ท่ามกลางความโกลาหลการเมืองไทย ครม. อิ๊งค์ 1 คลอดออกมาแล้วท่ามกลางการวิจารณ์ทั้งเรื่องคุณสมบัติและการนำคนใกล้ชิดขึ้นมาแทนตำแหน่งรัฐมนตรีบางคน จนได้สมญานาม “ครม.สืบสันดาน” ยังไม่นับการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ที่มีพรรคประชาธิปัตย์ที่ทิ้งความเป็นอริ หรือพลังประชารัฐที่มาครึ่งเดียว เป็นการรวมสรรพกำลังจนรัฐบาลมี สส. มากกว่า 300 เสียง มีเสถียรภาพจนแทบจะกลายเป็นเผด็จการในรัฐสภา
ประเด็นหลังนี้น่าสนใจอย่างมากว่า ทำไมขั้วรัฐบาลจึงต้องการ สส. มากถึงขนาดนี้ หรือนี่เป็นอีกหนึ่งแผนการอันแยบยลของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร
จึงเป็นที่มาของการพูดคุยกับ คุณไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกฯ และ คุณศักดา นพสิทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย ในรายการ เข้มข่าวเย็น ช่วง Exclusive Talk ทางช่อง PPTV HD 36 เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 67
เรื่องแรกที่พูดคุยกันคือสภาพของพรรคพลังประชารัฐตอนนี้ที่กลายเป็นพรรคอกแตกถูกผ่าแบ่งเป็น 2 ขั้ว 2 เมือง ซึ่งฝั่ง “ผู้กอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ยกไปเข้าฝั่งรัฐบาล 22 คน ส่วนฝั่ง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เหลือ สส. 18 คน
คุณไพศาลมองว่า ผลการแต่งตั้ง ครม. ออกมาก็ชัดเจนแล้ว เพราะฝั่งผู้กองได้ตำแหน่งรัฐมนตรี และการย้ายไปนั่งกับพรรคเพื่อไทยในการประชุมรัฐสภาไม่ใช่เรื่องอัศจรรย์อะไร เป็นสิ่งที่ทำได้ในทางพฤตินัย
แต่กรณีที่ ร.อ.ธรรมนัสจะลาออกจากพรรคแต่ยังต้องการมีสถานภาพเป็น สส. อยู่นั้น ทำไม่ได้ เพราะถ้าลาออกจะขาดความเป็นสมาชิก ต้องถูกขับออกโดยกรรมการบริหารของพรรค ซึ่งตอนนี้ฝั่งบิ๊กป้อมเป็นเสียงข้างมากอยู่ จึงไม่มีทางขับออกแน่นอน
น้ำท่วม 67 กทม. เฝ้าระวัง เร่งอุดจุดฟันหลอริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท จ่ายเงินก้อนแรกทันต้น ก.ย.67
เปิดโผ 30 ชื่อลุ้น "บัลลงดอร์" 2024 ไร้ เมสซี่-โรนัลโด้
สภาพของฝั่งผู้กองธรรมนัสขณะนี้จึงเป็น “อยู่ก็ไม่ได้ ออกก็ไม่ได้” แต่ในท้ายที่สุดสุดต้องแยก ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ ต้องไปทางใดทางหนึ่ง
คุณไพศาลมองว่า ที่สภาพพลังประชารัฐเป็นอย่างนี้ เพราะอดีตนายกฯ ทักษิณไม่ต้องการ พล.อ.ประวิตร แต่ยังต้องการ “จำนวน สส.” อยู่ ทำให้หาทางแบ่งผ่าซีกฝั่งผู้กองมาเข้าร่วม
และที่นายทักษิณอยากได้ สส. ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก็อาจมีนัยแอบแฝง
“ถามว่าซีกรัฐบาลมีตั้ง 300 กว่าเสียง เสถียรภาพสูงมาก ทำไปทำไม ต้องย้อนดูดูประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย ทัศนคติของคุณทักษิณคือต้องรวบ ต้องรวม ต้องควบ อะไรร่วมได้ร่วม ดึงได้ดึง ทำให้ครองเสียงข้างมากล้นพ้น จนได้ชื่อว่าเป็นเผด็จการรัฐสภา” คุณไพศาลกล่าว
อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกฯ บอกว่า ตอนนี้ ครม.อิ๊งค์ 1 ใช้วิธีเดียวกัน มีเสียง สส. 319 ถือว่าเด็ดขาดมาก ไม่มีใครกล้าหือ การกระชับอำนาจในรัฐสภาเข้มข้นขึ้น
ด้านคุณศักดาเสริมว่า การเสริมความแข็งแกร่งให้รัฐบาลแพทองธารขนาดนี้ เป็นเพราะนายทักษิณต้องการช่วยลูกสาว
“คุณทักษิณกำลังทำหน้าที่เกินกว่า ‘กลับมาเลี้ยงหลาน’ เป็นข้อเท็จจริงที่ปิดไม่ได้ ... แต่เมื่อกลับมาแล้ว สิ่งที่ต้องคำนึงคือเรื่องที่สัญญาไว้ คนยังจับจ้องติดตามอยู่ และเมื่อก้าวออกจากคำสัญญาที่ให้ไว้ มาทำงานการเมือง ด้วยความเป็นอดีตนายกที่มีศักยภาพ คงอยากสนับสนุนเพื่อไทยกับลูกสาวให้เป็นนายก” คุณศักดากล่าว
อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทยบอกว่า ยอมรับว่านายทักษิณเป็นบุคคลที่มีความสามารถสูงมาก สะท้อนจากการแสดงวิสัยทัศน์ล่าสุดที่แม้จากไป 17 ปีแต่ยังแสดงวิสัยทัศน์การแก้ปัญหาต้องทำอย่างไร การจะสร้างความเจริญต้องทำอย่างไร ยุคต่อไปจะเป็นอย่างไร ยังคงทำให้นักธุรกิจและพี่น้องประชาชนสนใจได้อยู่ เป็นโร้ดแมปได้เลยด้วยซ้ำ
ด้วยวิสัยทัศน์ระดับนี้ การตั้งรัฐบาลแพทองธารหรือ ครม.อิ๊งค์ 1 ที่หน้าตาพิสดารแบบนี้จึงอาจไม่ใช่แค่การ “แก้แค้น” อย่างที่มีการวิเคราะห์ก่อนหน้านี้ แต่น่าจะมีอะไรลึกซึ้งกว่านั้น
คุณศักดาบอกว่า “เชื่อว่านี้เป็นยุทธศาสตร์การเมือง การมีเสียงข้างมากในสภา 290-300 เสียงก็พอแล้ว ทำไมเพื่อไทยต้องการมากกว่า 300 เสียง นั่นเป็นเพราะเมื่อมีเสียงมาก เวลาเกิดเหตุเภทภัยใด พรรคร่วมรัฐบาลสามารถช่วยกันแก้ไขได้ และการเสนอร่างกฎหมายใด ๆ สส.ก็ให้การสนับสนุน ... ที่สำคัญ เมื่อมีเสียงมาก หมายความว่า เพื่อไทยไม่ต้องระวังว่าใครถอนตัวแล้วจะเป็นประเด็น ไม่ให้เพื่อไทยถูกใครขู่ว่าจะเอาคนออก”
นอกจากนี้ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทยมองว่า การที่เพื่อไทยดึงพรรคร่วมหลายพรรคหลายขั้ว เพราะทางยุทธศาสตร์ต้องการ สส. และแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ที่จะช่วยปกป้องรัฐบาลนี้ ถ้าใครพยายามล้มล้างไม่ให้เดินต่อไป
พูดง่าย ๆ คือเป็นการปกป้องรัฐบาลของลูกสาวอย่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ให้อยู่รอดได้นั่นเอง และอาจมองไกลไปถึงเพื่อเป็นยุทธศาสตร์ในสงครามครั้งต่อไปด้วย
“การเสริมสร้างความเข้มแข็ง ถ้าเป็นผมก็อาจจะคิดอย่างนี้ ... และผมเชื่อว่าคุณทักศิณไม่ได้มองแค่รัฐบาลนี้ 3 ปี เมื่อเสร็จสิ้น หมดวาระ เลือกตั้งใหม่ ก็ต้องการให้พรรคเพื่อไทยได้สูงสุด ส่วนพรรคร่วมเดี๋ยวถึงเวลาต้องมาแข่งกัน แต่สิ่งสำคัญเชื่อว่าคุณทักษิณหมายตาไปที่พรรคประชาชน เพราะมีคนรุ่นใหม่ที่มีวิสัย มุมมอง และการศึกษาสูงขึ้น จากสถิติ 2-3 ครั้งที่ผ่านมา พรรคประชาชนได้รับความนิยมสูงขึ้น ในขณะที่รัฐบาลมีเวลา 2-3 ปี หรือเท่าที่อยู่ได้ เท่ากับมีเวลาให้พรรคประชาชนโตด้วยเหมือนกัน ดังนั้น คุณทักษิณไม่น่ามองมุมเดียว” คุณศักดากล่าว
อย่างไรก็ตาม คาดว่ารัฐบาลแพทองธารและนายทักษิณอาจต้องเจออุปสรรคชิ้นโต เป็นเกมนอกสภาจาก “คนในบ้านป่า”
คุณไพศาลบอกว่า รัฐบาลจะเจอเกมนอกสภาแน่ ๆ “ขนาดตอนนี้ ครม.ยังไม่เข้าทำหน้าที่ยังโดนร้องหลายเรื่อง แต่ละเรื่องมุ่งเอาอาญา ถอดถอน หรือยุบพรรคทั้งนั้น และมาจากเครือข่ายฝ่ายค้าน ฉะนั้น หนทางข้างหน้าการร้องเรียนน่าจะเป็นวิกฤตหลักที่จะสร้างผลกระทบต่อรัฐบาล นี่เพิ่งโปรดเกล้าฯ ยังไม่ทันทำนโยบาย ยังไม่ได้ทำหน้าที่เลย”
เขาเสริมว่า ขณะนี้ได้เริ่มมีกระแสการก่อหวอดนัดลงถนนกันเป็นการอุ่นเครื่องแล้ว บรรยากาศเดิม ๆ เริ่มกลับมา แต่จะได้ผลหรือไม่ต้องรอดู เพราะประชาชนตื่นพอสมควรแล้ว ว่าคนที่ชักชวนมาประท้วงสุดท้ายวันนี้ยังได้ตำแหน่งรัฐมนตรี พอตกลงกันได้กลัวจะทิ้งประชาชนหมือนเดิม