิจจะเท่ากับ 2.5 แสนล้านบาท ดังนั้นทุกวันที่ พล.อ.ประยุทธ์บริหารประเทศ ประเทศชาติจะเสียหายเป็นมูลค่า 8,300 ล้านบาท คิดเป็นชั่วโมง ชั่วโมงละ 347 ล้าน จนถึงวันนี้ช้าไปมากแล้วจึงเป็นความผิดที่ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะ ผอ.ศบค. และนายอนุทิน จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะไม่ใช่แค่เรื่องของการป้องกันโรค แต่ความสำคัญของมันก็คือ การกอบกู้เศรษฐกิจ และเยียวยาปัญหาปากท้องของคนไทยทั้งประเทศ

ทั้งนี้จึงไม่แปลกใจที่เห็นประเทศอื่นเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนของเขา ประเทศในอาเซียนก็เริ่มฉีดวัคซีนกันแล้ว อาทิ อินโดนีเซีย เริ่มฉีดไปแล้วเมื่อวันที่ 13 ม.ค. 64 เมียนมาร์ และลาว เริ่มฉีดไปแล้วเมื่อวันที่ 27 ม.ค.64 กัมพูชา เริ่มฉีดไปแล้วเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 64 หรือตัวอย่างในกรณีของประเทศอิสราเอล ได้เริ่มฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 63 และฉีดได้ถึง 1 ล้านคน จากประชากรทั้งหมด 9 ล้านคน ภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือน จนได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศที่ฉีดวัคซีนได้เร็วที่สุดในโลก และประเมินกันว่าเศรษฐกิจของอิสราเอลจะฟื้นตัวทันทีในไตรมาสที่ 2 และจะทำให้เศรษฐกิจปีนี้เติบโตถึง 7% เลยทีเดียว

“แต่พอมาดูแผนการฉีดวัคซีนของประเทศไทย ภายใต้วิสัยทัศน์ของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แต่ถอนหายใจ น้อยใจในความซวยที่ต้องมาเกิดร่วมอากาศหายใจกับคนๆนี้ จากการนำเสนอของกรมควบคุมโรค ในที่ประชุมคณะกรรมาธิการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2563 ได้กำหนดแผนการจัดหาวัคซีนเอาไว้ 65 ล้านโดส ภายใน 3 ปี ฟังไม่ผิดหรอกครับ ‘3 ปี’ นี่คือแผนเดิมที่ พล.อ.ประยุทธ์ วางเอาไว้ ให้กับประชาชนคนไทย งามไส้ไหมครับ ตามแผนเดิม ปี 64 จะฉีดให้กับประชาชนแค่ 11 ล้านคน ปี 65 ฉีดอีก 11 ล้านคน และปี 66 ฉีดอีก 10 ล้านคน นี่แสดงว่าความตั้งใจเดิมของ พล.อ.ประยุทธ์ นั้นวางแผนการฉีดวัคซีนได้ล่าช้ามากๆ กว่าจะครอบคลุมประชากรครึ่งหนึ่งของประเทศ หรือ 32.5 ล้านคน นี่ต้องใช้เวลาถึง 3 ปี แล้วอย่างนี้จะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ คืนปากท้อง และการดำเนินชีวิตที่ใกล้เคียงกับปกติให้กับประชาชนได้อย่างไร เรื่องสำคัญที่ทั่วโลกตื่นตัว เป็นความอยู่รอดของประชาชนทั้งประเทศ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะ ผอ.ศบค. กลับทำงานหวานเย็น เช้าช้อนเย็นช้อน แถมยังเป็นช้อนกาแฟ ประชาชนจะเป็นจะตาย ไม่คิดจะสนใจ คนแบบนี้ เราจะปล่อยให้ลอยหน้าลอยตาเป็นนายกฯ ต่อไปได้ยังไง จากแผนหวานเย็นเดิม ที่รัฐบาลนี้วางแผนที่จะฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชาชนร้อยละ 50 ณ สิ้นปี 66 เพิ่งจะเร่งขึ้นมาเป็นสิ้นปี 64 ในวันที่ 5 ม.ค. 64 นี้เอง ถ้าประชาชนไม่ด่า ถ้าไม่เห็นว่าประเทศอื่นเขาเร่งฉีดกัน และถ้าเรื่องการค้าแรงงานต่างชาติ และเรื่องบ่อนไม่แดงขึ้นมา พล.อ.ประยุทธ์ ก็คงจะไม่ปรับแผนอะไร แต่ต่อให้มีการปรับแผน ผมก็ต้องตั้งคำถามให้ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบอยู่ดีว่า มาปรับแผนแบบปุ๊บปั๊บแบบนี้ จะหาวัคซีนมาได้อย่างไร ” นายวิโรจน์ กล่าว

"วิโรจน์" บุกเดี่ยว ขอข้อมูลจัดซื้อวัคซีน โควิด-19

 

 

 

TOP การเมือง
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ