ครม.เศรษฐา แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา วันแรก 11 ก.ย. 2566

โดย PPTV Online

เผยแพร่

ถ่ายทอดสดประชุมสภา อภิปรายการแถลงนโยบายรัฐบาลของ ครม.เศรษฐา วันแรก 11 ก.ย. 2566

วันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ วันแรก

สำหรับการแถลงนโยบายรัฐบาลของ “ครม.เศรษฐา” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 11 – 12 กันยายน 2566 โดยใช้เวลา 30 ชั่วโมง แบ่งเป็น ครม. 5 ชั่วโมง สมาชิกวุฒิสภา (สว.) 5 ชั่วโมง พรรคร่วมรัฐบาล 5 ชั่วโมง และพรรคร่วมฝ่ายค้าน 14 ชั่วโมง โดยจะประชุมระหว่างเวลา 09.00 – 24.00 น.

 

คอนเทนต์แนะนำ
เปิดชุดนโยบายเร่งด่วน "ครม.เศรษฐา 1" เงินดิจิทัล - พักหนี้เกษตร - แก้ รธน.
จับตา!แถลงนโยบาย "เศรษฐา 1" ฝ่ายค้าน พุ่งเป้าอภิปราย"แจกเงินหมื่น-แก้ รธน."

เมื่อเวลา 01.30 น. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา สั่งพักการประชุม พร้อมนัดประชุมต่อในตอนเช้าของวันที่ 12 ก.ย. เวลา 09.00 น.

"สุดาวรรณ" ขออย่าเหมาท่องเที่ยวจีนทำธุรกิจสีเทา

เมื่อเวลา 22.30 น. น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ชี้แจงตอนหนี่งถึงนโยบายเกี่ยวกับด้านการท่องเที่ยว ว่า สำหรับข้อห่วงใยเกี่ยวกับปัญหาธุรกิจสีเทา ที่กระทบต่อภาพลักษณ์ด้านลบของประเทศและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่ผ่านมากระทรวงให้ความสำคัญมาโดยตลอด

ทั้งนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะมีการลงนามความร่วมมือแก้ไขปัญหาต่างๆอย่างเป็นระบบ ระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทย และกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีน เพื่อจัดการปัญหาทั้งระบบ

ขอยืนยันว่าเรื่องธุรกิจสีเทาและธุรกิจผิดกฎหมายทุกประเภท เป็นเรื่องที่ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะความผิดจากประเภทใดก็ตาม

แถลงนโยบายรัฐบาล : "สุดาวรรณ" ขออย่าเหมาท่องเที่ยวจีนทำธุรกิจสีเทา

สว.แนะแก้กฎหมาย รัฐมนตรี-ข้าราชการบินนอกได้แค่ชั้นธุรกิจ

เวลา 22.40 น. นายพิศาล มาณวพัฒน์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) อภิปรายตอนหนึ่งว่า นายกรัฐมนตรีอยากได้อะไรที่ได้ผลทันใจหรือเรียกว่า quick win ส่วนตัวขอเสนอเรื่องทำได้ทันที ได้ใจประชาชนทันที ลดรายจ่าย เพิ่มรายรับ ทำให้ประเทศสง่างามเทียบประเทศพัฒนาแล้ว โดยหนึ่งในนั้น คือการแก้พระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายการเดินทางราชการต่างประเทศ ให้รัฐมนตรี ข้าราชการ เดินทางได้ไม่เกินชั้นธุรกิจ ลดการเดินทางดูงานตรวจเยี่ยมสำนักงาน โดยเฉพาะปีสุดท้ายของหัวหน้าคณะก่อนเกษียณราชการ

แถลงนโยบายรัฐบาล : สว.แนะแก้กฎหมาย รัฐมนตรี-ข้าราชการบินนอกได้แค่ชั้นธุรกิจ

แถลงนโยบายรัฐบาล : สว.ห่วง "กำนันนก" อยู่รอดปลอดภัยไม่ถึงวันขึ้นศาล

รถไฟฟ้าสายสีแดง-สีม่วง เหลือ 20 บาท ใน 3 เดือน

จากนั้นเวลา 20.56 น. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ชี้แจงในสภาตอนหนึ่งว่า การอภิปรายของนายสุรเชษฐ์เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในรัฐบาลที่แล้ว ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ทั้งนี้สำหรับนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดเส้นทาง จะมีการดำเนินการต่อไป และขอยืนยันว่านโยบายนี้จะมีการเริ่มทันที เพื่อสร้างโอกาสความเท่าเทียมให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อย โดยจะทำการรวบรวมสัมปทานเดินรถของเอกชนทุกรายทุกเส้นทาง แล้วแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อเจรจากับผู้ได้รับสัมปทานทุกราย ซึ่งการเจรจาอาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 6 เดือน หลังจากนั้น นโยบาย 20 บาทตลอดเส้นทางก็จะดำเนินการได้ทันที  

แต่ในส่วนที่เป็นเส้นทางการเดินรถของรัฐ อย่างรถไฟฟ้าสายสีแดง ตลิ่งชัน-รังสิต รวมระยะทาง 41 กม. 13 สถานี ซึ่งราคาปัจจุบัน 14-42 บาท และเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางซื่อ-คลองบางไผ่ ระยะทาง 23 กม. 16 สถานี ราคาปัจจุบัน 14-42 บาท ตนจะให้มีการปรับราคาเป็น 20 บาทตลอดเส้นทาง โดยจะพยายามเร่งผลักดันให้ได้ใช้ภายใน 3 เดือน เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 2567 ให้กับประชาชน

ประชาชนต้องกลับไปจ่าย 30 บาทหรือไม่

เวลา 20.30 น. นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายนโยบายด้านสาธารณสุขของรัฐบาล ตอนหนึ่งว่า นโยบายยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค สรุปประชาชนจะต้องกลับไปจ่าย 30 บาทหรือไม่ เพราะปัจจุบันเป็นแบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ประชาชนจ่าย 0 บาท รักษาทุกโรค ทุกที่อยู่แล้ว

ทั้งนี้นโยบายที่ตนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งคือนโยบาย 50 เขต 50 โรงพยาบาลรัฐ ขนาด 150 เตียง ประจำทุกเขต ทั้งที่หมอต่อจำนวนประชากรในกรุงเทพอยู่ที่ 1:600-800 คน แต่ที่บึงกาฬ หมอต่อจำนวนประชากรอยู่ที่ 1:5,000-6,000 คน ดังนั้นปัญหาคือการกระจุกตัวของแพทย์ในกรุงเทพ โดยไม่กระจายออกไปต่างจังหวัด และปัญหาของกรุงเทพไม่ใช่หมอขาดแคลน แต่เป็นเรื่องการส่งตัวล่าช้า

ทวงถามรถไฟฟ้า 20 บาท ทำได้จริงหรือโฆษณา? 

เวลา 18.30 น. นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายนโยบายรัฐบาล ด้านคมนาคม ว่าเป็นนโยบายที่ไร้ทิศทาง ดีแต่พูดว่าจะทำ แต่ไร้ข้อผูกมัด ไร้ซึ่งสัญญาที่หาเสียงไว้ว่า 20 บาทตลอดสายก็ไม่ปรากฎ เมื่อรัฐบาลมีนโยบายที่กลวงมาก ก็ต้องไล่ดูว่านายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม รวมถึงพรรคเพื่อไทย เคยประกาศอะไรไว้สู่สาธารณะเอาไว้

นายสุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ให้ข่าวอย่างสวยหรูว่า รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการ แต่กลับไม่มีบรรจุอยู่ในแถลงนโยบาย ไม่มีความน่าเชื่อถืออะไรเลยรัฐบาลส้มหล่น พรรคเพื่อไทยโฆษณามาหลายเวที กี่ปีก็ชู 20 บาท พรรคเพื่อไทย ดูแลทั้งกระทรวงคมนาคม แถมมีนายกรัฐมนตรีคุมกระทรวงการคลัง ต้องมาดูว่า นโยบายนี้ทำจริงได้ไหม ควรทำหรือไม่ หรือเกิดมาเพื่อการโฆษณาเท่านั้น

แถลงนโยบายรัฐบาล : สส.ก้าวไกล ทวงถามรถไฟฟ้า 20 บาท ทำได้จริงหรือโฆษณา?

"จุลพันธ์" แจงโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ปัดเอื้อนายทุนใหญ่

“จุลพันธ์” รมช.คลัง แจงโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท เน้นกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ย้ำที่มาของเงินไม่กระทบกรอบการเงินการคลัง ไม่แตะทรัพย์สมบัติของชาติ ปัดเอื้อนายทุนใหญ่ เพราะไม่ได้เลือกปฏิบัติ เชื่อเทคโนโลยีบล็อกเชนโปร่งใส ตรวจสอบได้

แถลงนโยบายรัฐบาล : จุลพันธ์ แจงโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ปัดเอื้อนายทุนใหญ่

"เศรษฐา" ย้ำแก้ รธน.ไม่แตะหมวด1-2   ยันยังคง รัศมี 4 กม.เงินดิจิทัล 

เมื่อเวลา 17.33 น. นายเศรษฐา  ทวีสิน นายกรัฐมนตรี  ลุกขึ้นชี้แจงเป็นครั้งแรกของวัน  โดยขอบคุณทุกความเห็นจากสมาชิกรัฐสภาที่ให้คำแนะกับรัฐบาล  ในการดำเนินนโยบายรัฐบาลจะยึดโยงประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง  และประชาชนของรัฐบาลนี้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ทั้งคนเมือง คนต่างจังหวัด และคนทุกฐานะ รวมถึงข้าราชการอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง

นายกรัฐมนตรี  ยืนยันเพื่อให้เกิดความชัดเจนเรื่องนโยบายการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่าจะไม่แก้ไขหมวดหนึ่งและหมวดสอง ว่าด้วยเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งจะดำรงไว้ซึ่งการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข 

นายเศรษฐา ยังกล่าวถึงข้อกังวล ของดิจิตอลวอลเลต ที่ต้องใช้ใน 4 กิโลเมตร ว่าเราตระหนักดีว่าชนบทอาจจะมีร้านค้าไม่เพียงพอ จึงขอไปดูรายละเอียดและดำเนินงานให้เหมาะสมตามคำแนะนำของสมาชิก  ขณะที่เรื่องระยะเวลาในการใช้ 6 เดือน เรื่องนี้จำเป็น เราต้องการให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่  ดังนั้นระยะเวลาในการใช้เงินครั้งนี้จึงเป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญอย่างมาก

สำหรับกรณีที่มีบางคนบอกว่า อยากให้ยกเลิกการใช้รัศมี 4 กิโลเมตร  นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเศรษฐกิจภูมิภาคต้องการการกระตุ้น  ถ้าเกิดคนที่มีถิ่นฐานอยู่ที่จังหวัดใด  ก็ควรกลับไปใช้ที่นั่น ซึ่งมีเวลาถึง 6 เดือน กลับไปเยี่ยมญาติพี่น้อง ทำให้สถาบันครอบครัวแข็งแกร่งขึ้น เพราะฉะนั้น 4 กิโลเมตร ตามบัตรประชาชนขอคงไว้  ยกเว้นบางเขตอาจจะต้องขยาย 


"เสรี สุวรรณภานนท์" ขอบคุณรัฐบาล แก้ รธน.ไม่แตะหมวดสถาบัน

เมื่อเวลา 17.10 น. นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) อภิปรายว่า สว.ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการพิทักษ์ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยรัฐบาล ระบุว่า มีนโยบายพิทักษ์รักษาความซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ และยังมีส่วนอื่นอีกหลายประการ นอกจากนั้นยังพบว่า มีนโยบายเกี่ยวกับการจัดทำรัฐธรรมนูญ รัฐบาลเสนอให้มีการแก้ไข แต่ก็มีความชัดเจนว่าจะไม่แก้ไขในหมวดพระมหากษัตริย์ ก็อยากขอบคุณรัฐบาลที่มีความชัดเจน เพราะเรื่องเหล่านี้มีความขัดแย้งในสังคมมาอย่างยาวนาน

นายเสรี กล่าวอีกว่า นโยบายที่รัฐบาลเสนอและหาเสียงไว้นั้น ต้องเรียนว่า สิ่งที่เสนอไว้มีหลายเรื่องที่ดูแล้วเป็นสิ่งที่ดี แต่สิ่งสำคัญก็คือ ต้องมีความชัดเจนเรื่องแหล่งที่มา ซึ่งรัฐบาลสรุปแบบเหมารวมๆ ไว้เท่านั้น หากทำให้เกิดความชัดเจนก็จะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพดีขึ้น

"สุรินทร์ สส.ปชป." เสียดายรัฐบาลเศรษฐา ไร้ "เสรีพิศุทธ์" มาปราบทุจริต 

พลตำรวจตรีสุรินทร์ ปาลาเร่  สส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกขึ้นอภิปรายตอนหนึ่ง ว่าตนมีความคาดหวัง ให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เข้ามาบริหารประเทศ เพราะตนได้ยกมือโหวต แต่ก็รู้สึกผิดหวัง หลังจากเห็นการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี

ซึ่งปัญหาของประเทศที่ต้องแก้ไขทันที คือ ปัญหาคอรัปชั่น ในทุกองค์กรเกิดการคอรัปชั่นกันหมด แต่ในนโยบายของรัฐบาลเศรษฐา กลับไม่มีการแก้ปัญหาเรื่องนี้ ให้ความสำคัญกับการทุจริตน้อยเกินไป ตนเป็นห่วงในหลายเรื่อง อย่างปัญหาความเหลือมล้ำ ความยากจน ค่าไฟฟ้าที่แพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

โดยพลตำรวจตรีสุรินทร์ ยังระบุว่า รู้สึกผิดหวังที่รัฐบาลนี้ ไม่มีพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส มาเป็นรองนายกรัฐมนตรี ที่เข้ามาดูแล ปราบปรามปัญหาคอรัปชั่น เรื่องการทุจริตต่อหน้าที่ แต่ปรากฎว่า เมื่อตั้งครม.มาแล้วก็ไม่มีเลย 

"แล้วท่านจะหาคนอย่างพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ได้อย่างไร คนที่กล้าต่อสู้ คนดี คนเก่งและมือสะอาด ที่จริงเอาพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ มาปกป้องท่าน" 


ก้าวไกล จวก นโยบายพลังงาน แม้ รมว.พลังงานไม่อยู่ในห้องประชุมสภาฯ พร้อมเสนอ 4 นโยบายเร่งด่วน

นายศุภโชติ ไชยสัจ สมาชิกสภาผู้แทนรษฎร พรรคก้าวไกล มองว่า การตรึงค่าไฟ ด้วยการให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิต หรือ กฟผ. แบกรับภาระหนี้เป็นแค่การยืดระยะการขึ้นค่าไฟเท่านั้น เพราะในอนาคตหากหนี้ก้อนนี้ขยายไปเรื่อยๆ จน กฟผ. แบกรับไม่ไหว ท้ายที่สุดก็ต้องขึ้นราคาค่าไฟอยู่ดี เมื่อถึงวันนั้นประชาชนอาจรับไม่ไหว และตั้งตัวไม่ทัน 

เช่นเดียวกับ นโยบายใช้เงินอุดหนุน การปรับลดภาษีไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นตอ จริงๆ ถ้ามองให้ถูกจุด ค่าไฟที่ไม่เป็นธรรมเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ที่มีโครงสร้างก๊าซธรรมชาติที่เอื้อกลุ่มธุรกิจ มีโครงสร้างการออกสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเอื้อให้มีโรงไฟฟ้าเกินจำเป็น เพราะฉะนั้นต้องกล้าเข้าไปแก้ปัญหาจากกลุ่มทุนที่หากินกับค่าไฟของประชาชน

อย่างไรก็ตาม พี่น้องประชาชนควรได้ใช้ค่าไฟที่ถูก และเป็นธรรม มิเช่นนั้นในอนาคตก็ต้องนำภาษีมาจ่ายอยู่ดี ในระยะเร่งด่วน แก้ค่าไฟ ราคาน้ำมัน เสนอ 4 ข้อ

แถลงนโยบายรัฐบาล : ก้าวไกล จวก นโยบายพลังงาน พร้อมเสนอ 4 นโยบายเร่งด่วน

"ชัยชนะ" ติงแถลงนโยบายรัฐบาล ไม่บอกวิธีลดค่าพลังงาน จี้รัฐหยุดผูกขาดสัมปทาน-หยุดอนุมัติโรงไฟฟ้าเอกชนใหม่

เมื่อเวลา 15.20 นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ขอแสดงความยินดีกับนายกรัฐมนตรีที่ได้มาดูแลแผ่นดินไทย อยากให้สร้างรอยยิ้มให้กับพี่น้องประชาชน ให้ร่ำรวยได้เหมือนนายกฯ จากที่ได้มีโอกาสติดตามการลงพื้นที่ในภาคอีสานของนายกฯ รวมถึงการลดค่าใช้จ่ายภาระประจำ ซึ่งในการแถลงนโยบายคือการลดค่าพลังงาน และส่งเสริมพลังงานสะอาด ซึ่งยังไม่เห็นว่าลดค่าไฟ ลดค่าน้ำมันอย่างไร ใช้งบประมาณอย่างไร 

นายชัยชนะ ระบุว่า รัฐบาลต้องใส่ใจแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด หยุดงบประมาณรั่วไหล หยุดความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยการผลิตไฟฟ้าเอื้อการผลิตของเอกชนบางกลุ่ม มีสัมปทานจากรัฐกว่า 30 โรง และมีกำลังการผลิตสูงกว่า 70% มีการผลิตไฟฟ้าสำรองสูง 50% แต่ในความเป็นจริงมีแค่ 15% เท่านั้น ทำให้เกินต่แความต้องการ

นายชัยชนะ เสนอแก้ไขราคาพลังงานให้ลดลง ถูกลง ได้แก่ ตรึงค่าไฟฟ้าผันแปร หรือค่า FT , หยุดการอนุมัติโรงไฟฟ้าเอกชนใหม่ในประเทศ และการนำเข้าจาก สปป.ลาว , จัดการต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติ , ทบทวนการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเอกชน
, เร่งสนับสนุนให้ประชาชนพึ่งตนเองด้านพลังงานด้วยการติดแผ่นโซลาร์เซลล์บนหลังคา และรับซื้อไฟฟ้าส่วนเกินจากการใช้งานกลับเข้าสู่ระบบ , หยุดผูกขาดสัมปทานรัฐ 

“ม.ล.ชโยทิต” ลั่น รทสช.หนุนโยบายพลังงานสะอาด โต้ข่าวลือไทยค่าไฟแพง เผยอยากได้ถูกกว่านี้ต้องเผาถ่านหินในไทย แต่หวั่นสวนทางเป้าหมายสร้างอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด

เมื่อเวลา 15.25 น. ม.ล.ชโยทิต กฤดากร สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อภิปรายว่า การที่รัฐบาลมีนโยบายลดราคาพลังงานโดยทันที เป็นเรื่องที่จำเป็น เพื่อลดภาระค่าครองชีพ แต่ต้องทำให้มีภาระต่องบประมาณให้น้อยที่สุด หากต้นทุนพลังงานตลาดโลกปรับตัว หรือผลิตจากแหล่งในประเทศเพิ่มขึ้น หรือจัดเก็บรายได้มากขึ้น ก็สามารถลดภาษีสรรพสามิตได้ 

นอกจากนี้ รทสช.ยังเห็นด้วยกับการผลักดันพลังงานสะอาด รัฐบาลชุดที่แล้วได้มีเจตนารมณ์และประกาศกับชาวโลกชัดเจนว่าภายในปี 2050 ไทยจะเป็นกลางในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จนได้รับการตอบขานว่า แผนแม่บทที่เราได้ทำขึ้น น่าเชื่อถือได้มากที่สุดในอาเซียน

ม.ล.ชโยทิต กล่าวย้ำว่า สำหรับราคาพลังงานในอาเซียน ที่ถูกพูดถึงว่าเรามีราคาแพงนั้น ความจริงไทยอยู่ในระดับกลางๆ ของอาเซียน แต่ที่ดีกว่าคือ เราเผาถ่านหินน้อยกว่าประเทศอื่น ถ้าอยากได้ราคาพลังงานที่ถูกลงอีก เราต้องเผาถ่านหิน แต่จะไม่บรรลุเป้าหมายการปรับเปลี่ยนโครงสร้างอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาด

"สว.เลิศรัตน์" มองรัฐบาลเศรษฐา เป็นรัฐบาลปรองดอง 

เมื่อเวลา 14.45 น. พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้ลุกอภิปรายแสดงความเห็นต่อนโยบายรัฐบาล ว่า ตนเห็นด้วยกับการเขียนแก้ไขรัฐธรรมนูณที่เขียนแบบเปิดกว้าง โดยรับฟังความเห็น ทั้งที่มีการหารือร่วมกับรัฐสภา โดยประชาชนมีส่วนร่วม แสดงความเห็น ก่อนมีการทำประชามติต่อไป อีกทั้งรัฐบาลต้องให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาการเมือง เพื่อสร้างความปรองดอง ความรัก ความสามัคคีของคนในชาติ ที่ต้องเร่งแก้ไข เพราะมีความจำเป็นต่อการขับเคลื่อน การบริหารราชการแผ่นดินในทุกๆ ด้าน 

พล.อ.เลิศรัตน์ ยังกล่าวด้วยว่า การจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ มีจากหลายพรรคการเมือง มีหลายพรรคร่วมมาเจอกัน จึงถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดี ที่ประเทศเราจะเข้าสู่การปรองดอง ส่วนการกระจายอำนาจการปกครอง ที่รัฐบาลนี้จะทำ "ผู้ว่า CEO" ลดบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ว่าเรื่องนี้รัฐบาลกำลังถอยลงคลอง จึงอยากให้พิจารณารอบด้าน 

พล.อ.เลิศรัตน์ ยังหวังด้วยว่า รัฐบาลนายเศรษฐา จะขจัดมะเร็งร้าย ที่กัดกร่อนประเทศชาติ อย่างปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นในวงราชการ และการปล่อยให้รัฐมนตรีและผู้ร่วมงานหาประโยชน์โดยมิชอบ รวมถึงการซื้อขายตำแหน่ง ซึ่งตนมั่นใจว่ารัฐบาลเศรษฐา จะสามารถบริหารงานและเปลี่ยนแปลงประเทศได้ตามที่ได้แถลงไว้ 

"สว." ลุกประท้วง ตามหาคนหาย ขอ "เศรษฐา" ฟังอภิปรายด่วน 

เมื่อเวลา 14.05 น. นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน สมาชิกวุฒิสภา ได้ลุกขึ้นประท้วง ก่อนถามว่าสมาชิกที่อภิปราย กำลังอภิปรายให้ใครฟัง เพราะตอนนี้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รวมถึงคณะรัฐมนตรี ได้หายออกไปจากห้องประชุมหมดเลย จึงอยากให้ประธาน ถามหาคนหายหน่อยครับ ว่าหายไปไหน ขอให้ช่วยเข้ามาฟังด้วยโดยด่วน เพราะสมาชิกที่อภิปรายได้ซักถาม เสนอแนะ แต่ท่านไม่มาฟัง แสดงว่าไม่มีความรับผิดชอบ 

ซึ่งนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ได้กล่าวสั้นๆ ว่ารับทราบ 

ระหว่างที่นายเฉลิมชัย ลุกขึ้นประท้วง ทีมงานทำเนียบรัฐบาล ได้ส่งข่าวนายกรัฐมนตรี พบและให้กำลังใจนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ที่อาคารรัฐสภา 

ก้าวไกล จี้ เศรษฐา เติมแต้มต่อให้เอสเอ็มอี

นายวรภพ วิริยะโรจน์ สภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล ได้ลุกขึ้นและกล่าวต่อประธานรัฐสภา ถึงกรณีการแถลงนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี  ที่ให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการรายเล็กรายย่อยน้อยเกินไปมาก พร้อมเสนอให้รัฐบาลนำไปพิจารณาปรับปรุงให้เหมาะสม ทั้งที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจมานานก่อนโควิด-19 โดยเฉพาะนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่อยากให้ปรับเงื่อนไข อุดหนุนเฉพาะร้านค้ารายย่อยดีกว่าปล่อยให้เม็ดเงินในระบบไหลเข้าไปที่มือของ "นายทุนใหญ่"

แถลงนโยบายรัฐบาล : ก้าวไกล จี้ เศรษฐา เติมแต้มต่อให้เอสเอ็มอี

"วันชัย" หนุน "นายกฯ เศรษฐา" สลายขั้วความขัดแย้งทางการเมืองในรอบ 20 ปี เชื่อ เศรษฐามา ราหูไป ความศิวิไลซ์จะบังเกิด”

เมื่อเวลา 12.15 น. ที่อาคารรัฐสภา นายวันชัย สอนสิริ สมาชิกวุฒิสภา ได้ลุกขึ้นอภิปราย ตอนหนึ่งว่า ตนได้อยู่ในเหตุการณ์เลือกนายกรัฐมนตรีมาถึง 2 ครั้งแล้ว นายเศรษฐา ทวีสิน ที่ได้มาเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ แล้วในสถถานการณ์นี้ ถือว่าไม่ใช่เครื่องธรรมดาเลย เป็นความบรรจงลงตัว เป็นฉันทมติร่วมกันของสภา ที่รัฐบาลนี้จะมาแก้ทุกข์ของประชาชนคนไทย รัฐบาลนี้จึงเป็นความหวังของประเทศ ที่ประชาชนรออยู่ 

นายวันชัย กล่าวว่า “ผมไม่ใช่คนงมงาย แต่ขอเรียนว่า ขนาดดาวมฤตยูที่ทับดวงเมืองมา 7 ปียังต้องย้าย ดาวราหูยังต้องไปในวันที่ 17 ต.ค. นี้ เขาจึงกล่าวกันว่า นายกฯ เศรษฐามา ราหูไป ความศิวิไลซ์จะบังเกิด”

นายวันชัย ยังยกคำแถลงนโยบาย ที่รัฐบาลนี้มุ่งหน้าจะแก้ไขความเห็นต่าง ที่้มาจากรัฐธรรมนูญ โดยรัฐบาลมุ่งมั่นจะสร้างความสามัคคีปรองดองให้จงได้ ตนขอสนับสนุนนโยบายนี้อย่างเต็มที่และเต็มกำลัง และขอให้สำเร็จตามที่แถลง เพราะหลายรัฐบาลดำเนินการเรื่องนี้มาแล้วยังไม่สำเร็จ พร้อมระบุ เราทะเลาะกันมากว่า 20 ปี มีคนติดคุกกันมา เสียหายทางเศรษฐกิจ และทางจิตใจที่คำนวนไม่ได้ วันนี้ฝ่ายการเมืองที่เป็นรัฐบาลสลายขั้ว สลายสี สลายความขัดแย้ง มาเป็นรัฐบาลร่วมกัน เป็นความปรองดอง สามัคคีในรอบ 20 ปี และเมื่อพรรคการเมือง นักการเมือง รัฐมนตรี สามัคคีปรองดองกันแล้ว ขออย่าได้หยุดแค่นี้ ขอให้ช่วยลบ ล้าง บาดแผลสลายความขัดแย้ง ที่ร้าวลึกไปถึงคู่ขัดแย้ง ทุกกลุ่มทุกฝ่าย ให้หันหน้ามาสามัคคีปรองดองกัน เหมือนกับพรรคร่วมรัฐบาล 

"คดีความที่มีคดีใดๆ ต่อกันทั้งทางแพ่งและทางอาญา อันเกิดจากความขัดแย้งทางการเมือง ไม่ว่าจะอยู่ในระดับใดชั้นใด เลิกได้ควรเลิก จบได้ควรจบ รัฐบาลควรรีบดำเนินการโดยเร็ว มันคาราคาซังมานานแล้ว ถ้าทำอย่างนี้ได้ ระดับบน ระดับกลาง ระดับล่าง ที่เป็นคู่ขัดแย้งกัน ก็จะทำให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ แค่นี้รัฐบาลสลายขั้วทุกพรรคการเมืองมาทำงานร่วมกัน เท่านี้ประชาชนเห็นแล้วว่า ประเทศชาติเรามีความรักความสามัคคีแล้ว"

"จุรินทร์" ฟาด 10 นโยบายรัฐบาล "ล่องหน-เลื่อนลอย-ไม่ตรงปก"

เมื่อเวลาประมาณ 11.25 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นอภิปรายนโยบายรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน โดยบอกว่า “สำหรับนโยบายที่ท่านนายกฯ ได้แสดงไปสักครู่นี้ ดูละเอียด 2-3 รอบ ดูทุกตัวอักษร ทบทวนไปทบทวนมา มีความเห็นเหมือนสาธารณชนทั่วไป และมีความเห็นเช่นเดียวกับเพื่อนสมาชิกหลายคนที่อภิปรายว่า ‘มาตรฐานของนโยบายรัฐบาลชุดนี้ สวนทางกับความสูงของท่านนายกฯ’ จริง ๆ”

นายจุรินทร์กล่าวว่า นโยบายรัฐบาลเศรษฐานั้นมีการตั้งโจทย์ประเทศที่คลุมเครือ นโยบายเลื่อนลอย ขาดความชัดเจน หากใครอ่านครบจะพบว่า ฟุ่มเฟือยด้วยวาทกรรมวกไปวนมา “เป็นนโยบายน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง”

นายจุรินทร์บอกอีกว่า “ที่สำคัญอีกอันหนึ่ง ที่เชื่อว่าทุกคนเห็นตรงกัน ก็คือนโยบายที่ท่านนายกฯ แถลงเมื่อสักครู่ กับนโยบายตอนหาเสียง เป็นหนังคนละม้วน กลายเป็นนโยบายไม่ตรงปกอย่างที่วิจารณ์กัน”

แถลงนโยบายรัฐบาล: “จุรินทร์” ฟาด 10 นโยบาย “เศรษฐา” ไม่ตรงปก มาตรฐานสวนทางส่วนสูง

สว. "คำนูณ" ตั้ง 3 คำถาม เดินหน้านโยบายเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท-แก้หนี้

นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา เปิดเผยว่า นโยบายเงนดิจิทัล 10,000 บาท เป็นนโยบายที่ชาญฉลาด กล้าหาญ แต่ก็แฝงความสุ่มเสี่ยงเอาไว้อย่างมาก โดยก่อให้เกิดการโต้แย้งมากมาย โดยในหนังสือแถลงนโยบายต่อรัฐสภา มีทั้งคำว่า จุดชนวน กระตุ้น กระตุก เป็นเหมือน กระดุมเม็ดแรกของนโยบายทั้งหมด 14 หน้าของรัฐบาล

โดยตั้งคำถามถึงที่มาของแหล่งเงินงบประมาณมากจากไหน แม้ว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยเคยแถลงและชี้แจงในเอกสาร ต่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2566 พบว่าเงินทั้งหมดการบริหารงบประมาณปกติ และการบริหารระบบภาษี รวมๆ แล้ว 4 ทาง แต่สรุปได้ว่า จะเป็นโครงการที่อยู่ในงบประมาณและอยู่ในงบประมาณรายจ่ายปี 2567 ใช่หรือไม่ 

ภาพจาก : รัฐสภา

แถลงนโยบายรัฐบาล : สว.คำนูณ ตั้ง 3 คำถาม เดินหน้านโยบายเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท

"ศิริกัญญา" ซัด นโยบายรัฐบาลเศรษฐา ไม่มี GPS. ไร้หนทางกรอบเวลา ก่อนตัดเกรดคะแนน รัฐบาลประยุทธ์ แถลงดีกว่า 

เมื่อเวลา 10.40 น. น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นอภิปราย ระบุว่า การแถลงนโยบายถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมากในระบบประชาธิปไตย เพราะจะเป็นกลไกลในการรับผิดรับชอบ เป็นการให้คำมั่นสัญญา ที่วันนี้ฝ่ายบริหารได้มาแถลงต่อหน้าผู้แทนราษฏรและจะเป็นคัมภีร์ที่เราจะติดตามตรวจสอบไปตลอด 4 ปี ไม่ว่าที่มาอำนาจของพวกท่านจะเป็นอย่างไร ประชาชนจะให้การยอมรับพวกท่านมากแค่ไหนดิฉันคงพูดแทนประชาชนไม่ได้ แต่การแถลงนโยบายที่ดี จึงจะเป็นสิ่งกู้คืนความเชื่อมั่น ความศรัทธาต่อความประชาชนใหม่นี้ให้กลับคืนมาได้ จะเป็นโอกาสที่รัฐบาลจะให้คำมั่นสัญญากับประชาชนที่หนักแน่น 4 ปีข้างหน้าท่านจะนำความก้าวหน้ามาอย่างไรให้กับประชาชนบ้างและด้วยวิธีการใด คำสัญญาที่เป็นรูปธรรมเท่านั้น เพราะประชาชนจะสามารถตรวจสอบได้ ว่ารัฐบาลได้ทำไปหรือยัง ในการแถลงนโยบายครั้งนี้ 

น.ส.ศิริกัญญา ยังระบุว่า เนื้อหาเป็นอย่างไร เราค่อยมาถกกัน แต่การแถลงนโยบายรัฐบาลที่ดี มันจะต้องเหมือน GPS. ซึ่งหมายถึง Government Policy Statement โดยจะเป็นการบอกว่าเป้าหมายในระยะ 4 ปีนี้ มีเป้าคืออะไร รัฐบาลจะเดินไปเส้นทางไหน ด้วยวิธีการใด เหมือนหรือต่าง ที่เคยสัญญากับผู้ร่วมทางตอนหน้าเสียงไว้หรือไม่ และจะไปถึงเป้าหมายเมื่อไหร่ แต่วันนี้เมื่อฟังที่นายกฯ แถลงก็ไม่ต่างอะไรกับเอกสารที่ออกมาก่อนหน้า  ถ้าบอกว่านี่คือ GPS. ประเทศก็คงหลงทาง เพราะมันมีแต่ความว่างเปล่าเบาหวิว แทบไม่ได้บอกอะไรกับเราเลย มีแต่คำอธิฐานลอยๆ มีแต่คำอธิบายที่กว้างๆ  ขาดความชัดเจนของเป้าที่่จะไปถึง ไม่มีการใส่ตัวชี้วัดที่เป็นตัวเลข 

น.ส.ศิริกัญญา ยังกล่าวด้วยว่า การแถลงนโยบายของรัฐบาลต้องมีความชัดเจน ทั้งในเรื่องของเป้าหมายที่จะทำ มีตัวชี้วัด และระยะเวลา เพื่อเดินหน้าไปถึงจุดที่รัฐบาลอยากจะให้ถึง รวมถึงให้ประชาชนสามารถติดตามได้ว่าเป็นไปตามสัญญาหรือไม่ และต้องบรรจุนโยาบที่หาเสียงไว้กับพี่น้องประชาชน เพื่อได้มาซึ่งคะแนนเสียง แลกกับประชาชน หากพรรคการเมืองไหนคิดจะกลับคำ ตระบัดสัตย์ ไม่ยอมบรรจุนโยบายที่หาเสียงไว้ ในการแถลงนโยบาย รวมถึงไม่ดำเนินการตามนโยบายที่หาเสียงไว้ แบบนี้ก็หมายถึงว่าพรรคการเมืองนั้นทรยศต่อความไว้วางใจของพี่น้องประชาชน 

น.ส.ศิริกัญญา ยังตัดเกรดให้คะแนนการแถลงนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่าอยู่เกรดเดียวกับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี และยังบอกด้วยว่า พลเอกประยุทธ์ แถลงได้ดีกว่าด้วยซ้ำ เพราะเนื้อหายาวกว่า แต่ที่น่าผิดหวังไปมากกว่านั้น พรรคเพื่อไทย ที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมาตราฐานตก ไม่สามารถคงมาตราฐานไว้ได้ดีกว่านางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีนโยบายที่หาเสียงไว้ ถูกบรรจุในการแถลงนโยบายไว้ทั้งหมด และมีเป้าหมาย กรอบระยะเวลาว่าจะทำนโยบายให้เสร็จภายในกี่ปี  

"ไม่ใช่มาบอกว่า อยากให้ประเทศเป็นอย่างนั้น ประเทศอย่างนี้ ไม่มีตัวชี้วัดให้ประชาชนติดตาม ว่าประเทศของเราบรรลุเป้าหมายไปแล้วหรือยัง" ศิริกัญญา กล่าว 

น.ส.ศิริกัญญา ยังเปรียบเทียบรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ว่าการแถลงนโยบายในตอนนั้น มีรายละเอียดที่ชัดเจน มีเป้าหมาย มีกรอบเวลาชัดเจน ตรงกับนโบายที่สัญญาไว้ก่อนเลือกตั้ง ซึ่งรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็ทำตรากรอบนี้ไว้ได้ทั้งหมด แต่รัฐบาลของนายเศรษฐา การแถลงนโยบายไม่พบรายละเอียด ไม่มีเป้าตัวชี้วัด ไม่มีกรอบเวลา และไม่ตรงกับนโยบายที่สัญญาไว้ก่อนเลือกตั้ง จึงอยากจะถามไปยังพรรคเพื่อไทย ว่าคนเขียนนโยบายลาออกไปแล้วหรือไม่ อย่างการแก้ไขปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชน ที่ไม่มีกรอบเวลา ว่าจะเสร็จภายใน 90 วัน หรือ 1 ปี ก็ไม่มี เพราะปากท้องของพี่น้องประชาชนรอไม่ได้ ที่หนักไปกว่านั้นนโยบายที่หาเสียงไว้ ก็แทบหาไม่เจอ แต่ก็ยังดีกว่ารัฐบาลประยุทธ์ ที่ตนยังพอให้คะแนนพรรคเพื่อไทยบ้าง 

น.ส.ศิริกัญญา ยังชำแหละนโยบายตอนหาเสียง ที่ไม่ตรงกับนโยบายที่แถลงต่อสภา โดยยกตัวอย่างว่าตอนหาเสียงเคยพูดไว้ว่า "พักหนี้เกษตรกร 3 ปี รายได้ดี 3 เท่า" พอมาอยู่ในคำแถลงนโยบาย "พักหนี้ตามความเหมาะสม รายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ" และตอนหาเสียงยังบอกว่า "ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ต่อวัน ปริญญาตรี 20,000 บาท ต่อเดือน" มาวันนี้ในเล่มแถลงเปลี่ยนเป็น "ค่าแรงขั้นต่ำ เป็นธรรม เงินเดือน เป็นธรรม" ขณะที่นโยบายค่ารถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสายก็ไม่มี เหมือนตอนที่หาเสียงไว้ 

น.ส.ศิริกัญญา นโยบายที่แถลงต่อสภา ยังขาดเรื่องการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนได้ ปัญหาการเมือง ที่เคยบอกว่าจะก้าวข้ามความขัดแย้ง ซึ่งนโยบายเหล่านี้เคยพูดไว้ตอนหาเสียง แต่วันนี้กลับไม่มีเลย ไม่กล้าหาญเหมือนที่เคยกล่าวไว้ แต่สิ่งที่ทำให้คำแถลงออกมาเป้นเช่นนี้ มีอยู่ 2 ประการ คือ 1. รัฐบาลกลัวการผูกมัด กลัวว่าจะทำไม่ได้ตามที่สัญญาเลยไม่กล้าผูกมัดอะไรกับประชาชนเลย แต่ถ้านโยบายไหนคิดว่าทำไม่ได้ แล้วจะมีผลต่อการเงินการคลัง ก็ไม่ควรไปให้คำสัญญากับพี่น้องประชาชนแต่แรก 2. อาจเป็นเพราะรัฐบาลนี้ เป็นรัฐบาลผสมข้ามขั้ว รวมถึงนโบายก็เป็นคนละขั้วเช่นกัน สุดท้ายเลยหาข้อตกลงไม่ได้ ก็เลยต้องเขียนไว้ลอยๆ 

น.ส.ศิริกัญญา ยังแนะนำให้นำแผนการทำงานในภาคเอกชนมาใช้ในการแถลงนโยบาย ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้นำการทำงานแบบนี้มาใช้ ทำให้เป็นการแถลงที่ขาดความทะเยอทะยาน เสมือนหลับตาข้างหนึ่งเพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง ไม่มีการพูดถึงความเหลื่อมล้ำ หรือกล้าแตะเรื่องยากๆที่เป็นต้นตอ ต่างกับตอนหาเสียงเป็นอย่างมาก ทำให้เชื่อได้ว่า รัฐบาลกลัวการผูกมัดกลัวทำไม่ได้ตามสัญญา หากทำไม่ได้ก็ไม่ควรหลอกประชาชนในการหาเสียงตั้งแต่แรก และอีกเหตุผลที่ทำไม่ได้คือการเป็นรัฐบาลข้ามขั้ว นโยบายผสมกันไม่ได้ จึงต้องเขียนให้ลอยๆ และเกรงใจกลุ่มอำนาจทุนทำให้ไม่สามารถลงรายละเอียดได้ พร้อมย้ำว่า ไม่ใช่แค่เศรษฐาที่เปลี่ยน แต่พรรคเพื่อไทยก็เปลี่ยน 

ส่วนเรื่องแหล่งรายได้และที่ว่าของเงินโดยเฉพาะนโยบาย Digital wallet 10,000 บาท น.ส.ศิริกัญญา ระบุว่า ต้องใช้จำนวนเงินมหาศาล 560,000 ล้านบาท จำเป็นต้องมีเงินจริงมากองไว้  และงบประมาณปี 67 มีเงินสดไม่เพียงพอ หากจำเป็นต้องใช้เงินนอกงบประมาณ เช่น การกู้ยืมเงินจากหน่วยวานภาครัฐ การใช้กองทุนหมุนเวียนของผู้ประกันตนหรือข้าราชการบำนาญ หรือการขายกองทุนวายุภักษ์ จะทำให้งานแรกของรัฐเริ่มต้นด้วยการทลายกรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐเลยหรือไม่

น.ส.ศิริกัญญายังระบุอีกว่า การแจกเงินครั้งใหญ่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจจริง แต่หากวินิจฉัยโรคไม่ถูกจะเป็นการรักษาไม่ตรงจุด หากไม่รักษาอาการป่วยที่เรื้อรัง ก็จะทำให้งบประมาณที่เสียไปไม่คุ้มค่า 

"Digital wallet เงิน 10,000 บาทแน่นอนว่ากระตุ้นเศรษฐกิจให้โตได้ แต่ไม่ได้เพียงพอให้เกษตรกรไว้ขุดแหล่งน้ำไว้บรรเทาภัยแล้ง ไม่สามารถทำให้เกษตรกร ได้เอกสารสิทธิ์ในที่ดินของตัวเองได้ไม่สามารถช่วยให้ผู้ส่งออกส่งออกเพิ่ม หรือไม่ตัดโอทีคนงานได้ ขอให้ท่านบริหารจัดการให้ดีการบริหารจัดการแผ่นดินไม่ใช่การพนัน จะเทหมดหน้าตักไม่ได้แล้วไปหวังน้ำบ่อหน้าแบบนี้ไม่ได้" น.ส.ศิริกัญญา กล่าว 

เริ่มแล้ว ! เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายต่อรัฐสภา

เริ่มแล้ว เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยมีนโยบายเร่งด่วน คือ 

  • นโยบายเงินดิจิทัล  10,000 บาท ชนวนกระตุกเศรษฐกิจให้ตื่น 
  • พักหนี้-แก้หนี้ ประชาชน เกษตรกร ผู้ประกอบการรายย่อย
  • ลดภาระค่าใช้จ่าย "พลังงาน" ลดราคาน้ำมัน ค่าไฟ แก๊สหุงต้ม
  • ผลักดันการท่องเที่ยวกุญแจดอกแรกสร้างรายได้ประเทศ
  • เปิดประตูการค้า สู่ตลาดใหม่ๆ ยกระดับพาสปอร์ตไทย

โดยกล่าวถึงนโยบายเร่งด่วนสุดท้าย คือการแก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เพื่อให้คนไทยได้มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น โดยยึดรูปแบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและไม่แก้ไขในหมวดพระมหากษัตริย์

โดยรัฐบาลจะหารือแนวทางในการทำประชามติที่ให้ความสำคัญกับการทำให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมออกแบบกฎ กติกาที่เป็นประชาธิปไตย ทันสมัยและเป็นที่ยอมรับร่วมกัน รวมถึงการหารือแนวทางการจัดทำรัฐธรรมนูญในรัฐสภาเพื่อให้ประเทศสามารถเดินต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง

แถลงนโยบายรัฐบาล : "ศิริกัญญา" ซัด ครม.เศรษฐา ไม่มีจีพีเอส ไร้หนทาง-กรอบเวลา

ก้าวไกล เปิดรายชื่อ 31 ขุนพล อภิปรายนโยบายรัฐบาล เศรษฐา 1 ลั่น จัดเต็มชุดใหญ่

พรรคก้าวไกล จัดเต็มชุดใหญ่ ผู้อภิปรายเก็บครบทุกประเด็นสำคัญ วิจารณ์พร้อมข้อเสนอ ในวาระที่นายกรัฐมนตรีจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา

แถลงนโยบายรัฐบาล : "ก้าวไกล" เปิด 31 รายชื่อ อภิปรายชำแหละนโยบาย ครม.เศรษฐา

“ปานปรีย์” บอก ข้อมูลต่างประเทศพร้อม หากฝ่ายค้านอภิปราย ปมผู้ลี้ภัยชายแดน

เมื่อเวลา 08.30 น. ที่รัฐสภา นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาว่า หากนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ชี้แจงเรื่องใดก็จะชี้แจง โดยเฉพาะนโยบายด้านการต่างประเทศ ตนพร้อมชี้แจง

เมื่อถามถึงนโยบายการดูแลผู้ลี้ภัยตามแนวชายแดนไทย เมียนมา และเรื่องสิทธิมนุษยชน ที่พรรคก้าวไกลจะอภิปรายประเด็นนี้ พร้อมหรือไม่ นายปานปรีย์ กล่าวว่า แล้วแต่ฝ่ายค้านจะหยิบยกขึ้นมา แต่เรามีข้อมูล พร้อมชี้แจง

เมื่อถามถึงนโยบายด้านการต่างประเทศในรัฐบาลชุดนี้ นายปานปรีย์ กล่าวว่า เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ใกล้ชิดกันมากขึ้น ทั้งทวิภาคีและพหุภาคี

นายกฯ ถือฤกษ์ 07.59 สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์รัฐสภา ก่อนแถลงนโยบาย บอกพร้อม ไม่มีปัญหา

เมื่อเวลา  07.59 น. วันที่ 11 ก.ย. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เดินทางถึงอาคารรัฐสภา ถนนสามเสน เขตดุสิต เพื่อแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา โดยทันทีที่มาถึงนายกฯได้นำพวงมาลัยสักการะศาลพระสยามเทวาธิราช พระเสื้อเมืองพระทรงเมือง พระภูมิชัยมงคล และศาลตายายประจำรัฐสภา 

เมื่อถามว่าวันนี้ตื่นเช้าหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ธรรมดาครับ 06.30 น.ครับ เมื่อถามว่าวันนี้พร้อมหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า พร้อมครับ ไม่มีปัญหา 

จากนั้นนายกฯนั่งรถกอล์ฟ เพื่อไปสักการะพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประดิษฐานบนพระที่นั่งพุดตาน ณ พิพิธภัณฑ์รัฐสภา เพื่อความเป็นสิริมงคลในการเดินทางเข้ารัฐสภาเป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการ

ก่อนนายกฯ เดินเข้าอาคารรัฐสภาและสักการะพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ก่อนขึ้นห้องรับรอง ชั้น 3 ภายในอาคารรัฐสภา เพื่อเตรียมแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ที่ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 2 อาคารรัฐสภา

นายกฯมั่นใจแจงนโยบายสภาครั้งแรกผ่านฉลุย เตรียมตัวมาดี ไม่หวั่นก้าวไกลจ่อถล่มซักฟอก มองเป็นหน้าที่ตัวแทนประชาชน

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดารคลัง ให้สัมภาษณ์ก่อนร่วมแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งจะมีการประชุม 2 วัน คือวันที่ 11 - 12 กัยายน 2566 

เมื่อถามว่าวันนี้เข้าสภาครั้งแรกรู้สึกอย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า มีหลายความรู้สึกทั้งเป็นเกียรติและตื่นเต้นด้วยเพราะว่าไม่เคยมา ซึ่งตนเห็นสภาครั้งแรกก็รู้สึกว่าอลังการ

พร้อมครับ ไม่มีอะไรต้องน่ากังวล เพราะว่าเตรียมตัวมาดี และได้เตรียมตัวกับทีมงานแล้วเมื่อวานนี้(10 กันยายน) รวมถึงได้แบ่งหน้าที่รัฐมนตรีและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.)ในการช่วยกันอภิปรายแล้วเรียบร้อยและพร้อมแถลงรวมถึงพร้อมรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกสภาทุกคน

เมื่อถามว่าวันนี้จะชี้แจงนโยบายของกระทรวงการคลังด้วยตัวเองหรือไม่หรือจะให้รัฐมนตรีช่วยฯ รับหน้าที่ นายเศรษฐาระบุว่าก็ต้องพิจารณาก่อนแต่ก็ต้องช่วยกันทุกคน

ส่วนกรณีที่ยังมีผู้ตั้งข้อสงสัยในนโยบายดิจิตอล วอลเลต 10,000 บาท นายเศรษฐา ระบุว่า ทีมงานก็พร้อมชี้แจงทุกคำถาม ส่วนที่ตนได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำรัฐสภาเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองประเทศ

ขณะที่ประเด็น พรรคก้าวไกลเตรียมสส.จำนวน 30 คนมาร่วมอภิปรายในวันนี้ พุ่งเป้าอภิปรายรัฐบาลโดยเฉพาะนโยบายด้านเศรษฐกิจนั้น รู้สึกหนักใจหรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า ถือเป็นหน้าที่ของสมาชิกผู้ทรงเกียรติทุกคน ที่จะต้องถามคำถามที่เป็นคำถามตัวแทนของประชาชน เพื่อมาซักถามฝ่ายบริหารให้ทราบถึงนโยบายและรายละเอียดต่างๆ ตนถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ถูกต้องและสมควรทำ

เมื่อถามถึงกลยุทธ์พรรคก้าวไกลที่มีการระบุว่านโยบายที่รัฐบาลจะอภิปรายนั้นไม่ตรงปกกับที่หาเสียงไว้ นายเศรษฐา ระบุว่า คอยฟังคำชี้แจงขออนุญาตให้ฟังคำชี้แจงจากรัฐบาลก่อน

อย่างไรก็ตาม นายเศรษฐา ต้องการเห็นบรรยากาศของการสมัครสมานสามัคคีและลดความขัดแย้ง พร้อมยืนยันว่าขณะนี้มีการแบ่งงาน กับรัฐมนตรีท่านอื่นเบื้องต้นไว้แล้ว วันนี้จะไม่ใช่ตนคนเดียวที่จะเป็นฝ่ายชี้แจงแต่จะมีรัฐมนตรีท่านอื่นช่วยกันชี้แจงในสภา

ส่วนหลังจากนี้จะมีการเดินทางเข้ามารัฐสภาเพื่อฟังกระทู้ถามตอบสดหรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า จะพยายามเข้าให้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ หากไม่ติดขัดภารกิจใดสำหรับการประชุมทั้ง 2 วันตนจะเดินทางมาร่วมประชุมตลอด

เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีจะยังคงเดินหน้าทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยหรือไม่หลังจากทำภารกิจมา 1 สัปดาห์เต็ม นายเศรษฐา ระบุว่า อย่างไรก็ต้องทำเหมือนเดิม เมื่อถามต่อว่าจะตื่นเช้าและพร้อมจะทำงานทุกวันหรือไม่ นายเศรษฐาระบุว่าขณะนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น ถ้าเหนื่อยก็พัก

เมื่อถามถึงนโยบายกัญชาเพื่อการแพทย์ แต่ในเอกสารของคำชี้แจงมีการระบุว่าเป็นนโยบายกัญชาเพื่อเศรษฐกิจนั้นนายเศรษฐากล่าวย้ำว่า ยืนยันว่าการเสรีกัญชาเพื่อการแพทย์

ถือฤกษ์ 07.59 น. สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์รัฐสภา มั่นใจแถลงนโยบายฯ

อดิศร บอกไม่มีองครักษ์พิทักษ์ นายกฯเศรษฐา ขอสภาอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ เชื่อไม่มีประท้วงไร้สาระ ยินดีก้าวไกลชนะเลือกตั้งซ่อมระยอง

นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และในฐานะประธานวิปฝ่ายรัฐบาล กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในฝั่งรัฐบาลว่า วันนี้เป็นวันแถลงนโยบายรัฐบาล ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งฝ่ายรัฐบาลไม่ได้มีการเตรียมพร้อมอะไร ก็คงจะเปิดโอกาสให้ฝ่ายตรวจสอบก็คือฝ่ายค้าน และสว. ได้พูดถึงในแนวนโยบายต่างๆ เชื่อว่า

วันนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพราะนายกรัฐมนตรีมีความพร้อมที่จะเข้ามาสภา ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีให้สมบูรณ์แบบไม่น่าเป็นห่วงอะไรทั้งสิ้น 

เมื่อถามว่า การแถลงนโยบายในปี 2562 มีวิวาทะมากมาย นายอดิศรกล่าวว่า ในการประชุมวิปสามฝ่าย ที่มีนายมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นประธาน  การตกลงวันนั้นเป็นบรรยากาศที่ดี ฝ่ายค้านจะรักษากรอบเวลา และจะไม่อภิปรายก้าวล่วงไปถึงคุณสมบัติอื่นๆ จะเป็นการอภิปรายที่สร้างสรรค์ ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล จะไม่มีการประท้วงแบบไร้สาระอย่างแน่นอน 

ส่วนต้องมีการเตรียมองครักษ์พิทักษ์นายเศรษฐาหรือไม่ นายอดิศร กล่าวว่า ตนขอพูดแบบตลกว่าเราคงไปพิทักษ์ท่านไม่ได้ เพราะท่านสูง 192 เซนติเมตร ไม่จำเป็นเพราะวันนี้เป็นการแถลงโยบาย ไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งเป็นครั้งแรกจึงอยากให้สภามีความสร้างสรรค์ พร้อมกล่าวบทกลอน

ฝ่ายค้านสองคน ยลตามช่อง
ฝ่ายค้าน มองดำทมิฬ
รัฐบาล ผ่องโศภิน 
เห็นแสงทอง อยู่เรียงราย

การมองต่างกันเป็นเรื่องธรรมดา ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลอย่าเห็นตรงกัน ถ้าเห็นตรงกันประเทศล้าหลังแน่ 

นายอดิศร ระบุว่า ขอให้กำลังใจแล้วแสดงความยินดีกับพรรคก้าวไกลที่ชนะการเลือกตั้งซ่อมจังหวัดระยอง ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น เพราะเคยทำงานร่วมกันมา แต่ตอนนี้เราทำกันคนละหน้าที่ ไม่ได้เป็นศัตรูอะไรกัน แต่ทางการเมืองต้องให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ 

เมื่อถามว่าคะแนนของพรรคก้าวไกลที่จังหวัดระยองเพิ่มขึ้นมา 10,000 คะแนนซึ่งมีการมองว่าเป็นคะแนนของพรรคเพื่อไทยนั้น นายอดิศร ระบุว่า ด้วยความเคารพเราขอแสดงความยินดี เพราะเราไม่ได้ไปใกล้ชิดในการเลือกตั้ง

"อดิศร" มองฝ่ายค้านจ้องถล่มวันแถลงฯ เป็นสีสัน

"กิตติศักดิ์" จี้รัฐบาลแจงนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ให้ชัด บอกหากอภิปรายไม่เคลียร์ว้าวุ่นแน่

นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงการอภิปรายนโยบายรัฐบาล ในการแถลงต่อสภาฯ วันแรก ว่า สว.จะมีผู้อภิปรายเกือบ 60 คน เวลาได้เวลาในการอภิปราย 5 ชั่วโมง ซึ่งตนมองว่าไม่พอ และขอเอาใจช่วย ให้บ้านเมืองเดินอย่างนี้ต่อไป เพราะเรากำลังได้รัฐบาลใหม่และเดินหน้าไปด้วย ทั้งนี้ในส่วนของตนไม่ได้เข้าร่วมอภิปรายเพราะสว.ได้เวลาอภิปรายน้อย 

เมื่อถามว่ามีประเด็นนโยบายอะไรสนใจเป็นพิเศษหรือไม่ นายกิตติศักดิ์กล่าวว่า ตนติดใจในเรื่องเงิน ดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ฉะนั้นฝากรัฐบาลชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจน ว่าเหตุใดทำไมถึงไม่จ่ายเป็นเงินสด และการไปเข้าระบบดังกล่าวมีเบื้องหน้าเบื้องหลังหรือไม่ เพราะ สส.และสว. ติดใจในประเด็นดังกล่าว ฉะนั้นนายกรัฐมนตรีและพรรคร่วมรัฐบาลควรมีคำตอบ ซึ่งหากชี้แจงได้ก็จะไม่เป็นปัญหา ทั้งนี้ตนอยากสนับสนุนให้ประชาชนอิ่มท้องและเงินตกถึงประชาชนจริงๆ แต่ถ้ามีเบื้องหน้าเบื้องหลังไม่นานคิดว่า ว้าวุ่นแน่

คำแถลงนโยบายของ “ครม.เศรษฐา”

โดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นเอกสาร 43 หน้า โดยแบ่งเป็นคำแถลงนโยบาย 14 หน้า ส่วนที่เหลือเป็นภาคผนวก โดยเป็นตาราแสดงความสอดคล้องระหว่างนโยบายในการบริหารราชการแผ่นดินของ ครม.กับหน้าที่ของรัฐและแนวนโยบายของรัฐ 

สำหรับนโยบายเร่งด่วน สำคัญมีสาระสำคัญ ดังนี้

นโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท เติมเงินผ่าน Digital Wallet จุดชนวนที่จะกระตุกเศรษฐกิจประเทศให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง โดยจะใส่เงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง และกระจายไปยังทุกพื้นที่ให้หมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจให้ถึงฐานราก เกิดการจับจ่ายใช้สอย ยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพของประชาชน และภาคธุรกิจ

พักหนี้-แก้หนี้ ประชาชน เกษตรกร ผู้ประกอบการรายย่อย หลังจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ให้กลับมามีโอกาสฟื้นตัวอีกครั้ง ส่วนภาคการเกษตร จะบริหารจัดทุกด้าน มีเป้าหมายทำให้รายได้ของเกษตรกรทั้งประเทศเพิ่มขึ้น อย่างมีนัยสำคัญภายในระยะเวลา 4 ปี

ลดภาระค่าใช้จ่ายพลังงาน ลดราคาน้ำมัน ค่าไฟ แก๊สหุงต้ม รัฐบาลจะสนับสนุนให้เกิดการบริหารจัดการ ราคาพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมในทันที ไปจนถึงการเปลี่ยนโครงสร้างการใช้พลังงานของ

ท่องเที่ยวสร้างรายได้ประเทศ มีหลายนโยบายที่เร่งผลักดัน คือ ปรับปรุงขั้นตอนการขอวีซ่า ยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่า กลุ่มนักท่องเที่ยวเป้าหมาย ทำ Fast Track VISA ผู้เข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติ (MICE) ปรับปรุงระบบคมนาคม เพิ่มปริมาณเที่ยวบิน

การแก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เพื่อให้คนไทยได้มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น โดยยึดรูปแบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและไม่แก้ไข ในหมวดพระมหากษัตริย์

สำหรับรายละเอียดนโยบายอื่นๆ สามารถอ่านรายละเอียดได้ที่นี่ : สรุป 14 หน้า เอกสารหลุด! นโยบายรัฐบาล"ครม.เศรษฐา 1"

ประกาศแจ้งจ่ายเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด "เข้าบัญชี 18 ก.ย.2566" แน่นอน

ส่องสีใหม่ "iPhone 15" และ "iPhone 15 Pro" ก่อนเปิดตัวกันยายนนี้

ประกาศรายชื่อวอลเลย์บอลหญิงไทย "นุศรา" นำทัพชุดลุยศึกคัดโอลิมปิก 2024

Bottom-PL-24 Bottom-PL-24

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ