เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2565 ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 139 ตอนพิเศษ 68 ง หน้า 54 ลงวันที่ 23 มีนาคม 2565 ลงประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 17) ระบุว่า ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 และได้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินคราวที่ 16 ออกไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2565 นั้น
ราชกิจจาฯ ประกาศต่ออายุ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน รอบที่ 16 คุม "โอมิครอน" เพื่อความมั่นคงทางสาธารณสุขของชาติ
เปิดวิสัยทัศน์ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. แก้ฝันร้ายคนกรุง
โดยที่สถานการณ์ การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) เกิดการแพร่กระจายเป็นวงกว้างและมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายและรวดเร็วกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ อันส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ประชาชนส่วนใหญ่เข้ารับการฉีดวัคซีนตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดแล้วก็ตาม แต่ในช่วงเดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคมจะมีวันหยุดต่อเนื่องหลายช่วง ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่จะเดินทางข้ามจังหวัดเพื่อกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว รวมทั้งอาจมีการจัดกิจกรรมรวมกลุ่มโดยมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดแบบกลุ่มก้อน ประกอบกับการเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (Booster Dose) ของประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่มีความเสี่ยง ยังคงอยู่ในระดับต่ำ หากเกิดการระบาดรุนแรงมากขึ้นจะมีความเสี่ยงต่อความมั่นคงของระบบสาธารณสุขและชีวิตของประชาชน กรณีจึงจำเป็นต้องคงไว้ซึ่งมาตรการในการควบคุมและป้องกันการระบาดของโรคเพื่อความมั่นคงทางสาธารณสุขของชาติและชีวิตของประชาชน
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีตามมติเมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2565 จึงให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปอีกคราวหนึ่ง สำหรับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปควบคู่กัน
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2565 จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2565
ประกาศ ณ วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2565
ลงนามโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี