เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2565 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. กล่าวโชว์วิสัยทัศน์ในงานเสวนา หัวข้อ "กทม.ชีวิตดี ๆ ที่ลงตัว?" ที่สถานีโทรทัศน์ PPTV ร่วมกับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดขึ้นที่หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยระบุว่า ต้นตอปัญหาทุกวันนี้ของ กทม. คือการไม่ยอมรับว่า "ความเหลื่อมล้ำ"
มีอยู่จริง
เปิดวิสัยทัศน์ “สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” กรุงเทพฯต้องเป็นเมืองสวัสดิการ
ดังจะเห็นได้จาก คนจนเมือง กลุ่มรายได้จำกัด กลุ่มเปราะบาง มักประสบปัญหาเรื่องระบบขนส่งสาธารณะที่มีปัญหา คนรวยหรือนายทุนส่วนใหญ่จะไม่ได้รับผลกระทบ ตัวอย่างเช่น อย่างกรณีรถเมล์ที่ไม่ยอมพัฒามา 30 ปี เหตุใดจึงไม่แก้ปัญหาจุดนี้ให้ดีก่อน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่มนายทุนอสังหาฯ ไม่ได้รับผลประโยชน์เท่าการลงทุนสร้างรถไฟฟ้าใช่หรือไม่ ผู้มีอำนาจไม่ได้ใช้รถเมล์ในการเดินทางใช่หรือไม่ พร้อมยกตัวอย่างในเกาหลีใต้ ไต้หวัน การเดินทางของรถเมล์เป็นของทุกคนไม่ว่าจะรวยหรือจน ให้บริการอย่างเท่าเทียม
"ถ้าเป็นหนี้แสนล้าน แล้วคนกรุงเทพฯ ได้ขึ้นรถเมล์ที่ดี เป็นหนี้ก็เป็นหนี้ไป แต่ทุกวันนี้คนตั้งคำถามคุณเป็นหนี้แสนล้าน แล้วรถเมล์ห่วยแบบนี้ มันไม่คุ้มค่ากับการอุดหนุนและการขาดทุนเลย" นายวิโรจน์ แสดงทัศนะ
นายวิโรจน์ กล่าวต่อไปว่า บริการขนส่งสาธารณะไม่ใช่บริษัทเอกชน ขาดทุนได้เป็นเรื่องปกติ แต่การขาดทุนนั้น ต้องแลกมากับการที่คนใช้รถยนต์ส่วนตัวน้อยลง มลพิษก็จะน้อยลงตามมา อุบัติเหตุก็จะน้อยลง
ทั้งนี้ หากพัฒนาเส้นทางเดินรถของรถเมล์ รถประจำทาง จะช่วยให้ระบบเศรษฐกิจตามย่านที่ผ่าน ถนนหนทาง ตึกแถว ดีขึ้น สามารถพัฒนาอาชีพ ธุรกิจ สินค้า อาหารการกิน และบริการตามข้างทางให้เติบโตได้ ไม่ใช่กระจุกตัวอยู่แค่ร้านในปั๊มน้ำมัน หรือตามห้างสรรพสินค้า หากเราพัฒนาระบบรถขนส่งสาธารณะให้เข้มแข็ง และเป็นที่พึ่งพาของคน จะสามารถแก้ปัญหาการจราจรติดขัดได้
ส่วนปัญหา "น้ำท่วม" จากการลงพื้นที่พบว่า "การลอกท่อ" มีปัญหา พร้อมตั้งคำถามถึงการประมูลจัดซื้อจัดจ้างระบบราชการ จนส่งมอบงานที่ไม่มีคุณภาพใช่หรือไม่ ท้ายที่สุดพอขั้นตรวจรับงานจึงได้โครงการที่ไม่มีคุณภาพ การขุดลอกคูคลองขุดได้ลึกตรงตามสเป็กหรือไม่ สุดท้ายแล้ว การลอกท่อ จึงเป็นเพียงการ "เปิดบ่อพักแล้วตักขี้เลน"
"ผมว่าตอนนี้เราต้องทำเรื่องลอกท่อทั่วเมือง ลอกคลองทั่วกรุงให้ได้ เรื่องนี้สำคัญมาก ผมยอมรับจริง ๆ ว่า กทม.เอางบประมาณไปอยู่ในจุดที่ปรับปรุงทัศนียภาพทั้งหมด แต่คนที่อยู่จริง ๆ ในตรอกซอยกลับไม่ได้รับการเหลียวแล" นายวิโรจน์ กล่าว
สำหรับ "พื้นที่สีเขียว" นายวิโรจน์ มองว่า หากจะให้หาพื้นที่เพิ่มคงเป็นไปได้ยาก พร้อมยกตัวอย่างว่า ในอดีต "สนามหลวง" เป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจให้คนกรุง แต่สมัยนี้ล้อมรั้วไว้หมดแล้ว รวมถึงให้ กทม. ขอเช่าพื้นที่ "ราชพัสดุ" ของกองทัพบก เพื่อนนำมาทำพื้นที่สวนสาธารณะได้หรือไม่ นอกจากนี้ อนาคตจะให้ กทม .เวนคืนที่ดินบางแห่งของนายทุน เพื่อนำมาทำพื้นที่สาธารณะให้ประชาชนอีกด้วย