“เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์” จับมือกันไม่น่าแปลกใจ เพราะอุดมการณ์เดียวกันนานแล้ว

โดย PPTV Online

เผยแพร่

อดีตประธาน นปช.–นักวิเคราะห์ไม่แปลกใจ “เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์” จับมือกัน เพราะมีอุดมการณ์เดียวกันมานานแล้ว นั่นคือ “ไร้อุดมการณ์”

ในสายตาคนทั่วไป สถานการณ์การเมืองไทยที่พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นศัตรูคู่แค้นแสนรักกันมานาน กลับจะจับมือกันเป็นพรรคร่วมรัฐบาล อาจดูเป็นเรื่องชวนช็อกอ้าปากค้าง หรืออาจตั้งคำถามว่า นี่เป็นการก้าวข้ามความขัดแย้ง หรือข้ามหัวประชาชนกันแน่

แต่ในสายตาของนักวิเคราะห์ที่มาเป็นแขกรับเชิญในรายการ เข้มข่าวเย็น ช่วง Exclusive Talk ทางช่อง PPTV HD 36 เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 67 นั้น สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยแม้แต่นิดเดียว

คอนเทนต์แนะนำ
"ธิดา"เตือนทักษิณ ไม่มีวิน-วิน มีแต่เกมอำมหิตอนุรักษ์นิยม!
“เสรีพิศุทธ์” เปิดแชตยันพบ “ทักษิณ” ชั้น 14 จ่อแฉ EP.2 รพ.ตำรวจ ลั่น คนเกี่ยวข้องต้องติดคุก
ชัยชนะ "เพื่อไทย" เหนือ "พปชร." แค่ศึกเล็ก "บิ๊กป้อม" คุมองค์กรอิสระเพียบ!

เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์จับมือกันไม่น่าแปลกใจ ช่างภาพพีพีทีวี
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

พรรคสีแดง-พรรคสีฟ้ากลายเป็นสีเดียวกันมานานแล้ว

คุณธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า ไม่แปลกใจกับการจับมือของเพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ เพราะเกิดปรากฏการณ์พรรคเพื่อไทยข้ามขั้วไปจับมือกับขั้วรัฐบาลเดิมมาแล้ว และอย่าลืมว่า “ประชาธิปัตย์ก็เป็นหนึ่งในพรรครัฐบาลเดิม”

ดังนั้น นี่ไม่ใช่การข้ามขั้วแต่อย่างใด เพราะเพื่อไทยข้ามไปนานแล้ว “นี่เป็นแค่การเสริมให้การข้ามขั้วสมบูรณ์แข็งแรงยิ่งขึ้นเท่านั้น”

ด้าน รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) บอกว่า ไม่แปลกใจเหมือนกัน เพราะมีแนวโน้มให้เห็นอยู่แล้ว

“ถ้าย้อนดูพัฒนาการเรื่องนี้ พรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งปี 2562 ได้ สส.มา 52 ที่นั่ง เหตุที่ได้น้อยเมื่อเทียบช่วงอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คือ ในช่วงเวลานั้น ประชาธิปัตย์มีความเป็นอนุรักษ์นิยมไม่พอในความรู้สึกของฝ่ายอนุรักษ์นิยม สูพลังประชารัฐหรือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้” อาจารย์พิชายกล่าว

เขาเสริมว่า คนที่เลือกประชาธิปัตย์ช่วงนั้นมี 2 กลุ่ม คือกลุ่มเสรีนิยมอ่อน ๆ ที่ยังคาดหวังในตัว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ ว่าจะปฏิเสธการเข้าร่วมกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ส่วนอีกกลุ่มคือแฟนพันธุ์แท้ของพรรค

“พอประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลลุงตู่ คุณอภิสิทธิ์ลาออก ปีกเสรีหายตาม เหลือแต่กลุ่มที่จงรักภักดีกับพรรคจำนวนหนึ่ง ซึ่งสะท้อนในการเลือกตั้งปี 2566 ที่เหลือคนโหวตให้เพียง 8-9 แสนเสียง ปีกเสรีที่เคยเลือก ก็ไปเลือกก้าวไกลเป็นส่วนใหญ่” อาจารย์บอก

รศ.ดร.พิชายกล่าวอีกว่า การเลือกตั้งปี 2566 พรรคประชาธิปัตย์ได้ที่นั่งในสภามา 25 ที่นั่ง ในจำนวนนี้เป้นปาร์ตี้ลิสต์เพียง 4 คน ที่เหลือ 21 คนมาจาก สส.เขต ผ่านการใช้ทำการเมือง “สไตล์บ้านใหญ่”
 

“เสรีพิศุทธ์” เปิดแชตยันพบ “ทักษิณ” ชั้น 14 จ่อแฉ EP.2 รพ.ตำรวจ ลั่น คนเกี่ยวข้องต้องติดคุก

พบผู้สูญหายคนแรกอุโมงค์ถล่มเสียชีวิตแล้ว เร่งค้นหา 2 คนที่เหลือ

เปิดสถิติหวยออกประจำปี 2567 หวยออกวันไหนบ้าง ?
 

นั่นหมายความว่า ตอนนี้เนื้อในพรรคประชาธิปัตย์ที่เหลือ มีแนวโน้มเข้าหาการเมืองบ้านใหญ่ เหมือนเพื่อไทย ที่อาศัยคราบจุดยืนที่ตรงข้ามกับชนชั้นนำ นำเสนอสนภาพลักษณ์ว่าเป้นประชาธิปไตยมาปกปิดความเป็นการเมืองแบบวงศ์ตระกูลและบ้านใหญ่ของตน

“คนจำนวนมากทที่เลือกเพื่อไทยในอดีต อาจจะมองว่า เพื่อไทยอยู่ฝั่งตรงข้ามกับชนขั้นนำเดิม คาดหวังว่าจะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แต่เอาเข้าจริงแล้ว ไม่ได้ต่างจากพรรคอื่น ใช้การเมืองวงศ์ตระกูล-บ้านใหญ่” อาจารย์กล่าว

เขาเสริมว่า “พอการเลือกตั้ง 2566 ก็สะท้อนตัวตนแท้จริงออกมาชัด ว่าดีเอ็นเอเป็นยังไง อาศัยฐานเสียงหัวคะแนนและทรัพยากรในเขตเลือกตั้งเป็นหลักในการชนะเลือกตั้ง เมื่อคุยชนชั้นนำและปีกอนุรักษ์ได้ ก็ไม่แปลกที่จะข้ามขั้ว”

รศ.ดร.พิชายกล่าวว่า ช่วงเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยเห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เอารัฐประหารและการสืบทอดอำนาจ จึงเกาะกระแสนั้นจนได้เสียงมาจำนวนหนึ่ง ถึงจะยังไม่มีความมชัดเจนเท่าไร แต่คนยังหวังว่าเพื่อไทยจะไม่บิดพลิ้วสัญญา

อาจารย์บอกว่า คนไทยส่วนใหญ่ในการเลือกตั้งปี 2566 คาดหวังการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง เพราะรู้ว่าการเมืองแบบบ้านใหญ่ไร้อุดมการณ์ มีแต่เอาผลประโยชน์ พวกพ้อง และเส้นสาย

แต่เมื่อเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล ประชาชนเห็นชัดเจนว่า ดีเอ็นเอเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์แทบไม่แตกต่างกันแล้ว อาจารย์พิชายบอกว่า “ตอนนี้มีอุดมการณ์เดียวกัน คืออุดมการณ์ที่ไร้อุดมการณ์ แสวงหาแค่ผลประโยชน์ อำนาจ และตำแหน่งเท่านั้น ... วิธีคิดของประชาธิปัตย์ที่เหลืออยู่ตอนนี้กับคนที่อยู่เพื่อไทยไม่ได้ต่างกัน คือร่วมกันตั้งรัฐบาล และปฏิเสธพรรคประชาชน”

เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์จับมือกันไม่น่าแปลกใจ ช่างภาพพีพีทีวี
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

คนเสื้อแดงใจสลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า

คุณธิดาเสริมว่า ในการจับมือของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ คนเสื้อแดงจำนวนมากเสียใจ เพราะระยะเวลาที่ขัดแย้งกันมายาวนานมาก จนซึมซับเข้าลึก

อดีตประธาน นปช. กล่าวว่า คนเสื้อแดงตอนนี้มีอยู่ 3 ก้อนใหญ่ ๆ ก้อนแรกคือคนเสื้อแดงที่ไปโหวตให้พรรคก้าวไกล เพราะมีอุดมการณ์ใกล้เคียงกับเขามากกว่า ก้อนที่สอง คือคนที่ยังโหวตให้เพื่อไทยเพราะถือว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย และก้อนที่สามคือกลุ่มที่เลือกเพื่อไทยตามยุทธศาสตร์ คือในบางพื้นที่พรรคก้าวไกลมีแนวโน้มไม่น่าจะชนะ แต่เห็นเพื่อไทยซึ่งคิดว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยเหมือนกันน่าจะมีโอกาส จึงเลือกจนชนะ

คุณธิดาบอกว่า การจับมือกับประชาธิปัตย์จะมีผลกระทบกับกลุ่มก้อนที่สองและสาม “คนเสื้อแดงเจ็บปวด เพราะเพื่อไทยเปลี่ยนสถานะจากแกนนำฝ่ายประชาธิปไตย มาเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยมแทน คนเสื้อแดงปวดใจซ้ำแล้วซ้ำอีก เรื่องประชาธิปัตย์ยิ่งซ้ำเติม แต่ก็เห็นแล้วว่า มันมีรากเหง้าสัญญาณมาตั้งแต่การข้ามขั้วรอบแรกแล้ว”

ส่วนก้อนที่สามนั้น เลือกเพราะตอนนั้นเพื่อไทนยังเป็นประชาธิปไตยเหมือนกัน เมื่อเพื่อไทยย้ายมา เชื่อว่าจะเสียคนที่เลือกตามยุทธศาสตร์แน่นอน

คุณธิดามองว่า พรรคเพื่อไทยอาจจะเชื่อในโมเดลเดิมแบบพรรคไทยรักไทย ว่าถ้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ จะดึงคะแนนกลับมาได้ แต่ส่วนตัวคิดว่าคนเปลี่ยนไปเยอะ โดยเฉพาะคนเสื้อแดง เพราะพวกตนไม่เคยต่อสู้เพื่อเศรษฐกิจหรือการเพิ่มค่าแรงหรือค่าน้ำค่าไฟ แต่สู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างเดียว

“พวกนี้หัวเด็ดตีนขาดไม่เอาผลิตผลรัฐประหาร เป็นเสื้อแดงพันธุ์แท้ การแก้เศรษฐกิจเป็นเรื่องที่ดีต่อประชาชน ทุกคนชอบ แต่เสื้อแดงมีสิ่งที่ชอบมากกว่า นั่นคือความก้าวหน้าทางการเมือง” อดีตประธาน นปช. กล่าว

ประชาธิปัตย์ไม่มีผลอะไรต่อเสถียรภาพรัฐบาลแพทองธารแม้แต่น้อย

การเข้ามาของประชาธิปัตย์ทำให้เกิดคำถามว่า การร่วมรัฐบาลกันของเพื่อไทย-ประชาธิปัตย์จะมีเสถียรภาพหรือไม่? เรื่องนี้อาจารย์พิชายมองว่า เสถียรภาพไม่ได้ขึ้นอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์

“ประชาธิปัตย์ 20 กว่าเสียงไม่มีผลกับเสถียรภาพรัฐบาลนายกฯ แพทองธาร เพราะต่อให้ประชาธิปัตย์ไม่ร่วมก็มี 200 ปลาย ๆ แล้ว ... จำนวนที่ประชาธิปัตย์มีไม่ได้ส่งผล ไม่มีนัยสำคญกับเสถีบรภาพ มันขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นมากกว่า โดยเฉพาะเกมนอกสภา” รศ.ดร.พิชายกล่าว

เขาเสริมว่า ในสภา เพื่อไทยสามารถคุมสถานการณ์ได้ เพราะมี สส. 300 กว่าเสียงถ้ารวมประชาธิปัตย์ แต่ปัจจัยจากข้างนอกสภาหรือเหนือสภาคุมไม่ได้ เช่น การร้องเรียนต่าง ๆ นายกฯ แพทองธารไม่รู้โดนไปกี่เรื่องแล้วตอนนี้

“จะมีนักร้องตลอดเวลา การที่เขาตัด พล.อ.ประวิตร ออก จะยิ่งเพิ่มความเข้มข้นในการถูกร้อง แต่ถึงเอาเข้ามารว่มรัฐบาล ก็อาจถูกร้องเหมือนกัน เหมือนเข้ามาแบบมีมีดซ่อนอยู่ข้างหลัง” อาจารย์บอก

เขาเสริมว่า “แต่เมื่อส่งออกไปข้างนอก กลายเป็นว่าอาจมีภัยมหันต์ยิ่งกว่าเดิม พรรคพลังประชารัฐในสภาไม่ได้โดดเด่น ฝ่ายค้านก็สู้พรรคประชาชนไม่ได้ แต่งานนอกสภาเขาเป็นมือฉมัง ... เครือข่ายมีทั้งนักร้อง มือกฎหมาย ไม่รู้เท่าไร มีองค์กรเหนือสภาที่มีอิทธิพลและเครือข่ายเขาอยู่ คอยรับเรื่องการดำเนินการที่ประหลาด เพื่อทำให้เกิดผลลบต่อรัฐบาลหรือพรรคอื่น”

คุณธิดาเห็นด้วยว่า รัฐบาลหรือฝ่ายอนุรักษ์นิยมตอนนี้ไม่ได้มีเอกภาพ มีความเกลียดชัง นายทักษิณ ชินวัตร มาตั้งแต่ต้นไม่น้อย แต่ฝ่ายอนุรักษ์หัวใสจำนวนหนึ่งมองว่าเป็นเรื่องจำเป็นต้องดึงนายทักษิณเข้ามา เพื่อรักษาอำนาจและจัดการพรรคประชาชนก่อน

แต่ความไม่เป็นเอกภาพนี้จะทำให้นายทักษิณอยู่ลำบาก ต้องกังวลหลายเรื่อง โดยส่วนตัวคุณธิดามองว่า ผู้คนในเครือข่ายระบอบเก่าที่มีอำนาจอยู่ในสถานะที่ควบคุมกลไลรัฐจำนวนมาก ดังนั้นพร้อมจัดการนายทักษิณได้ตลอดเวลา

“ทั้งหมดอยู่ในกำมือเขา ถ้าคุณทักษิณหรือพรรคเพื่อไทยทำอะไรสุ่มเสี่ยง เขาก็เคาะ ... ถ้าคุณทักษิณทำอะไรที่ดูไม่น่ายินดี ก็ต้องโดนเคาะกะโหลก” คุณธิดากล่าว

Bottom-BDMS Bottom-BDMS

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ