คุณลัดดา เดือนสว่าง ผู้อำนวยการสำนักมาตรการเชิงรุกและนวัตกรรม กล่าวผ่านรายการ "ปิดไมค์ถาม" ทาง PPTV HD36 โดยมีคุณสุชาดา นิ่มนวล เป็นผู้ดำเนินรายการ เมื่อถามถึงการจัดอันดับคะแนน CPI รวมถึงบทบาทในการที่จะยกระดับคะแนน CPI ว่าเป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช.หรือไม่นั้น เรื่องนี้ คุณลัดดา กล่าวว่า คำว่า CPI เป็นเรื่องของการประเมิน ขององค์กรโปร่งใสเพื่อนานาชาติ หรือ TI
ซึ่งเป็นชื่อย่อของผู้ประเมิน ที่เป็นองค์กรจากต่างประเทศ เค้าจะประเมินจากแหล่งข้อมูล 9 แหล่ง เพื่อเอามาเฉลี่ยเป็นคะแนนที่เราเห็นกัน คะแนน CPI ดัชนีการรับรู้การทุจริต CPI ส่วน 9 แหล่งข้อมูลที่มา ก็จะประกอบด้วย นักลงทุนชาวต่างชาติที่มาลงทุนในประเทศเราส่วนนึง ผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศหรือในประเทศไทยส่วนนึง
"ทีนี้ใน 9 แหล่ง ทาง ป.ป.ช. วิเคราะห์ภอดมาแล้วว่าเค้าถามในเรื่องอะไรเกี่ยวกับเรื่องไหน ได้ 5 ประเด็น ประเด็นแรกนโยบายของรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาการทุจริต ประเด็นที่ 2 คือเรื่องสินบน ว่าเข้ามาแล้วต้องจ่ายสินบนในส่วนไหนบ้าง ในการอำนวยความสะดวกในทำธุรกิจเค้ามั้ย ส่วนที่ 3 การขัดกันในผลประโยชน์ จะเป็นเรื่องเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายบริหาร ตุลาการ ทหาร ตำรวจ ว่ามีการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบมั้ย ประเด็นที่ 4 เป็นเรื่องความโปร่งใสในงบประมาณการจัดซื้อจัดจ้าง จะเป็นเรื่องของการใช้จ่ายงบประมาณคุ้มค่ามั้ย ถูกต้องตามขั้นตอนมั้ย การจัดซื้อจัดจ้างโปร่งใสมั้ย และประเด็นสุดท้ายที่เค้าจะถามก็คือการลงโทษการตรวจสอบหน้าที่ของรัฐ ว่ากระบวนการยุติธรรมของเรามีการลงโทษเจ้าหน้าที่อย่างจริงจังที่เค้ากระทำความผิดมั้ย เสมอหน้าเท่าเทียมกันมั้ย นี้คือ 5 ประเด็น จาก 5 ประเด็นเราก็จะพบว่าเป็นภาพกว้างมากเลย บางส่วน ป.ป.ช. ก็ไม่ได้ดูแลตรงนี้ เพราะฉะนั้นในส่วนที่กล่าวมาเนี่ยจึงเหมือนเป็นภาพรวมที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ภาครัฐบาล ภาคบริหาร ที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายบริหาร ตุลาการ หรือว่าจะเป็นทางนักการเมือง รวมไปถึงภาคประชาชนที่ต้องมีส่วนร่วมตรงนี้ด้วยเช่นกัน คือ 5 ประเด็นหลักๆไม่ใช่ ป.ป.ช. เป็นเจ้าภาพหลักๆ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายๆหน่วยงานด้วย"
เมื่อถามว่า ป.ป.ช. มีบทบาทอะไรบ้าง ในการทำงานขั้นตอนของการตรวจสอบ CPI คุณลัดดา ระบุว่า เนื่องจากทาง ป.ป.ช. เราเป็นองค์กรที่มีหน้าที่ในด้านการปราบปรามป้องกันการทุจริตเราเป็นองค์กรหลัก เพราะฉะนั้นในส่วนที่จะเข้าไปเกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของการตรวจสอบไต่สวน ในเรื่องของการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิดฐานทุจริต ก็เป็นในด้านของกระบวนการยุติธรรม อีกหน้าที่ ที่สำคัญ คือ ด้านการป้องกันการป้องกันก็จะมีในด้านส่วนของภารกิจตรวจสอบทรัพย์สินเป็นการแสดงความโปร่งใส ของเจ้าหน้าที่ ในตอนเข้ารับตำแหน่ง และพ้นจากตำแหน่ง
“เสรีพิศุทธ์” เปิดแชตยันพบ “ทักษิณ” ชั้น 14 จ่อแฉ EP.2 รพ.ตำรวจ ลั่น คนเกี่ยวข้องต้องติดคุก
พบผู้สูญหายคนแรกอุโมงค์ถล่มเสียชีวิตแล้ว เร่งค้นหา 2 คนที่เหลือ
เปิดสถิติหวยออกประจำปี 2567 หวยออกวันไหนบ้าง ?
"อีกส่วนนึงก็ในเรื่องการป้องกันในการที่ ป.ป.ช. ออกข้อเสนอแนะหรือ มาตรการให้รัฐบาลหรือ ครม. รับไปพิจารณาเพื่อป้องกันความเสี่ยงในการทุจริตที่จะเกิดขึ้น อย่างเรื่องที่เสนอไปล่าสุด เรื่องของเงินดิจิตอล หรือ จะเป็นเรื่องจัดซื้อจัดจ้างในบัญชีนวัตกรรม อันนี้ก็จะเป็นข้อเสนอแนะที่ทาง ป.ป.ช. มีถึงรัฐบาลเพื่อป้องกันการทุจริต"
เมื่อถามว่า หากต้องการเจาะลึกประเด็นการทุจริต ที่เกี่ยวข้องเรื่องรับสินบนในภาครัฐ อาทิ การจ่ายใต้โต๊ะ แล้วส่งผลต่อคะแนน CPI นั้น คุณลัดดา กล่าวว่า สินบนถือเป็นประเด็น 1 ใน 5 ประเด็น ก็จริง แต่แตะในข้อมูล 8 ใน 9 แหล่ง เพราะฉะนั้นจะเห็นว่าถ้าเกิดเราสามารถขจัดสินบนออกไปได้ ภาพลักษณ์เราก็จะดีขึ้นและจะดึงคะแนน 8 จาก 9 แหล่งได้ทันที เนื่องจากสินบนเข้าไปแตะในทุกกระบวนงาน ขอยกตัวอย่างกระบวนงานที่กระทบต่อนักลงทุนที่เวลาเค้าเข้ามา ก้าวแรกที่เค้าเข้ามาเค้าจะเจอกับการตรวจคนเข้าเมือง
"เค้าก็อาจจะเจอปัญหาความไม่สะดวกในการรับบริการมั้ย หรือถ้าเกิดเค้าจะมาลงทุนเค้าจะต้องติดต่ออะไรก่อน ต้องไปหัดหาที่ดินมั้ย ก็อาจจะมีเรื่องของการจัดสรรที่ดินหรือการรังวัดที่ดิน หรือจะสร้างโรงงานก็ต้องไปดูว่าจะต้องขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงงานยังไง จะสร้างตึกโรงงานขึ้นมาต้องมีการขออนุญาตออกแบบก่อสร้างรวมไปถึงการ EIA การประเมิน EIA"
คุณลัดดา ยังกล่าวเสริมว่า ผู้ที่เข้ามาลงทุน อาจจะต้องใช้แรงงาน ที่อาจจะเป็นแรงงานต่างด้าว อาจเจอการตรวจสอบการยื่นเอกสารขั้นตอน ซึ่งค่อนข้างจะมีขั้นตอนซับซ้อน มีกฎหมายเกี่ยวข้องมาก มีหน่วยงานเข้าไปเกี่ยวข้องก็เยอะด้วย
คุณลัดดา ยังยอมรับว่า การทุจริตมักเกิดขึ้นตั้งแต่ด่านแรก หากยกตัวอย่าง เช่น การไปแตะเรื่องของการจัดซื้อจัดจ้าง หากเค้าจะเข้ามาลงทุน แล้วต้องการประมูลงาน ก็อาจจะเจอตั้งแต่เรื่องการจัดสรรงบประมาณ การที่เข้าไปหาที่ดิน กระบวนการในการ bidding จัดซื้อจัดจ้างเหล่านี้ ทุกอย่างเกี่ยวข้องกับกระบวนงานเจ้าหน้าที่รัฐทั้งหมด
ดังนั้นก่อนที่จะส่งต่อมาถึง ป.ป.ช. ถ้าเกิดในหน่วยงานแต่ละหน่วยมีมาตรการที่เข้มแข็ง ปฏิบัติงานหน้าที่ทุกอย่างหน้าที่ได้อย่างเป็นไปตามกฎหมาย ก็สามารถการันตีความโปร่งใสนักลงทุนก็จะเชื่อมั่น จะสามารถประกอบธุรกิจได้อย่างสบายใจ เลือกเราเป็นประเทศแรกที่จะมาลงทุนโดยที่ ป.ป.ช. ยังไม่ต้องจัดการหรือปราบปรามอย่างใดเลย
คุณลัดดา ยังกล่าวอีกว่า โครงการที่เกี่ยวกับการก่อสร้าง มักจะเจอการทุจริตมากที่สุด เพราะเรื่องการก่อสร้าง มีหลายหน่วยงานกฎหมายค่อนข้างซับซ้อน อย่างว่าแต่ต่างชาติคนไทย จะเข้าไปประกอบธุรกิจหรืออะไรสักอย่างเราต้องติดต่อหลายหน่วยงานมาก ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน กรมอุตสาหกรรมโรงงาน หรือถ้าอยู่ในท้องถิ่นก็ต้องไปติดต่อท้องถิ่นด้วยที่เราจะไปตั้งค่อนข้างซับซ้อนในส่วนนี้เอง ป.ป.ช. ก็พยายามที่จะออกมาตรการที่เกี่ยวกับการอนุมัติอนุญาต โดยมีข้อเสนอแนะไปยัง ครม. ในการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ควรจะต้องดำเนินตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้แล้วยังควรมีระบบสักระบบนึงซึ่งเป็นเหมือนระบบ One Stop Service ที่เค้าสามารถไม่ต้องเดินทางไปติดต่อเจ้าหน้าที่แต่สามารถคลิกได้จากคอมพิวเตอร์ตัวเอง ยื่นเอกสารจากคอมพิวเตอร์ คล้ายที่เรายื่นภาษี
"เราไม่ต้องไปติดต่อเจ้าหน้าที่แต่เราสามารถทำทุกอย่างได้หน้าจอคอม ทำให้ลดการเผชิญหน้าลดการเรียกรับทรัพย์สิน ขนาดเดียวกันมีความชัดเจนว่ายื่นไปแล้วจะได้รับการตอบรับวันไหนรู้ขั้นตอน เหล่านี้จะช่วยลดการทุจริตได้"
เมื่อถามว่า สถานการณ์การทุจริตร้ายแรงขนาดไหน ในช่วงที่ผ่านมา คุณลัดดา กล่าวว่า ปัจจุบันนักลงทุนเลือกลงทุนประเทศที่เขาจะได้รับความสะดวกสบาย ลงทุนแบบไม่ต้องกังวลอะไร ไม่ต้องเสียเรี่ยร่ายปลายทางเพื่อให้ธุรกิจของเค้าเดินหน้าต่อไป
"ขนาดเดียวกัน ถ้าประเทศไหนมีคอร์รัปชันเค้าต้องคิดแล้วว่าเค้าเสียค่า Cost ตรงนี้ไปกับการลงทุน และต้องจ่ายเงินให้กับใต้โต๊ะอีก ธุรกิจเค้าจะดำเนินไปไม่ได้ล่าช้า ผลเสียก็คือเค้าจะไม่ลงทุนประเทศเรา เค้าก็จะย้ายฐานผลิตไปประเทศอื่นที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้เค้าได้มากกว่าในการประกอบธุรกิจ"
อย่างไรก็ตาม ตัวเลข CPI ก็เป็นตัวนึงที่จะสะท้อนความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนด้วยหรือไม่ คุณลัดดา กล่าว่า ใช่ เพราะอย่าลืมว่า CPI เนี่ยส่วนนึงเก็บจากนักลงทุนชาวต่างชาตินี้แหละ ว่าเค้ามาลงทุนประเทศนี้แล้วเค้าเจอกับพฤติกรรมแบบนี้นี้บ้างหรือไม่
เมื่อถามว่า CPI หากเราจะดูในเชิงรายของละเอียด CPI จะโชว์ให้เห็นปัญหาการทุจริตหรือความโปร่งใสในด้านไหนบ้าง คุณลัดดา กล่าวว่า เขาจะดู จาก 5 ประเด็นว่าเค้าจะถอดจาก 9 แหล่งข้อมูล เราจะดูได้จากคะแนนแต่ละแหล่งเลยว่าคะแนนไปแตะที่ประเด็นไหนเช่นประเด็นสินบนที่มีจาก 8 ใน 9 แหล่ง เราจะรู้ได้เลยว่าถ้าคะแนนในแหล่งนี้ตกแสดงว่าเรามีปัญหาเรื่องสินบนนะ หรือคะแนนในแหล่งที่เกี่ยวกับความโปร่งใสในงบประมาณการใช้จ่ายเงินการจัดซื้อจัดจ้างตก เราก็จะรู้ได้ว่ามันเป็นภาพสะท้อนเราจะต้องเร่งดำเนินการแก้ไขในส่วนจุดไหนตรงไหน
เมื่อถามต่ออีกว่า แล้วใน 5 ประเด็น ที่เป็นวาระเร่งด่วน ป.ป.ช. ให้น้ำหนักไปที่ประเด็นไหนเป็นประเด็นหลัก คุณลัดดา กล่าวว่า ป.ป.ช.จะเน้นไปที่เรื่องสินบน เพราะเราชูประเด็น การปราบปรามตรวจสอบไต่สวนในคดีสินบนให้เร็วขึ้น
ที่ผ่านมาเรามีการพัฒนากฎหมาย และระเบียบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ หรือเพิ่มเครื่องมือในการดำเนินการเรื่องนี้ แล้วก็มีกำหนดระยะเวลาในการตรวจสอบไต่สวนให้มีความกระชับและรวดเร็วมากขึ้น
นอกจากนี้ในด้านป้องกันสินบนมี 2 ฝ่ายทั้งผู้ให้และผู้รับถูกมั้ยคะ ผู้ให้เป็นภาคเอกชนผู้รับเป็นเจ้าหน้าที่ผู้รับเป็นเจ้าหน้าที่ผู้รับทาง ปปช. ก็ดูแลอยูแล้วตรงนี้ แต่ผู้ให้เนี่ยสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเราพยายามที่จะเข้าถึงภาคเอกชนพยามยามที่จะให้เค้าสร้างธรรมภิบาลความโปร่งใสในการบริหารงานภาคเอกชนเพื่อให้เค้าเห็นว่าการให้สินบนมีโทษ ไม่มีประโยชน์ต่อเค้ายังไง โดยอาจจะมีมาตรการในการเอื้อประโยชน์ถ้าเค้ามีมาตรการในการป้องกันสินบนอย่างตอนนี้เราชูให้เค้าใช้ ISO 37001 ซึ่งเป็นมาตรการในการป้องกันการติดสินบน
"ถ้าเค้าตรงนี้ได้เราก็จะพยายามหามาตรการในการช่วยลดภาษี ซึ่งตอนนี้กำลังหามาตรการเพื่อเสนอทาง ครม. คือการให้ผลประโยชน์เพื่อให้เค้าดำเนินการป้องกันการทุจริตสร้างธรรมาภิบาลในหน่วยงานของเค้า จะเป็นช่องทางที่เราสามารถลดในการให้สินบนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ ก็พยายามที่จะดึงแนวร่วมภาคประชาชนเข้ามาด้วย ภาคประชาชนก็มีส่วนในการที่จะคอยสอดส่องดูแลการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ เราก็จะมีการสร้างเครือข่ายชมรม Strong ของเราทั่วประเทศ ให้ความรู้เค้าในการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ว่าต้องดูยังไงแจ้งเบาะแสมา แล้ว ปปช.จะปกปิดชื่อให้การคุ้มครองเค้าในการแจ้งเบาะแส อันนี้ก็จะเป็นส่วนช่วยในการปราบปรามการทุจริต และป้องกันในการทุจริตในประเด็นสินบนที่มีประสิทธิภาพ"
คุณลัดดา ยังเปิดเผย ทุกวันนี้การทำงานร่วมกับภาคประชาชน ป.ป.ช. ยังได้จัดชมรม Strong ทั่วประเทศ ว่าชมรม Strong เรามีในทุกจังหวัด ก็คือประชาชนที่อยู่ในจังหวัดนั้นๆ จะเป็นคนแรกๆ ที่รู้ว่ารัฐกำลังจะลงไปทำโครงการอะไร หรือ อาจไปถามถึงความต้องการในการโครงการนั้นๆ
"เพราะว่าเวลาโครงการใดๆ ต่างๆ หรือว่าหน่วยงานภาครัฐไปดำเนินการในพื้นที่เราที่อยู่ชุมชนนั้นบ้านเราอยู่ตรงนั้น เราจะรู้ว่าความต้องการเราควรจะมีถนนเส้นนี้มั้ยหรือควรจะมีเสาไฟต้นนี้อยู่หน้าบ้านเรามั้ย ประชนชนจะรู้ บางทีไม่ได้มาจากความต้องการหรือมาจากการประชาคม"
ส่วนเรื่องการแจ้งเบาะแส ชมรม Strong จะทำอย่างไรนั้น คุณลัดดา กล่าวว่า ตรงนี้สำคัญที่สุด เพราะประชาชนจะรู้ว่าตรงนี้ไม่ได้ทำประชาคม ไม่ได้เรียกร้องตรงนี้ ตรงนี้ไม่ได้จำเป็น ประชาชนเองจะรู้ หากเห็นพฤติการแบบส่อให้เกิดการทุจริต ให้แจ้งมาที่ ป.ป.ช.ทันที
"เราจะมี ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเค้าสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ ป.ป.ช. ประจำจังหวัดที่เค้าอยู่ โดยที่การแจ้งเบาะแสของเค้าเราต้องให้ความรู้สึกมั่นใจและปลอดภัยกับผู้แจ้งเบาะแสด้วย เราจะมีมาตรการในการปกปิดชื่อคือคุณมาแจ้งเบาะแสได้คุณไม่ต้องบอกชื่อ หรือบางทีบอกแต่เราก็จะปิดชื่อคุณไว้เป็นความลับของทางราชการ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าเค้าอยู่ในพื้นที่อาจจะต้องใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ เพราะฉะนั้นมาตรการตรงนี้สำคัญที่เราจะสามารถคงเครือข่ายของเราไว้นอกจากการปกปิดชื่อในการแจ้งเบาะแสยังมีการคุ้มครองพยาน การคุ้มครองพยายนก็คือถ้าพยานให้การกับเราให้ข้อมูลกับเราที่จะนำไปสู่การจับกุม หรือการตรวจสอบไต่สวนของ ป.ป.ช. เรามีกฎหมายที่จะคุ้มครอบเค้าจากภยันตรายจากการที่เค้าจะมาร่วมมือกับเราด้วย"
ส่วนโครงการดังกล่าว ประสบความสำเร็จหรือไม่ คุณลัดดา กล่าวว่า ประสบความสำเร็จมาก ตอนนี้เบาะแสต่างๆ ก็มาจากประชาชน อย่างเรื่องเสาไฟ คดีเสาไฟก็มีต้นกำเนิดมาจากประชาชนแจ้ง ตอนนี้เรากำลังขยายเครือข่ายให้มากขึ้น เครือข่ายไม่ได้มีเฉพาะผู้ใหญ่นะคะมีเด็กๆ เราก็มีการสร้างเครือข่ายของเราด้วย
ส่วนการมีส่วนร่วมของเยาวชน ที่ตอนนี้เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น การให้หลักสูตร ที่คิดขึ้น คือ หลักสูตรต้านทุจริต มีการเผยแพร่หลักสูตรไปตามโรงเรียน ให้น้องๆ ได้รู้ว่า อะไร คือ ทุจริต อะไรไม่ควรทำ เริ่มจากเรื่องเล็กๆ ของเขาก่อน อย่าง การต่อคิวเข้าแถว ไม่ลอกการบ้านเพื่อนไม่ลอกข้อสอบ นี้เป็นจุดเล็กๆ ที่จะต้องสร้างขึ้นตั้งแต่เด็ก
เพื่อให้รู้หน้าที่ แล้วก็รู้ว่าอะไรไม่ควรทำตั้งแต่เด็ก แล้วเด็กเหล่านี้ก็จะมีส่วนที่เป็นผู้ใหญ่ข้างหน้า ที่จะรู้ว่า ไม่ควรจะทนกับเรื่องแบบนี้ จะต้องแจ้ง ป.ป.ช. ในเรื่องแบบนี้
เมื่อถามว่า ภาพใหญ่ของคะแนน CPI ของไทย หากเอาเฉพาะภูมิภาคเอเชีย ไทยเราอยู่ในอันดับดีขึ้นหรือไม่ คุณลัดดา กล่าวว่า หากมองในมุมภูมิภาคเอเชียก็จะอยู่ในระดับกลางๆ ค่อนไปทางน้อยนะคะคะแนนของเรา อย่างคะแนนที่สูงๆ ในบ้านเราในแถบอาเซียนก็จะเป็นสิงคโปร์ หรือเพื่อนบ้านใกล้เคียงที่เคยเป็นคู่สูสีกับเรามาตลอดอย่างเวียดนาม ก็เริ่มมีคะแนนถีบไปแล้วกว่า 40 กว่าคะแนน อย่างเราก็ยังคงที่อยู่ที่ 35 ปีล่าสุด ปีที่แล้ว 36 ก็จะคงที่อยู่ประมาณนี้ 35 – 36 ค่อนข้างที่จะคงเสถียรภาพของคะแนนตรงนี้อยู่
"เราได้วิเคราะห์คะแนน CPI ในทุกปีทาง ป.ป.ช.ดูประเทศเพื่อนบ้านยกตัวอย่างเวียดนามปีที่ผ่านปี 2023 เค้าทำคะแนนจาก 30 กว่าคะแนนกระโดดขึ้นมา 41 คะแนน เราก็ไม่ดูว่ากระบวนการในการป้องปราบปรามการทุจริตเค้าเป็นยังไง ภาพลักษณ์เค้าดีขึ้นก็พบว่าเกิดจากพรรคคอมมิวนิสต์ของเค้าประกาศว่าปัญหาการทุจริตของประเทศเค้ามีและเป็นภัยร้ายที่ควรจะกำจัดโดยเร็ว เค้ายอมรับค่ะว่าประเทศเค้ายังมีการทุจริตและเค้าพยายามกำจัดโดยการส่งผ่านไปยังรัฐบาล มีการออกมาตรการออกกฎหมายเข้มงวดเพื่อมาจัดการตรงนี้ซึ่งคดีที่เค้าทำเพิ่มขึ้นอย่างมากก็คือการกวาดล้างครั้งใหญ่ของเค้า ตรงนี้ส่งผลภาพลักษณ์ไปสู่ต่างชาติทำให้ต่างชาติเห็นถึงความจริงจังในการแก้ไขและจริงจังในการแก้ไขตัวนี้ ความเข้มงวดเหล่านี้ทำให้ต่างชาติมีความเชื่อมั่นและคะแนนเพิ่มสูงขึ้น"
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมานโยบายของรัฐ เริ่มเอาจริงเอาจังกับการปรามปรามเรื่องนี้ใช่หรือไม่ คุณลัดดา กล่าวว่า เป็นเรื่องจริง เพราะเจตจำนงของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา นอกจากส่งผลในสายตาของชาวต่างชาติแล้ว ยังส่งผลไปสู่การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ถ้าฝั่งรัฐบาลประกาศว่าจริงจัง และจะต้องแก้ไขข้าราชการทุกคนจะต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล เช่นเดียวกับ ที่ประเทศเวียดนามทำ ดังนั้นตัวเจ้าหน้าที่ ที่เค้ามีหน้าที่ตรงนี้ เค้าก็จะดำเนินการปราบปรามเค้า ก็จะมีความมั่นใจในนโยบายของรัฐบาลการดำเนินการของเค้าก็จะดำเนินการโดยไม่มีอะไรติดขัด หรือ ตะขิดจะขวงใจในการปรามปราม
ทั้งนี้ หากย้อนมาดูในบ้านเรา นโยบายของรัฐบาลในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตทำให้ ป.ป.ช.สามารถทำงานได้ง่ายขึ้นหรือไม่ แล้วยังเจออุปสรรค หรือมีจุดอ่อนตรงไหน ที่ต้องพยายามปรับความร่วมมือ เพื่อที่จะทำงานควบคู่ไปด้วย คุณลัดดา กล่าวว่า เนื่องจากบ้านเราอาจจะยังมีปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ที่เป็นเรื่องเร่งด่วน ที่รัฐบาลอาจจะต้องไปดูแลตรงนั้น ดังนั้นภาพของการป้องการทุจริตและปราบปรามการทุจริต จึงยังไม่ชัดเจน ในเรื่องของมาตรการ นโยบายต่างๆ ที่ออกจากทางรัฐบาล ก็ออกจะมุ่งเน้นในทางเศรษฐกิจในเรื่องของปากท้องเป็นจุดสำคัญ
ดังนั้นการตรวจสอบของแต่ละโครงการหรือมาตรการป้องกันความเสี่ยงก็ยังไม่ชัดเจน ทาง ป.ป.ช.เอง ในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักในการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต เราจึงมีหน้าที่ในข้อเสนอแนะ หรือมาตรการต่างๆ เพื่อไปอุดช่องว่าง ซึ่งในการทำงานของ ป.ป.ช. เราเป็นเป็นองค์กรอิสระ
เพราะฉะนั้นเราจึงดำเนินการตามหน้าที่ตามกฎหมายอยู่แล้วแต่หากมีการประกาศเจตจำนงค์ของทางฝั่งรัฐบาล ทางนักการเมืองก็จะเป็นภาพใหญ่ที่สะท้อน แล้วมี Impact มากกว่า ที่ทาง ป.ป.ช. ดำเนินการไปยังนานาประเทศชัดเจนกว่า
เมื่อถามว่า หากรัฐบาลประกาศทันที ว่าเราชูนโยบายเรื่องการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชันนักลงทุนต่างชาติ แบบนี้เกิดความเชื่อมั่นมากขึ้นหรือไม่ คุณลัดดา กล่าวว่า ถูกต้อง เมื่อถามย้ำ เรื่องของการทุจริตขององค์กรต่างๆ ตรงนี้ก็จะส่งผลให้ไม่กล้าทุจริตไปในมุมนี้ด้วยหรือไม่ คุณลัดดา ย้ำว่า ถูกต้อง พร้อมยกตัวอย่าง เมื่อรัฐบาลชูเรื่องการการปราบทุจริตข้าราชการ ซึ่งอยู่ในบังคับบัญชาก็จะต้องปฏิบัติตามนโยบายนั้น พูดง่ายๆ ก็คือถ้าประกาศแบบนี้ก็ไม่กล้าละไม่กล้าที่ทำความผิดแล้ว
เมื่อถามว่า ป.ป.ช.ตั้งเป้าหมายค่า CPI ในปีนี้ จะต้องดีขึ้นขนาดไหน คุณลัดดา กล่าวว่า จริงๆ แล้ว ตัวคะแนน CPI อยู่ในเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ ที่เราอยากจะเห็นคะแนนของประเทศไทย ก็คือไม่ต่ำกว่า 50 เมื่อถามเพิ่มเติมว่า เต็ม 100 ถูกต้องหรือไม่ คุณลัดดา กล่าว่า ใช่ค่ะ เต็ม 100 เราก็ตั้งเป้าหมายไว้ว่า จริงๆ เราไม่ควรมีอันดับ ในปี 2570 อันดับต้องไม่ต่ำกว่า 50 เพราะฉะนั้นคะแนนต้องมากกว่านี้เยอะเลย ตอนนี้ 35 อยู่ที่ประมาณ 101 ประมาณ 100 กว่า เพราะฉะนั้นเป้าหมายก็ค่อนข้างที่จะท้าทายมาก แต่อย่างไรก็ดีทาง ป.ป.ช. เต็มที่กับการมีมาตรการในเรื่องของการปราบปรามการทุจริตป้องกันการทุจริต ขณะเดียวกัน เราต้องการความร่วมมือในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ฝ่ายบริหาร ทหาร ตำรวจ และที่ขาดไม่ได้คือภาคประชาชนที่จะช่วยเราในการดำเนินการที่จะยกระดับ CPI
ซึ่งประชาชนเอง ก็มีช่องทางแจ้งมายัง ป.ป.ช.ได้ที่ ศูนย์ปราบปรามการทุจริต ศูนย์ CDC ของเรา ตั้งขึ้นมาสำหรับการแจ้งเบาะแสในการทุจริต เราจะมอนิเตอร์ทุกช่องทางไม่เพียงแต่ประชาชนจะส่งข้อมูลมาอย่างเดียว
คุณลัดดา ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า เราจะมอนิเตอร์โซเชียลมีเดีย เพราะประชาชนอาจไม่กล้าส่งข้อมูลมาทางภาครัฐโดยตรง อาจจะไปโพสในเพจต่างๆ ยกตัวอย่างเพจที่ทำด้านนี้อยู่ อย่างเพจหมาเฝ้าบ้าน ต่างๆ เหล่านี้ เพจชมรม Strong เราก็มีการมินิเตอร์อยู่ตลอดเวลา
"เราจะมอนิเตอร์พวกนี้ ในทางสื่อมวลชนไม่ว่าจะเป็นการเสนอข่าวต่างๆ ที่เป็นเรื่องการทุจริต เราก็จะดึงข่าวเหล่านี้ มาแล้วส่งต่อให้ทางภาคพื้นที่ของเรา ไปดูว่ามีการทุจริตจริง ถ้ายังไม่ถึงขั้นทุจริต เช่น กำลังก่อสร้างอยู่ แล้วเห็นว่าเอ๊ะ อาจมีความเสี่ยงมั้ยไม่เป็นไปตามแบบมั้ยสามารถแจ้งหรือประสานงานให้หน่วยงานเค้าดำเนินงานให้ถูกต้องได้โดยที่งานไม่เสียหายใช่มั้ยคะ ก็จะเป็นเรื่องของการป้องกันดีกว่าไปพบเห็นที่เสร็จแล้วเงินจ่ายไปครบแล้ว แล้วมาเสียหายตามคืนก็จะยากแล้ว อันนี้ก็จะเป็นมาตรการนึงที่จะช่วยได้ค่ะ"
- คอนเทนต์พิเศษ
สำหรับคุณ - TOP การเมือง
- วิดีโอยอดนิยม
