เหลืออีกเพียง 7 วันเท่านั้น ก็จะถึงวันที่ อัยการสูงสุด นัด นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาเพื่อดำเนินการสั่งฟ้อง คดี ม.112 ซึ่งล่าสุดก็มีรายงานว่า ทีมกฎหมายของนายทักษิณ ได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมไปยัง อัยการสูงสุดอีกครั้ง เพื่อยืนยันเหตุผลเพิ่มเติมคัดค้านคำสั่งฟ้อง
ทั้งนี้มีรายงานด้วยว่า เหตุผลที่ทีมกฎหมายของนายทักษิณ บรรยายในคำร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุดครั้งนี้ คือ พนักงานสอบสวนที่ทำสำนวน ถูกกดดันข่มขู่จากผู้มีอำนาจในยุคนั้น คือ คสช.
เนื่องจากการดำเนินคดีนี้ เริ่มต้นหลัง คสช.เข้าควบคุมอำนาจการปกครองเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 ทำให้พนักงานสอบสวนไม่มีอิสระในการทำหน้าที่ กระบวนการได้มาซึ่งพยานหลักฐาน จึงมิชอบด้วยกฎหมาย และเบี่ยงเบนไปตามผู้มีอำนาจต้องการ พร้อมทั้งยืนยัน เนื้อหาที่นายทักษิณให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้ ไม่ได้มีเนื้อหาพาดพิงสถาบันเบื้องสูง และไม่ได้มีถ้อยคำหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย จึงไม่เข้าองค์ประกอบความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
ขณะที่นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงประเด็นการต่อสู้คดีมาตรา 112 ของนายทักษิณ ชินวัตร ที่จะยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมโดยอ้างประเด็นการครอบงำของ คสช.ต่อพนักงานสอบสวนที่ดำเนินคดีเมื่อปี 2558 นั้นว่า ยังไม่เห็นหนังสือขอความเป็นธรรมดังกล่าว และยังไม่ได้ตรวจสอบ
นอกจากนั้นยังมีรายงานข่าวแจ้งว่า ตามขั้นตอนกฎหมาย อัยการสูงสุด(อสส.)เป็นผู้พิจารณาว่า คำร้องขอความเป็นธรรมที่ยื่นมานี้ ฟังขึ้นหรือไม่ มีน้ำหนักมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งฟ้องได้หรือไม่ซึ่งจะออกได้ 3 แนวทาง คือ 1.หากมีน้ำหนักหรือมีมูลพอที่จะพิจารณา ก็อาจเลื่อนนัดส่งตัวผู้ต้องหาไม่ส่งฟ้องศาลวันที่ 18 มิถุนายน เพื่อตรวจสอบคำร้องขอความเป็นธรรมให้เรียบร้อยก่อน
2.หากพิจารณาว่าหนังสือขอความเป็นธรรมไม่มีน้ำหนักหรือข้อมูลเพียงพอ อสส.ไม่สั่งเลื่อนก็ต้องส่งตัวนายทักษิณฟ้องศาลเลย แต่นายทักษิณสามารถยื่นขอความเป็นธรรมต่ออสส.ได้อีกหลังจากฟ้องศาลไปแล้ว แต่ขึ้นอยู่กับอสส. ว่า จะรับไว้พิจารณาหรือไม่ และ 3.นายทักษิณขอเลื่อนการมาพบอัยการสูงสุดเอง ซึ่งอสส.ก็จะพิจารณาว่ามีน้ำหนักเพียงพอจะอนุญาตหรือไม่
ด้านนายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโสสำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ให้สัมภาษณ์แสดงความคิดเห็นว่า การยื่นร้องขอความเป็นธรรมในชั้นอัยการนั้น ปกติจะยื่นได้เพียงครั้งเดียว เรื่องนี้มีระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดเขียนไว้แล้วอย่างชัดเจน ถ้านายทักษิณจะสู้เรื่อง มีการข่มขู่พนักงานสอบสวน ก็ต้องไปสู้ในชั้นศาล ส่วนอัยการสูงสุด หากกลับคำสั่งตัวเอง มีสิทธิ ติดคุก จึงเชื่อว่าเรื่องนี้ อัยการสูงสุด ไม่น่าจะมีการกลับคำสั่งของตัวเองอีกแล้ว
“อัยการสูงสุดกลับคำสั่งตัวเองไม่ได้ เพราะมีคำพิพากษาฎีกาแล้ว ถ้ากลับคำสั่ง อัยการสูงสุดติดคุกครับ แล้วกระบวนการมันจะเป็นยังไงก็ไปฟ้องศาลสิไปสู้คดี จะเป็นอะไรคุณทักษิณจะไปดึงอะไรนักหนาถ้าไม่ผิดก็ไปสู้ในศาลสิครับ”
ขณะที่นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ ก็ได้ออกมาเปิดประเด็นใหม่ว่า การที่อัยการสูงสุด สั่งฟ้องนายทักษิณ ทำไมไปพูดผ่านสื่อมวลชน ซึ่งการสั่งฟ้องผ่านนักข่าว ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และไม่มีระเบียบทำเช่นนั้น อย่างนี้ดูแล้ว มันผิดปกติ ปกติ ถ้าจะสั่งฟ้อง ก็ต้องสั่งฟ้องกับผู้ต้องหาโดยตรง และพาตัวไปส่งศาลทันที
“ผมดูแล้วเห็นว่า มีพิรุธ ทำให้ไม่น่าไว้วางใจในอัยการสูงสุด เพราะโดยทั่วไป ถ้าผู้ต้องหารู้ว่า อัยการสั่งฟ้องก็จะมีเวลาตั้งตัวเช่นหลบหนี หรือมายื่นร้องขอความเป็นธรรมในภายหลังได้”
ไฟไหม้วอด! ร้านค้า 118 ห้อง ศูนย์รวมสัตว์เลี้ยงตลาดจตุจักร สัตว์ตายเกลื่อน!
WWDC 2024 เปิดตัว "iOS 18" พร้อม Siri โฉมใหม่พลัง AI
บุกจับญาติ “ชาดา” คาโรงแรมกลางกรุง มั่วสุมเสพยา ยึดอาวุธปืน-กระสุน