วันนี้ 10 มี.ค. 2566 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง กล่าวถึงกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข ไม่ให้ราคาที่จะต้องไปตอบโต้ว่า นายอนุทิน เป็นผู้รับเหมาเก่า ย่อมต้องคิดแต่เรื่องกำไร-ขาดทุน ส่วนที่บอกว่า “ชูวิทย์” เป็นคนไม่มีต้นทุน ตนเองก็รู้ว่าทำงานการเมืองต้องมีต้นทุน แสดงว่านายอนุทินต้องคำนวณกำไร-ขาดทุนด้วยหรือไม่
นายชูวิทย์ ได้เปลี่ยนชื่อเรียกพรรคภูมิใจไทยใหม่ เป็นพรรค “ผู้รับเหมา” พร้อมบอกว่าตนเองเตรียมลงพื้นที่ทั่วประเทศในช่วงที่พรรคลงหาเสียง
แต่ตนเองจะไป “ทำลายเสียง” ใน 5 จังหวัดภาคใต้ และ จ.อำนาจเจริญ ซึ่งเป็นพื้นที่ของนางสุขสมรวย วันทนียกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ส่วนกรณีนางสุขสมรวย วันทนียกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ออกมาโต้นายชูวิทย์ เรื่องการเซ็นเอกสารแทนรัฐมนตรี บอกว่าเป็นการทำตามขั้นตอนธุรการปกติ ซึ่งเป็นการแจ้งหน่วยงานในสังกัดทราบว่าได้นำเรียนเรื่องให้รัฐมนตรีทราบแล้ว นายชูวิทย์ บอกว่า ปกติการจะเซ็นเอกสารแทน ต้องมีการปั๊มเป็นลายลักษณ์อักษร ว่ามอบหมายใครแทน และคนที่เซ็นแทนได้ก็ต้องเป็นตำแหน่งใกล้กัน แต่เลขาฯกลับเซ็นสั่งการไปเอง ซึ่งหลังจากนี้ ตนเองจะออกมาแฉเพิ่มเติมถึงพฤติการณ์ของนางสุขสมรวย
นายชูวิทย์ ยังพูดถึงการเดินหน้าท้าชนตรวจสอบ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม บอกว่าในวันจันทร์ ที่ 13 มี.ค.นี้ จะไปสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพื่อให้ประธาน ป.ป.ช. ดำเนินคดีกับนายศักดิ์สยาม กรณีที่มีการซุกหุ้น หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ซึ่งเป็นบริษัทในการดูแลของตระกูลชิดชอบ แล้วกลับชนะประมูลงานของกระทรวงคมนาคมที่นายศักดิ์สยาม เป็นเจ้ากระทรวง และนำกำไรที่ได้จากการประมูล จำนวน 5 ล้านบาท ไปบริจาคให้กับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งนายชูวิทย์ ยืนยันว่า ตนเองมีหลักฐานชัดเจนครบถ้วนถึงกล้าที่จะไปยื่นให้ตรวจสอบ โดยเฉพาะ 2 บริษัท คือ หจก.บุรีเจริญฯ ที่ชนะประมูล และ บริษัท บุรีรัมย์พนาสิทธิ์ ซึ่งเป็นคู่เทียบ
โดยการไปยื่น ป.ป.ช. นอกจากจะขอให้ดำเนินคดีกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ นายชูวิทย์ บอกว่า จะขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบกรรมการ ป.ป.ช. คนหนึ่ง ที่มีข้อมูลว่ามีนักการเมืองหลายคน วิ่งเต้นเข้ามาหาให้ช่วยเหลือทางคดี พร้อมตั้งคำถามว่า ป.ป.ช.จะสามารถตรวจสอบคนของตัวเองได้หรือไม่ เพราะมีเอกสารการร้องเรียนถึงบุคคลคนนี้ 5 เรื่องแล้ว อยู่บนโต๊ะประธาน ป.ป.ช.
โดยหลังจากยื่นเรื่องถึง ป.ป.ช. ในวันจันทร์ นายชูวิทย์ บอกว่า หลังจากนี้เตรียมไปร้อง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ให้พิจารณา ยุบพรรคภูมิใจไทย โดยจะนำหลักฐานการตรวจสอบทั้งหมดที่ผ่านมาให้ กกต. พิจารณา และเชื่อว่า กกต.จะยุบพรรคภูมิใจไทย ถึง 80 เปอร์เซ็นต์
ส่วนประเด็นในวงเสวนาวันนี้ หัวข้อคือปฏิรูปตำรวจ ‘ปฏิรูป หรือ ปฏิลวง’ โดยมีผู้เข้าร่วมเสวนา ทั้ง นายชูวิทย์ กมลวิษฎ์ อดีตนักการเมือง พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล ผู้ช่วยอธิการบดีฯ และประธานคณะกรรมการคณะอาชญาวิทยาและบริหารงานยุติธรรม ม.รังสิต รวมถึงตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆ ทั้ง พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคก้าวไกล พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคไทยสร้างไทย
โดยในการเสวนา นายชูวิทย์ เสนอแนะ 2 แนวทางในการปฏิรูปตำรวจ บอกว่าเป็น “ยาแรง 2 เม็ด ที่ให้ตำรวจกินในช่วงนี้” คือ
1. ลดขนาดองค์กรตำรวจให้เล็กลง ตัดส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป เช่น ตม. เพราะคือผู้ดูคนเข้าออก ไม่จำเป็นต้องเป็นตำรวจก็ได้ รวมถึง ตำรวจป่าไม้ ตำรวจรถไฟ และตำรวจท่องเที่ยว
2. การลงโทษตำรวจที่ทุจริตคอร์รัปชั่น ควรดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพราะทุกวันนี้ใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะสอบสวนเสร็จ