ทนายความประจำตัว เผย “ทักษิณ” อยากช่วยบ้านเมืองหลังพ้นโทษ

เปิดชั้น 14 - ราคาห้องรอยัลสูท รพ.ตำรวจที่ “ทักษิณ” นอนพักรักษาตัว

“ราชทัณฑ์” แจง “ทักษิณ” แน่นหน้าอก-ความดันสูง ต้องส่ง รพ.กลางดึก

นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความประจำตัว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความตั้งใจของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า หากพ้นโทษ เชื่อถ้าทักษิณยังมีกำลัง ยังมีโอกาสที่จะทำอะไรให้ประเทศ แม้แต่วินาทีเดียวก็ตั้งใจอยู่แล้ว เป็นความประสงค์ส่วนตัว และของครอบครัวด้วย

“เชื่อว่าถ้าท่านยังมีกำลัง ท่านยังมีโอกาสที่จะทำอะไรให้ประเทศ แม้แต่วินาทีเดียวท่านก็ตั้งใจอยู่แล้ว และเป็นความประสงค์ของท่านและครอบครัวของท่านอยู่แล้ว ”

“หลายคนรู้ว่า ท่านมีประสบการณ์ ความรู้ความสามารถ และก็ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจอะไรมา ทั้งหมดทั้งหมดปวง ผมเชื่อว่าจะสามารถดำเนินการได้ โดยที่ว่าเป็นเรื่องของจิตสำนึกของท่านอยู่แล้ว ดังนั้นอะไรที่นอกเหนือจากนี้หลังจากปล่อยตัวก็เป็นเรื่องในอนาคต ผมไม่สามารถตอบได้ทุกเรื่อง เชื่อว่าท่านตั้งใจอยู่แล้ว” นายวิญญัติ กล่าว

 

นายวิญญัติ กล่าวต่อว่า เพิ่งเดินทางเข้าเยี่ยมนายทักษิณ เมื่อวันจันทร์และวันอังคารที่ผ่านมา พูดคุยกันตามปกติ นายทักษิณไม่ได้บอกว่ามีความกังวลเรื่องใด ส่วนใหญ่ที่หารือกัน เป็นเรื่องเกี่ยวกับคดีความคงค้างที่เหลือ ตอนนี้นายทักษิณยังต้องอยู่ในความดูแลรักษาของแพทย์อย่างใกล้ชิด ส่วนตัวไม่ขอเปิดเผยอาการ เพราะเป็นสิทธิของผู้ป่วยและลูกความ /ส่วนจะออกจากโรงพยาบาลเมื่อใดนั้น ก็เป็นดุลพินิจของทีมแพทย์

“ทีมแพทย์เป็นทีมที่เข้ารับการรักษา เป็นสิทธิผู้ป่วยและผู้ต้องขังอยู่แล้ว ฉะนั้นการจะให้วินิจฉัย ให้อยู่ต่อ รักษาโรคใดบ้าง เป็นทีมแพทย์จะวินิจฉัยให้ความเห็นไปยังราชทัณฑ์ ดังนั้นหลักการต่าง ๆ หรือ ระยะเวลา จึงต้องเป็นไปตามความเป็นจริง และสอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงนะครับ” ทนายความประจำตัว กล่าว

สำหรับเรื่องการเข้าเยี่ยม นายวิญญัติ ระบุ ยังคงเป็น 10 รายชื่อแรกอยู่ จะมีผล 30 วัน นับตั้งแต่วันที่เข้าโรงพยาบาล 23 ส.ค. ตามหลักเมื่อครบ 30 วัน จะสอบถามว่าจะเพิ่มรายชื่อหรือเปลี่ยนแปลงรายชื่อใดหรือไม่ ย้ำว่าระยะเวลารักษาตัวอยู่โรงพยาบาลเป็นเรื่องของกรมราชทันฑ์พิจารณา

ส่วนเรื่องการพักโทษ กรมราชทัณฑ์ จะนำหลักเกณฑ์ต่าง ๆ มาพิจารณา ว่าเข้าสู่หลักเกณฑ์ใดได้บ้าง หรือเข้าสู่หลักของการพักโทษ หรือจะปล่อยชั่วคราวโดยติดกำไลอีเอ็มหรือไม่ หรือต้องดูว่าในวาระครั้งหน้าสำคัญของประเทศจะมีพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษหรือไม่ ก็ต้องรอดู ขณะนี้ยังไม่มีข้อยุติที่ชัดเจน เลยให้คำตอบตรงนี้ไม่ได้